นิ้วทุกนิ้วสำคัญ...


นิ้วทุกนิ้วสำคัญ....ลูกเห็นด้วยมั้ย

นิ้วทุกนิ้วสำคัญ....ลูกเห็นด้วยมั้ย

 

ลูกครับ วันนี้แม่บังเอิญถูกของมีคมบาดถูกนิ้วนางข้างซ้ายระหว่างทำงาน



ลูกคงนึกภาพแม่นั่งทำงานออก เคยเห็นแม่หยิบสไลด์ด้วยมือซ้าย

วางสไลด์บนแป้นของกล้องจุลทรรศน์  แล้วก็ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือขวาเลื่อนที่ล็อค แผ่นกระจกสไลด์ให้เข้าที่

 

ถัดจากนั้นก็ใช้มือซ้ายปรับวงล้อโฟกัส ซึ่งกล้องของแม่ที่ใช้ประจำ จะมีวงล้อปรับหยาบ และวงล้อปรับละเอียด และทางด้านหน้าที่ฐานของกล้อง ค่อนมาทางซ้ายของมือแม่  ยังแถมมีช่องให้เลื่อนความสว่างของแสงไฟได้ด้วยว่าต้องการความสว่างแค่ไหน  

 

สามส่วนสำคัญนี้  วงล้อปรับโฟกัสหยาบ, ละเอียด และช่องปรับความสว่างของแสงไฟ   อยู่ทางขวาของกล้อง เท่ากับอยู่ทางซ้ายมือของแม่ 


แม่ใช้มือซ้าย โดยใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้เป็นตัวหยิบแผ่นกระจกสไลด์ ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางเป็นตัวหมุนวงล้อปรับโฟกัส   ใช้นิ้วโป้งเป็นส่วนใหญ่ หรือบางครั้งก็นิ้วชี้ และนิ้วกลางด้วยเป็นตัวเลื่อนแป้นเล็ก ๆ ที่ช่องปรับความสว่างของแสง

 

เดิมแม่ใช้นิ้วบ่อย ๆ ก็สามนิ้วนี้แหละ

 

นิ้วของมือขวา  โดยส่วนใหญ่ใช้นิ้วทั้งสามนิ้วเช่นกัน


นิ้วโป้ง ชี้ และกลาง เป็นตัวหมุน  ตัวโยก หรือ คันโยกดี


เรียกคันโยกแล้วกัน ไพเราะกว่า  นั่นแหละแม่ใช้สามนิ้วนี้ โยกแป้นรองรับสไลด์ให้เลื่อนไปมาแบบเป็นระบบ  เพื่อตรวจดูเซลล์หรือ ชิ้นเนื้อจนกว่าจะหมดแผ่น

 

ลูกคงนึกออก   เพราะลูกเคยนั่งดูสไลด์กับแม่บ่อย ๆ



แม่ยังจำ เซลล์มิ้กกี้เม้าส์  เซลล์ซีล(ตัวพระเอกในนิยายวิทยาศาสตร์ที่ลูกเขียนการ์ตูน)  และเซลล์ผู้ร้ายอีกหลาย ๆ ตัวที่ลูกตั้งชื่อไว้หลากหลายชื่อมาก

 

แม่ทำงานอย่างนี้ทุกวัน


ทำซ้ำ ๆ


ทำไปตามอัตโนมัติ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คิดวิเคราะห์เซลล์บนแผ่นสไลด์ตลอดเวลา ต้องดูและรู้จักมัน ทุกเซลล์

 

 

ทำจนเวลาที่แม่จะเขียนจดหมายฉบับนี้ให้ลูกอ่าน  แม่ต้องค่อย ๆ นึก เรียบเรียงท่าทาง ขั้นตอนที่แม่หยิบจับแผ่นสไลด์ที่ว่า

 

และกำลังนึกย้อนหลัง(retrospective)  ว่าวันนี้แม่พลาดไปได้อย่างไร

 

อันที่จริงมันคงไม่เกิดแผลที่มีเลือดไหล ถ้าไม่ใช่ว่า นิ้วนางของแม่บังเอิญบอบช้ำอยู่ก่อนแล้ว


 

แม่เล่นดึงหนังจมูกเล็บอีกแล้วครับลูก

 

ดึงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไม่ได้ แต่จมูกเล็บและใต้ท้องนิ้วนางมันจึงบวมเป่งอยู่ก่อน


กลายร่างเป็นนิ้วหัวโต๊โต

มันจึงเสี่ยง และหลีกเลี่ยงมุมคม ๆ ของแผ่นกระจกสไลด์วันนี้ไม่พ้น

 

เอาเป็นว่า แม่ก็หยิบผ้าก๊อซมาห้ามเลือด แล้วก็เดินไปให้ คุณหมอรุ่นน้องช่วยจัดการต่อในห้องผ่าตัดเชียวนะลูก หรูมั้ย? 


ที่ต้องเข้าห้องผ่าตัด เพราะรู้สึกมีแผ่นกระจกค้างเที่ยวเล่นอยู่ในนิ้วแม่จ้ะ


ต้องใช้มีดผ่าตัด ปลอดเชื้อโรค หาและกำจัดมันออก


 

เจ็บนิดเดียวจ้ะลูก เหมือนในหนังสือ “ชวนม่วนชื่น”  พระคัมภีร์ของแม่ ที่มีพระคนหนึ่งเขาถอนฟันเอง


แล้วเขาเล่าให้พระอาจารย์พรหมฟังว่า


ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะเจ็บตั้งแต่ยังไม่ลงมือถอน  เราจะขาดทุน  เจ็บเกินเวลาเจ็บจริง


 

จริง ๆ จ้ะลูก แม่เจ็บจากเข็มฉีดยาชา เพียงสองสามนาทีเท่านั้น

หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บ


 

สรุปเรื่องอุบัติเหตุ และแผลที่แม่ได้มา มันไม่ใช่เรื่องหลักที่แม่อยากเล่าหรอก

 

แต่ลูกก็รู้ บางทีเขียนเพลิน  เรื่องหลักกลายเป็นส่วนประกอบเฉยเลย



 

ที่แม่อยากเล่าอยู่ที่  พอคุณหมอเขาจัดการไอ้เจ้านิ้วหัวโตเรียบร้อย  แทนที่มันจะเล็กลง  มันกลับหัวโต๊โต มากขึ้นไปอีก 


เพราะหมอเขาต้องพันผ้าก๊อซทับไว้อีกหลายชั้น  เพื่อห้ามเลือด  และเพื่อให้แผลปลอดภัยจากเชื้อโรคภายนอก

 

แม่จึงหยิบจับแผ่นสไลด์ซึ่งเป็นแผ่นบาง ๆ ลำบาก

ทำงานไม่ค่อยสะดวกเลย

 

แม่จึงต้องใช้นิ้วอื่น ๆ มาหยิบ มาใช้ทดแทน


เช่นนิ้วก้อย นิ้วน้องน้อยซึ่งปกติ  ดูเหมือนไม่ค่อยมีบทบาทในการทำงาน

มันใช้การได้ดีแฮะ

 


นี่ไง  เรื่องหลักที่อยากเล่าให้ลูกฟังทางจดหมาย

 

ว่าเดิมบางนิ้วที่เราคิดว่าไม่สำคัญ  ถึงเวลาเขาช่วยเราทำงานทำการได้ดี


เหมือนคน ผู้น้อย บางครั้งช่วยการงาน ผู้ใหญ่ได้นะจ๊ะ


ราชสีห์ยังต้องพึ่งหนูตัวจ้อย เลย



 

มีแค่นี้เอง  อิ อิ

 

จบจดหมายดื้อ ๆ อย่างนี้นะครับ


รักลูกครับ รักเยอะ

 

แม่เอง

หมายเลขบันทึก: 214480เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2008 21:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2014 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอ เก็บเอาไปสอน ต่อ

เมื่อวานลูกสาวเล่าให้ฟัง ว่ากังวล ร้อนใจ เพราะเพี่อน ร่วมงาน 2 คน อีก สิบกว่า วัน จะลาออก พร้อมกัน

แล้วจะทำ อย่างไร กับงานบริการมหาศาลที่จ่อหน้า อยู่ เดิมเคยช่วยกัน 5 คน เดือนหน้าจะเหลือ 3

ตอนนี้ ดูหน้าเพื่อนไม่ติด เพราะ สาเหตุการลาของเขา คือ

ออกไปพักผ่อน และเที่ยว ก่อนเรียนต่อที่ กทม ในเดือน มิย

เคืองเพื่อนจะชิงลาออก ก่อน

และกังวล กลัวว่าจะทำงานไม่ไหว กลางวันก็คงไม่ไหว กลางคืน อยู่เวรยิ่งคิดไม่ออก ว่าจะทำได้อย่างไร

กลัวจะต้องลาออกไปอีกคนในเดือนต่อๆ ไป

คิดไม่ออกว่าจะช่วยอย่างไร แก้อย่างไร ได้แต่รับฟัง

จริงๆ คนที่ควรกังวล มากกว่า คือ หัวหน้างานเขา

แต่วันนี้ อ่านบล็อกนี้แล้ว จะบอกเขาว่า

ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะลำบาก ตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลา เราจะขาดทุน ลำบากเกินเวลาลำบากจริง

ขอบคุณค่ะ

  • สวัสดีครับ คุณพี่
  • ผมมาอ่านเรื่องนี้แล้ว ผมดีใจครับ
  • ที่ทุกวันนี้ผมได้รู้จักขอบคุณทุกสิ่งบนร่างกายผมที่มีไว้ใช้งาน
  • พออ่านผมยิ่งซึ้งใจเข้าไปอีก
  • นึกสงสารคนพิการที่ย่อท้อเมื่อเขาไม่มีมือไม่มีขา
  • นึกประหลาดใจกับความเข้มแข็งของคนพิการที่มีกำลังใจสู้ต่อแม้ไม่มีแขนไม่มีขา
  • เวลาผมไม่สามารถใช้มือขวาได้
  • ผมก็ยังมีมือซ้าย
  • นิ้วชี้ใช้ไม่ได้ผมก็ใช้นิ้วนางแทน(อาจจะไม่ดีนักแต่ก็ดีที่สุดสำหรับคนที่เจ็บนิ้วชี้ครับ)
  • ตอนนี้ผมเลยใช้มือซ้ายและนิ้วกลางแทนมือขวาและนิ้วชี้ได้ดีเช่นเดียวกัน เพื่อนๆพี่ๆที่เรียนด้วยกันเรียกผมว่า แปลกคน
  • แต่ในความแปลกคนนั้นผมว่าผมก็เหมือนนิ้วก้อยที่พี่เล่าให้ฟังเลย ผมมีดีแต่ไม่ค่อยโชว์ อิอิ
  • เป็นมนุษย์ประหลาดครับ ในสายตาคนอื่น
  • แต่คนอื่นลืมคิดว่า การที่ใครสักคนมีความต่าง หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้น เรียกว่าประหลาดหรือ
  • สวัสดียามเช้าครับ คุณพี่ หวังว่าคุณพี่จะได้ฟังเพลงแล้วนะครับ

 

P -ขอบคุณพี่รวิวรรณค่ะ

"ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะลำบาก ตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลา เราจะขาดทุน ลำบากเกินเวลาลำบากจริง" คำนี้คมค่ะ

แล้วก็ เราเปลี่ยนความคิดใครคนอื่น ๆ ไม่ได้(fact)

เปลี่ยนความคิดตัวเราเองได้เท่านั้น..ซึ่งก็ may be ""หมายถึงบางคราวก็ได้ บางครั้งก็หลุด ค่ะ

P สวัสดีตอนเที่ยงค่ะ

ฟังเพลงที่น้องลิ้งค์ไว้ให้ไปด้วย..มีความสุข ค่ะ

เห็นด้วยมาก ๆ ว่าเราต้องขอบคุณอวัยวะทุกส่วน ชิ้นส่วนทุกทุกสิ่งบนร่างกายของเรา  ทุกเวลาที่เราใช้งาน" เขา"ค่ะ

สวัสดีค่ะ..คุณหมอ

คิดถึงจังค่ะ..

คุณหมอสบายดีนะคะ

อ่านทุกเรื่องราว..ทุกบันทึกของคุณหมอแล้วค่ะ

คุณหมอก็ยังคงน่าทึ่งดังเดิม..แถมน่ารักนักหนาด้วย

ด้วยความระลึกถึงเสมอค่ะ..แม้งานจะหนักและไม่ได้มาเยือน

P  ขอบคุณคุณอ้วนค่ะ ไปอ่านเรื่องโฮมสคูลบ่อย ๆ
นอกจากใจเราสองคน(พ่อ-แม่),เวลาที่จำกัดในการงานของเรา, แล้วเรายังเกร็งนิดหน่อยกับเรื่องระบบการศึกษาของเมืองไทย อ้อ กลัวว่าสังคมที่จะเป็นตัวช่วยบ่มเพาะลูกเราก็สำคัญไม่เบา....

ตอนนี้ที่ทำได้คือพาเขา..ลูกไปในที่ ๆ คิดว่าช่วยสอน"ชีวิตจริง"ให้เขาได้ เป็นระยะ ๆ ค่ะ

ต้องไปไต่ถามครูอ้วนอีกแน่นอน

คิดถึงเช่นกันค่ะ

เจ็บนิ้ว จากการทำงาน

พลันนึกขึ้นได้ว่า เราเคยเจ็บนิ้วจากการงานมาก่อน

 

...ประโยชน์ของการมี บันทึก...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท