จดหมายถึงเพื่อนรัก เรื่องลูกและพลังแห่งความรัก


เพราะลูกฉัน น้องภู กำลังโตวันโตคืน และเขาชอบอ่านหนังสือมาก ๆๆ ๆๆ มากกว่าฉันซะอีก, "แม่ phenomenon , science, theory, hypothesis, miracle , magic, truth etc คำเหล่านี้มันต่างกันยังไงหรือ แม่"

ยายน้อง

ช่วงนี้ฉันอ่านหนังสือมาก ๆ ๆ ๆ ถึงมากเล่มที่สุด

ทั้งหนังสือทบทวนบทเรียน (Text Book) ซึ่งเธอกำลังช่วยลุ้นอยู่ว่า
ฉันจะได้ทุนไปเรียนต่อ โดยสะดวกหรือไม่

และเวลาเบื่อText  ฉันก็หยิบหนังสือ pocket-book หลายเล่ม หลากเรื่อง  ที่หิ้วไปหิ้วมาเพราะงก อยากอ่านแต่บางครั้งก็ไม่ได้อ่านสักที

อย่าค้อน หรือหมั่นไส้ฉัน เรามันคนประเภทเดียวกัน

กระเป๋าใส่หนังสือของเธอ ใหญ่กว่าฉันเสียด้วยซ้ำไป
 
ฉันอ่านทั้งที่ฉันหาซื้อมาเอง และที่สามีซื้อให้  ช่วงนี้ซื้อให้บ่อย เพราะรู้ว่าฉันรู้น้อย อิ อิ 
เขาบอกให้ฉัน พยายามอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ เพื่อจะได้ถ่ายทอดถูก อย่า..บุ๋ม ๆ ๆ  ๆ ดำน้ำ

เพราะลูกฉัน น้องภู กำลังโตวันโตคืน และเขาชอบอ่านหนังสือมาก ๆๆ ๆๆ   มากกว่าฉันซะอีก
 
วันดีคืนดี ก็ถามฉันว่า

"แม่ แม่ แม่"  ของแท้ต้องเรียกแม่แบบนี้  (มีเอ็คโค)

"แม่ phenomenon , science, theory, hypothesis, miracle , magic, truth etc 
คำเหล่านี้มันต่างกันยังไงหรือ แม่"
 
ฉันก็จนแต้มสิ จึงต้องขวนขวายอ่าน 
สามีช่วยด้วยการหาซื้อหนังสือให้ฉันอ่าน ประหยัดเงินส่วนตัวฉันไปหลาย

 

อีกเรื่องที่ฉันภูมิใจนิด ๆนะ (จริง ๆ ภูมิใจมาก แต่เพื่อมารยาท ต้องฟอร์มว่า นิด ๆ ) 

คือน้องภูเรียนหนังสือกับครูฝรั่งมาตลอด  เรียนภาษาไทยกับครูไทยบางวิชา   แต่ปีการศึกษานี้ เขาเรียนโรงเรียนไทย   เริ่มตั้งแต่ช่วงไปสอบเข้าเลยดีกว่า  โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ได้ชื่อว่า สอบเข้ายากโรงเรียนหนึ่งเลยล่ะเธอ  ฉันได้รับมอบหมาย  เป็นผู้ติวภาษาไทยไปโดยปริยาย  เพราะ พ่อ-ลูกสอนหนังสือกันทีไร บ้านแทบแตก สามีฉันเขาไม่ถนัดด้วยล่ะ  วิชาภาษาไทยน่ะ

ผลการสอบเข้า วิชาภาษาไทย ช่วยลูกภูได้มาก  เพราะคุณครูใหญ่เป็นคนเฉลยคะแนนว่า วิชาภาษาไทย เจ้าเด็กภูของฉัน ได้คะแนนเกือบเต็ม ขาดไปหนึ่ง-สองแต้ม !!! 

เมื่อเรียนในปีการศึกษานี้  เจ้าเด็กภู สอบทีไรยังคงที่  ได้วิชาภาษาไทยเกือบเต็ม(ขาดแต้มเดียว)ทุกครั้งไป

อ้อ เจ้าเด็กภูของฉันนี่ เป็นอย่างนี้กับวิชาภาษาอังกฤษด้วยล่ะเธอ  แต่อันนี้คงได้เพราะรากฐานที่ดีของโรงเรียนเดิม ซึ่งสอนด้วยครูฝรั่งอเมริกัน

พ่อเขาด้วย พูดคุยกันเป็นภาษาปะกิดจนฉันอาย แอบเงียบ ๆ เรื่อย

 


 
ยายน้อง อีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้เธอฟังนะ

เธอจำคุณหงุ่น เพื่อนฉันคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กัลยาณมิตรของฉันได้ไหม

ที่ฉันเคยพาเธอไปพบปะพูดคุยกัน  ครั้งหนึ่งที่ฟาร์มเขา

และฉันบอกเธอด้วยว่า

เขา ฝึก เรียนและสนใจในเรื่อง ธรรม  กรรมฐาน วิปัสสนา และการนั่งสมาธิ
คุณหงุ่นเธอช่วยเป็นพี่เลี้ยง พา เสริม ฉันด้วยนะเธอ (สอนนั่นเอง) นั่งสมาธิ

 
คุณหงุ่น บอกว่า ฉันพอมีทุน

หากยังต้องฝึกฝนบ่อย ๆ  และตัดสิ่งรบกวนใจ  พยายามพักจิต  พักใจ  เพ่ง  มองดู รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น

เธอแนะนำให้ฉันหมั่นภาวนา แผ่เมตตา  เธอว่าทำได้ทุกช่วง ทุกขณะ ที่มีลมหายใจอยู่

และควรระลึกได้เสมอว่า กำลังหายใจเข้าอยู่  หรือ กำลังหายใจออกอยู่


 
เล่าเรื่องลูก มาโผล่เรื่องนี้ได้ยังไง มันเกี่ยวกันตรงไหนนี่ ? 

มันเกี่ยวกันตรงนี้

ตรงที่ฉันลองชวนให้ลูกฉัน มานั่งกับฉัน โดยบอกเขาว่า เรามาตามลมหายใจกัน

หายใจเข้าให้ท้องป่อง หายใจออกให้ท้องแฟบ

ฉันคิดว่าอย่างน้อย ๆ เมื่อฉันพอได้บ้าง คนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุด เช่นลูก  สามี เราควรจะเล่า ๆ ให้เขาฟังบ้าง

แปลก แต่ไม่ได้โม้  นะเธอ   ลูกฉันเขาบอกว่า ที่โรงเรียนสอนแล้ว และเขาคิดว่าเขาพอได้เช่นกัน

เราสองคนแม่ลูกจึงลองนั่งตามลมหายใจกันเงียบ ๆ ในสองคืน ศุกร์และเสาร์ ที่ผ่านมา

ลูกฉันทำได้นะ ฉันว่า เพราะเขานั่งนิ่งได้ประมาณสี่สิบนาทีน่ะ

แล้วเขาก็เซย์กู๊ดไน้ท์  นอนหลับไปง่าย ๆ จ้ะ

สามีฉันก็กลายเป็นอีกคนที่ส่งเสริมฉันเรื่องนี้

 

พูดถึงสามี แปลกนะ ฉัน,สามี และลูก เรารู้ ๆ กันอยู่ว่าเรารักกัน

แต่มีบางครั้งที่เรา  มีบางสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ขัดแย้งกัน ความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง

เมื่อฉันหมั่นฝึกฝนตามจิตของฉันเอง ทำมาประมาณร่วมสองปีแล้ว

เพิ่งจะรู้สึกว่า  มีความรู้สึกบางอย่าง  ทำให้เราคิดอะไรได้บางอย่าง   เมื่อวันศุกร์นี้เอง (7/11/2551) 

เช้าวันนั้น ฉันนั่งตามลมหายใจ (หรือจะว่านั่งสมาธิ ฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก)  ระหว่างที่นั่งกับคุณหงุ่นเพื่อนคนที่ว่า

ฉันรู้สึกว่ามีช่วงระยะหนึ่งที่ตัวเราเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลย มันเบา และราวกับว่า มันมีวาบความคิดขึ้นมาได้ว่า

"มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ที่เราต้องการ"

ฉันจึงพินิจพิเคราะห์และสรุปกับตัวเองว่า จะพยายามไม่ขัดแย้งกับสามี  ลูก เพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่น ๆ

จะไม่คิดเปลี่ยนเขา    

เปลี่ยนเราดีกว่า

ฉันอธิบายความรู้สึกที่ว่าไม่ค่อยถูก

เอาเป็นว่า  ฉันยกตัวอย่างนี้แล้วกัน  เธอกับฉันเคยวิ่งออกกำลังกายกัน  จำสมัยที่เราวิ่งรอบพระราชวังสวนจิตรลดาได้ไหม  ที่เราสองคนวัดระยะทางว่า  รอบหนึ่งประมาณสี่กิโลเมตร  และรู้สึกว่าเราวิ่งได้น้อยรอบ เหนื่อยมากด้วย ในตอนฝึกใหม่ ๆ  

แต่พอเราวิ่งจนอยู่ตัว วันละสามรอบได้สักสามเดือน 

วันหนึ่งเราเคยคุยกันว่า  มันเกิดความรู้สึกเหมือนไม่ได้วิ่ง ไม่เหนื่อย  และรู้สึกเหมือน ไม่รู้สึกอะไรเลย 

แล้วมันเกิดพลัง

พลังในการทำงาน การเรียน และ..ความรักด้วย

ตอนนั้นฉันและเธอต่างมีคู่รักแล้ว  มันทำให้เราเกิดพลัง  เกิดความมั่นใจในคู่รักของเรา

ทั้งเธอและฉันเหมือนกัน สนิทกัน เพราะสาเหตุนี้

เราสองคนจำเป็นต้องอยู่ห่างไกลกับคนรักของเรามาก  เพื่อการงาน และการเรียน

 

จวบถึงวันนี้  จันทร์ที่ 10/11/2551 ฉันยังประทับใจความรู้สึก ของเช้าวันศุกร์ และ กลางคืนวันศุกร์เดียวกันที่พูดมาข้างต้น

ประทับใจในเรื่องความที่รู้สึกเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่ต้องการอะไร

ประทับใจในพลัง ลืมบอกไปว่าวันนี้ฉันทำงานได้มาก อ่านหนังสือได้มาก

ประทับใจว่าจู่ ๆ  เราก็เกิดมั่นใจใน เราเอง สามี ลูก ว่าเรารักกัน ก่อเกิดเป็นพลังแห่งความรัก ที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน  เป็นความรักที่กระจาย แผ่ออกไป ทางเดียวเหมือนถนน "วันเวย์"

 

รู้สึกลึกซึ้งขึ้นมาด้วยว่า 

ความรักมันดีเช่นนี้เอง

 

ขึ้นต้นเป็นจดหมาย(โม้)เรื่องลูก

จบเป็นจดหมาย โมแรนติค นิด ๆ จนได้ นะเธอ

คิดถึงเธอเรื่อย ๆ แต่วันนี้คิดถึงมากเป็นพิเศษ

ดีใจไหม

พลังแห่งความรัก

ไงล่ะเธอ

 

 

ฉันเอง 

 

 

*มาขุดกรุ เห็นว่าการอ่านหนังสือมาก ๆ ของเราในบางช่วง
เป็นการ ลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ได้ดีค่ะ

ทั้งต่อเราเอง และ ลูกด้วย ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสำคัญ-คนแรก -คนพิเศษค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 222076เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2008 01:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2014 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

: ) คนอ่านก็ content ไปด้วยค่ะ

lสวัสดีครับอาจารย์ คุณภูสุภา

ยาว ดี ทีแง่คิด ชวนติดตาม ได้ปัญญา

โดนใจ เห็นมีใครคุยเรื่องอ่านหนังสือ แล้วเป็นต้องแวะดู

สิ่งที่ได้รับ

ต้องปฎิบัติให้ติดเป็นนิสสัย ให้บรรลุถึงขั้น"ทำเหมือนไม่ทำ"

"รู้ตามที่เพื่อนบอก ทำและคิดออกตามที่เพื่อนพูด"

(ขอบคุณจะนำมาฝึกจิตตัวเองครับ)

มาอ่านเรื่องดีดีแต่เช้าเลยครับ

สวัสดีครับ

P  น้องหมอมัท ขอบคุณที่มาเยี่ยมคนแรกเลย;p

P  อ่านทบทวนเองใหม่ รู้สึกว่ายังไม่ได้พูดถึงหนังสือเท่าไหร่

ตอนนี้ กำลังอ่านเก็บซึมซับ "ภาวนาคือชีวิต"ของท่านเชอเกียม ตรุงปะ, "วิถีมนุษย์ในศตวรรษที่๒๑" อ.ประเวศ วะสี,"เดินสู่อิสรภาพ" อ.ประมวล เพ็งจันทร์, "ประมวลความรัก" อ.ประมวล เพ็งจันทร์, และ มีเล่มหนึ่งที่อ่านซ้ำ ๆ เสมอ คือ "ความสุขของกะทิ" คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ

อ้อ สองเล่มนี้ด้วย ต้องติดกระเป๋าผ้า(ย่าม)..ของลูก อ่านไว้ตอบลูกค่ะ
"การ์ตูนชุดวิทยาศาสตร์ฉลาดรู้" และ "ทฤษฏีลับเผย ทุก สรรพสิ่ง"ของ สนพ NG ค่ะ

อ่านสลับไปมากับ ตำรางาน ค่ะ;P

 

ซ้อล-มี-มี-มี      ฟ้า-เร-เร-เร    โด่-เร-มี-ฟา-ซ้อล-ซ้อล-โด่

ฉันเคยมีเธอ       แล้วเธอมีใคร  แอบซ่อนไว้ในใจหรือเปล่า....

(ช่วยหาเพลงนี้หน่อยสิคะ  P  อิ อิ)

 

สวัสดีครับอาจารย์ ภูสุภา

มาอีกครั้ง จากประโยค"ช่วงนี้ฉันอ่านหนังสือมากๆๆๆถึงมากเล่ม " เป็นตัวนำให้ตามอ่านจนแลกเปลียนความเห็น

เซอเกรียม ตุงประ เคยอ่าน ซัมบาล

ของท่านประมวล อ่านเดินสู่อิสระภาพ

ความสุขของกะทิ อยู่แล้ว

อีกเล่มที่อ่านหลายครั้ง จดหมายถึงเจ้าหญิง ให้ความรัก อาทรได้ดี เปิดอ่านทุกก็มีความสุข

หลายเรื่องของชีวิต  ผมค้นพบทางออกจากหนังสือ ...

และบ่อยครั้งก็บอกกับตัวเองว่า .. หนังสือคือโลกอีกใบหนึ่งที่บรรจุโรงละครอันมีชีวิตที่หลากหลายรอให้คนเราได้เข้าไปนั่งชม

P  

หลายเรื่องของชีวิต  ผมค้นพบทางออกจากหนังสือ ...

และเราประยุกต์ไปใช้ได้ ด้วยนะคะ

ช่วงนี้ อาจารย์อ่านอะไรบ้างคะ เล่าสู่กันฟังบ้าง

P 

เซอเกรียม ตุงประ เคยอ่าน ซัมบาลา

มีไว้แล้ว อยู่ในข่าย ต้องอ่านเหมือนกัน นะคะ

จดหมายถึงเจ้าหญิง  ยังไม่มีเลยค่ะ

เล่าสู่กันบ้างค่ะ ขอบคุณไว้ก่อนเลยค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท