เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนเคยสงสัยว่าทำไมตามร้านค้า ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมันแถบอำเภอพุทธมณฑล มีกล่องไม้ที่ดูแล้วเหมือนเป็นกล่องสำหรับใส่เอกสาร วารสารอะไรประมาณนั้นวางอยู่ตามมุมใดมุมหนึ่งของร้าน หรือของปั๊มน้ำมัน เมื่อสังเกตหน้ากล่องจะมีสติกเกอร์แปะอยู่หน้ากล่องว่า ชาวบ้านบาวเมือง บอกข่าวประชาคมพุทธมณฑล แต่ไม่เคยได้เห็นตัวเล่มเลย นึกสงสัยอยู่ ๒ ข้อว่า วารสารมีคุณค่า ชาวบ้านให้ความสนใจจึงหยิบนำไปอ่านจนหมดกล่อง ผลิตกันไม่ทัน หรือไม่ก็เป็นวารสารออกตามใจบรรณาธิการ ...
จนเมื่อดิฉันเรียนหนังสือเกือบจะจบได้เริ่มกลับมาทำงาน ดิฉันก็ได้พบกับต้นตอของจดหมายข่าวฉบับที่ว่า อ้าวที่มาของ ชาวบ้านชาวเมือง นั้นอยู่ใกล้ตัวมาก ชนิดที่เค้าเปรียบกันว่าถ้าเป็นงูคงโดนฉกไปแล้ว ก็เพราะมันเป็นผลงานของท่านอาจารย์ ดร.วิรัตน์ ในฐานะบรรณาธิการและคณะทำงานของท่านจากโครงการวิจัยฯ นั่นเอง ..
จนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทำงานมีการสังคายนาห้องเก็บเอกสารจึงได้พบกับจดหมายข่าว ชาวบ้านชาวเมือง นี้อีกครั้ง จึงได้หยิบอ่าน พินิจพิเคราะห์ดูแล้ว เห็นถึงความตั้งอกตั้งใจของทีมบรรณาธิการทีมนี้มากๆ คะ
บรรณาธิการบริหาร : รศ.ดร.เนาวรัตน์ พลายน้อย
บรรณาธิการ : วิรัตน์ คำศรีจันทร์
วิศวกรความคิด : วิษณุ ศรีทะวงศ์
กองบรรณาธิการ : เยาวรี เจริญสวัสดิ์ | ภัทรพร กีรติวิทโยฬส | กานต์ จันทวงษ์ | พีระศักดิ์ รัตนะ | สมศรี ศิริขวัญชัย | ประภาพร ประพันธา
ที่ดิฉันมีอยู่ในมือคือ ๓ ฉบับ เป็นปีที่ ๔ เข้าไปแล้ว ของปีพ.ศ.๒๕๔๕ .. ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ถือวารสารทั้ง ๓ ฉบับไปนั่งคุยกับอาจารย์ ดร.วิรัตน์ ที่คณะสังคมฯ ม.มหิดล ทำให้ได้ความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำงานในการพิมพ์ ชาวบ้านชาวเมือง และความผูกพันกับคณะทำงานของท่าน ..
และเริ่มรู้สึกเสียดายไปกับจดหมายข่าว ชาวบ้านชาวเมือง เป็นอย่างมาก แค่ได้เห็นคำโปรยบนหน้าวารสารแต่ละฉบับ ....
ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑ เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
ฉบับบานเช้า : การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับสังคมไทย (กับการพัฒนาหลักสูตรและวิธีเรียนรู้ในท้องถิ่นพุทธมณฑล โดยพหุพาคี)
ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๒ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๕
ฉบับเบิกบานมีชีวิตชีวา : ประเทศชาติไม่มีทางพัฒนา ถ้าประชาชนไม่มีคุณภาพ (กับ Workshop พลังสร้างสรรค์เชิงบวกเพื่อขับเคลื่อนชุดโครงการร่วมสร้างชีวิตชีวาพุทธมณฑล)
ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓ เดือนธันวาคม ๒๕๔๕
ฉบับบานไม่รู้โรย ส่งท้ายปีเก่า ตอนรับปีใหม่ : เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่า (กับการวิจัยและพัฒนาประชาคมพุทธมณฑล)
เนื้อหาภายในเล่มยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายที่ ชาวบ้านชาวเมือง ได้หยุดพิมพ์ไปแล้วเกือบ ๑๐ ปี ซึ่งได้คุยกับอาจารย์วิรัตน์อยู่ว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ ชาวบ้านชาวเมือง จะกลับมาอีกครั้งเพื่อบอกกล่าวเล่าขาน Update สิ่งดีๆ ให้กับชาวพุทธมณฑล ..
ตอนหนึ่งของบทพูดคุยจากบรรณาธิการที่สื่อสารให้ชาวพุทธมณฑลใน Civic cafe คุยกับ บ.ก. ฉบับหนึ่งของวารสาร ชาวบ้านชาวเมือง ......
ดอกไม้จะเบ่งบาน มันก็พร้อมที่จะบาน
ตรงกันข้าม ดอกไม้ที่ไม่คิดจะเบ่งบาน ถึงท้ายที่สุดก็ต้องถึงวันอับเฉาและโรยลา มนุษย์ก็เช่นกัน ความดีงามเป็นเรื่องที่จะต้องบ่มเพาะ ถ้าไม่รู้จักบ่มเพาะ ไม่หว่านเมล็ดความดีงามลงในชีวิต มันก็ยาที่จะงอก และตัวของเรานั่นเอง เป็นเหตุปัจจัยให้สัมพันธ์กับการงอกของมัน
ตามมาดูกอง บก ก่อนนะครับ ฝีมือจริงๆๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.ขจิต : บรรณาธิการแวะมาพูดคุยด้วยตัวเองเลยค่ะ เห็นด้วยคะ แต่ละท่านฝีมือทั้งนั้น อีกทั้งคณะที่ปรึกษาก็ระดับผู้ทรงคุณวุฒิทั้งนั้นคะ ชาวบ้านชาวเมือง จึงไม่ธรรมดาค่ะ =)
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.วิรัตน์ :
สวัสดีค่ะ
อ่านหนังสือจบแล้วค่ะ นอนต่ออีก ๑ ม้วน ออกไปเดินเล่นนอกบ้านมา ๑ รอบ
อ่านบันทึกนี้ขอเก็บคำโดนใจจากหนังสือมาฝากเพื่อเป็นกำลังใจนะคะ
"ทัศนคติที่ดีต่อชีวิตทำให้ใครคนหนึ่งประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา"
ว่าแล้วก็ขอตัวไปเขียนบันทึกใหม่ก่อนนะคะ
สวัสดีค่ะ
อยู่พุทธมลฑลมาตั้งแต่ถนนพุทธมลฑลสาย 4 เป็นถนนเล็กๆลาดยาง รถต้องวิ่งสวนทางกัน ตอนนั้นมีต้นราชพฤกษ์เต็มสองข้างทางค่ะ เวลาออกดอกเหลืองเต็มต้น สองฝั่งถนนงดงามมาก
เดี๋ยวนี้เป็นถนนแปดเลน ต้นไม้หายหมด น่าเสียดายเหมือนกันค่ะ
สวัสดีคะ พี่ครูคิม
สวัสดีค่ะพี่ณัฐ
แค่เห็นชื่อท่านบก. ก็ฟันธงได้เลยค่ะว่า ต้องแจ๋ว แบบไม่ต้องมี่น้ำจิ้ม สุขสันต์วันผ่อนพักนะคะ
สวัสดีค่ะ พี่ณัฐรดา : นึกภาพต้นต้นราชพฤกษ์เต็มสองฝั่งถนนของถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ไม่ออกเลยค่ะ น่าเสียดายนะคะ แต่ตอนนี้ต้นราชพฤกษก็มาเบ่งบานเหลืองอร่ามเต็มสองฝั่งของถนนอุทยาน (อักษะ) แล้วหล่ะคะ =)
สวัสดีค่ะ น้องpoo : แหม๋ มาช่วยคอนเฟิร์มสรรพคุณกันขนาดนี้ ท่านบก.คงยิ้มแก้มปริคะ =) มีความสุขมากๆ ในวันฝนตก เอ่อ วันหยุดพักผ่อนเช่นกันคะ =o)
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ ดร.ขจิต ที่นำภาพกิจกรรมของเด็กๆ มาฝาก เห็นผีเสื้อของเด็กแล้ว น่ารักจัง สีสรรสดใสเชียว เด็กๆ คงมีความสุขกับกิจกรรมของอาจารย์ =)
หายป่วยแล้วหรือยังครับ ต้องดูแลสุขภาพดีๆๆครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.ขจิต : ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วหล่ะค่ะ ขอบพระคุณนะค่ะที่ถามไถ่และเป็นห่วงกัน อาจารย์ก็ทำงานหนักมาก วันก่อนโน้นที่พบปะกันอาการไม่สบายของอาจารย์ยังไม่ดีเลยนะค่ะ แต่ซาบซึ่งใจค่ะที่อาจารย์ และพี่ครูอ้อยเล็กเดินทางมาเยี่ยมเยียนชาวศาลายาค่ะ อาจารย์ก็พักผ่อนบ้างนะค่ะ =)
สวัสดีค่ะ
เพิ่งแวะมาเยี่ยม เลยทราบจากความเห็น อ. ขจิตว่าป่วย
หายไวๆนะคะ เอากำลังใจมาฝากค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่ณัฐรดา :
สวัสดีครับ ผมตามท่านอาจารย์ ดร.ขจิต มาจนถึงบล็อกที่ดีไม่แน่ใจครับว่า เป็นชาวราชบุรี และเป็นญาติกับคุณครูวิยะดา ทองคำ หรือเปล่าครับ?ดีใจครับที่มีบล็อกศิลปะสำหรับครูได้เรียนรู้..ขอบคุณมากครับ อ.ขจิต ที่ไปแวะ ทำให้มาเจอคุณครูณัฐพันธ์..
ดูเถอะอารามดีใจ เลยพิมพ์ชื่อผิด จะแก้ก็ไม่ทัน ขออภัยให้คนแก่ด้วยนะครับ คุณครูณัฐพัชร์..
สวัสดีค่ะ อาจารย์ขจิต :
สวัสดีค่ะ คุณลุงรักชาติราชบุรี
ป้าเหมียวนึกว่าจะได้อ่านชาวบ้านชาวเมือง ที่แท้เป็นอดีตไปซะแระ...แค่พาดหัว ก็น่าหามาอ่านแล้ว..ว
ตอนเนี่ยฝนฟ้าไม่เต็มใจให้เข้าพื้นที่ได้แต่เตรียมตัวเตรียมใจรอลมหนาวมาเมื่อไรก็ลุยงานต่อ..
สวัสดีคะ คุณป้าเหมียว
ได้เห็นจดหมายข่าว
และคนที่ยังเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ ที่พวกเราได้ร่วมกัน
จุดแรงบันดาลใจทางปัญญาร่วมกันเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
แล้วก็แอบอมยิ้มภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปครับ
10 กว่าปีผ่านไป ไว้เหมือนว่ามันเพิ่งจะเกิดมาเมื่อวานนี้เอง
คิดถึงพี่วิรัตน์และบรรดาพรรคพวกที่ทำงานที่พุทธมณฑล
จดหมายข่าว แต่ละฉบับ คือรอยเท้า ที่เราก้าวย่าง
ท่ามกลางความยากลำบากนานับประการในยุคนั้น
ด้วยความเคารพรัก
วิษณุ ศรีทะวงศ์
สวัสดีครับตุ้ย (คุณวิษณุ ศรีทะวงศ์) วิศวกรความคิด ฉบับ ชาวบ้านชาวเมือง
ผมคิดว่า หากจะทำสมัยนี้ เรื่องเทคนิค คงไม่ยาก
เพราะมีเครื่องมือเยอะครับ โดยเฉพาะ Facebook ที่อาจเป็นช่องทางในการ
หลอมรวมผู้คน ได้ง่าย ไว และได้เห็นสิ่งที่แต่ละคนในพื้นที่ทำได้มากขึ้น
ส่วนสารที่แปลง ค่อยย่อยมาลง สื่อสิ่งพิมพ์สำหรับชาวบ้านได้อีกชั้นหนึ่ง
สำคัญคือ การหาคนที่มีไฟ
และมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ มาทำ
ซึ่งสิ่งที่ทำ ก็ยังทันสมัยอยู่ดีครับ ไม่มีล้าสมัย
ในเ่รื่องการทำให้บ้านเมืองดี ผู้คนรักกันไว้วางใจกัน
และการกระจายอำนาจสู่ เทศบาล/อบต.
ก็น่าจะมีกิจกรรมสร้างสรรค์ลงไปสร้างสีสันได้มาก
ท่ามกลางการเติบโตของเมืองแห่งการศึกษา
ที่เราได้เคย วาดภาพอนาคตไว้เมื่อสิบปีก่อน
เอาสิครับ เอาใจช่วยและถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ยินดีครับบ
ผมคิดว่า บัวกับหนูนาคงดีใจ
ที่จะได้กลับมาวิ่งเล่นอีกครั้ง โลดแล่นไปบนท้องถิ่น
พร้อมกับแวะไปดูหนังที่โลตัส ศาลายา
กินขนมเ้ค้กอร่อยๆ ที่ ต้นกก...........
ตุ้ย