The Sleeping Gypsy


ภาพเหนือจริง จินตนาการแห่งความคิดคำนึงที่สามารถเกิดขึ้นในฝันของคุณได้เช่นกัน

    

     มีภาพใหม่มาให้ดูอีกแล้ว...มาตามสัญญา 

      เป็นภาพเขียนของ Henri Rousseau ศิลปินคนใหม่ที่อยากจะแนะนำ เขาเป็นศิลปินพื้นบ้านชาวฝรั่งเศสที่มุมานะเรียนเขียนรูปด้วยตนเอง จนมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เผื่อว่าจะจุดประกายให้บรรดาแฟนคลับของบันทึกนี้ อาจศึกษาแนวทางจนโด่งดังไปด้วยได้ อาจารย์จะได้เก็บค่าหัวคิวเป็นค่าดันดารา อิ อิ

     
       คราวนี้มีกติกาว่า


        

ชื่อภาพ The Sleeping Gypsy   ขนาด 129.5 × 200.7 cm.     เทคนิค  oil on canvas  1897

Artist:  Henri Rousseau  ปัจจุบันอยู่ที่  Museum of Modern Art, USA    ที่มา : http://www.angelo.edu/faculty/rprestia/1301/images/IN518aRousse%20GpysBST1.jpg

 

          1.ให้ดูภาพก่อน ดูอย่างลึกซึ้งและจริงจัง ซึมซับรับรายละเอียดของภาพทุกอณู          

          2.เมื่อรับสาระจากภาพแล้ว ให้ลองเขียนบรรยายภาพตามความเข้าใจของตนเอง          

          3.เวลาเขียนบรรยายความรู้สึก ให้อ้างอิงสิ่งที่เห็นในภาพประกอบด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรง แสงสี หรือบรรยากาศ ที่สามารถชักจูงให้ผู้อ่านเข้าใจตามไปได้          

          4.วิธีบรรยาย ไม่จำกัดรูปแบบ จะเป็นร้อยแก้ว ร้อยกรอง กลอนปล่าว ไฮกุ เพลงยาว เพลงฉ่อยฯลฯ ได้ทั้งนั้น ขออย่างเดียว...ขอเพียงให้เขียนมา          

           ฮะฮ้า ! สั่งงานเสร็จ อาจารย์ก็ยืนกอดอกยิ้มหวานรออ่าน รอนักเรียนมาเข้าชั้น เตรียมขนมหวานเป็นรางวัล และเตรียมไม้เรียวอันยาวเท่าพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง ไว้รอหวดก้นเด็กจอมซน ที่จะมากวนและดื้อ พร้อมทั้งไม้บรรทัดศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาให้เด็กสมองทื่อคาบหน้าชั้น รวมทั้งใบหนาดกันผีและใส้อั่วทรงเครื่องเพื่ออัญเชิญปอบทั้งปวงมาสิงสถิตย์         

         เอ้า! อย่ารอช้า เวลาและนารี มิยินดีจะคอยใคร เชิญลงมือได้ครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 85390เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2007 13:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (54)
แวะมาสวัสดีค่ะ กลับจากกรุงเทพจะมาบอกค่ะ จริง ๆ แล้วภาพนี้ต้องคอยดูนานๆ แต่ราณีมีเวลาเตรียมตัว 10 นาที ติดไว้ก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะอาจารย์

ราตรีนี้มีเพียงแสงดวงจันทร์เด่น

แต่มองเห็นคนอยู่ข้างอ้างว้างเหงา

อยู่เพียงกายใจอยู่ห่างต่างจากเรา

ดวงจิตเศร้าเค้าไม่รักหักดวงใจ

แต่ก่อนเก่ายังเคียงคู่อยู่ไม่ห่่าง

แต่พอว่างเว้นหายก็หน่ายหนี

ใจที่รักกลับกลายเป็นราคี

อย่างราชสีห์มุ่งหมายทำลายกัน

ขอเพียงแต่ดวงใจยังใฝ่ผูก

ที่เคยปลูกต้นรักฝากให้ฝัน

แม้สิ้นแล้วหัวใจไม่รักกัน

แต่ตัวฉันจะรักมั่นนิรันดร

    เป็นความรู้สึกที่ผมได้จากรูปนี้ครับ เพราะรู้สึกถึงความในที่ซ่อนไว้แบบลึกๆ แต่เดาเอาจากความรู้สึกส่วนตัวครับ

สวัสดีหนูราณี

         ได้คะแนนมาเข้าชั้นเรียนไว แปดคะแนนนส่วนสิบ ในฐานะเป็นคนแรก แต่หักว่าจะส่งงานภายหลังอีกสามคะแนน จึงเหลือแค่ห้าคะแนน หากส่งงานคุณภาพดีจะเพิ่มให้ทีหลัง...โหดมั้ย?

         เที่ยวกรุงเทพเมืองอมรให้สนุกนะครับ

โอ้โฮ้! ต้องยกนิ้วให้หนุ่มน้อยนักลงทุนเงินน้อยแต่ไม่ฝืดเรื่องเชิงกลอน

ตอบได้เร็วทันใจ แถมมีสุนทรียภาพสูงล้ำแต่งออกมาเป็นกลอนแปด มีสาระเหมือนนิราศสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

เพราะสมัยนั้น นิราศคือการท่องเที่ยวไป ณที่ใดก็ตาม จะชมความงามในธรรมชาติแล้วลงท้ายด้วยการประหวัดถึงคนที่รักเสมอ

กลอนของคุณเช่นกัน จับความรู้สึกจากภาพได้ คือ ความรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย เหงา

เมื่อรู้สึกเหงาก็ระลึกนึกถึงคนที่เคยอยู่ใกล้ บัดนี้จากกันไกล เปล่าเปลี่ยวฤทัยเหลือทน(ว่าไปนั่น)

คุณจึงเปรียบ ใจที่ไกลกันเป็น...

ใจที่รักกลับกลายเป็นราคี

อย่างราชสีห์มุ่งหมายทำลายกัน

ไม่เลวครับ ผมชอบการเปรียบเปรยในตอนนี้

และพลอยชอบใจในตอนท้ายที่ว่า...

ที่เคยปลูกต้นรักฝากให้ฝัน

แม้สิ้นแล้วหัวใจไม่รักกัน

แต่ตัวฉันจะรักมั่นนิรันดร

เอ! คุ้นๆ แฮ่ะ ตอนนี้ เหมือนความรู้สึกใครบางคนฝากให้หนูอ.ลูกหว้าปอบหยอบชมพู แต่งต่อ อาจเป็นกำศรวลลูกหว้า ก็ได้

มองภาพแล้วทำให้คิดถึงการพยายามดิ้นรนหากินของมนุษย์ ที่ไม่มีความแตกต่างกันไปกับสัตว์ที่เป็นถึง จ้าวป่า แต่ก็ไม่มีป่าให้อยู่ และมนุษย์ที่ไม่มีบ้านให้อยู่ ก็ต้องเร่ร่อนหากินกันไป ถ้าสัตว์โลกไม่เบียดเบียนกันและกัน ก็จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ มีความสดใสเช่นแสงจันทร์ แม้พื้นดินจะมีความแห้งแล้ง

มองภาพแล้วเกิดความสงสัยสองอย่างในภาพ (1)ชายยิปซีนักดนตรีพเนจรคนนี้คงจะไม่ได้หลับจริงหากแต่คิดว่าการทำเหมือนคนนอนหลับไหลอาจช่วยให้เขานั้นเอาตัวรอดจากการถูกไล่ล่าของสิงโตเสียมากกว่า.(2)ปกติยิปซีเขาเป็นกลุ่มไม่โดดเดี่ยวแต่ทำไมยิปซีหนุ่มคนนี้จึงอยู่เพียงลำพัง?

..และเมื่อนึกถึงความคิดที่ซ่อนเร้นในชื่อของภาพ..กระตุ้นให้นึกถึงความรู้สึกที่แฝงอยู่ข้างในใจเกี่ยวกับการเลือก/ใช้ชีวิตของคนเรา บางคนนิยมชมชอบการใช้ชีวิตแบบยิปซี.แต่เป็นยิปซีที่โดดเดี่ยวซึ่งความคิดและวิถีการดำเนินอยู่อย่างยิปซีโดดเดี่ยวนี้ก็คล้ายๆกับสิงโตที่จะต้องพบกับความอ้างว้าง,ไร้จุดหมายแต่ก็มีอิสระ ได้พบเห็นธรรมชาติและความงามที่ไม่ซ้ำซากจำเจแต่ด้านลบของวิถีเช่นนี้คือหากต้องเผชิญอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้หรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้....ก็ได้แต่ต้องอาศัยไหวพริบปฏิภานเฉพาะหน้าของตน..รอดก็คือรอดแต่ถ้าไม่รอดก็คืออย่างน้อยทั้งชายยิปซีและสิงโตก็ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตและดำรงอยู่ตามแบบที่ใจเขาต้องการแล้ว

คุณกิตติพันธ์

  เป็นเด็กดีชอบใฝ่เรียนแล้วนะครับ เข้ามาทำการบ้านเป็นคนแรกของกลุ่มเลย ต้องให้รางวัลแน่ๆ

  ดูภาพแล้วคิดถึงชีวิตมนุษย์ที่ต้องดิ้นรน เร่ร่อนปราศจากที่อยู่อาศัย เหมือนสัตว์ เป็นมุมมองที่ดีน่าสนใจ

   ผมขอแนะนำ อาจต้องดูภาพเพิ่มอย่างพินิจอีกครั้งครับ เพื่อให้ได้รายละเอียดอื่นๆมาสนับสนุนความคิดและความรู้สึกของเราให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นรายละเอียดของคน สัตว์ และบรรยากาศ สีสรรทั้งหมด

   ค่อยๆดู ค่อยๆรู้สึก และรวมรวมมาบรรยาย

   ค่อยๆคิด หาคำมาเติมแต่งเป็นรูปประโยค

   ค่อยๆเรียบเรียง รูปประโยคนั้นมาเชื่อมต่อกันเป็นเนื้อความ

   ที่สามารถสื่อความหมาย...ตามความในใจของเรา

สวัสดีครับ คุณ seangja

เข้าใจสงสัยครับ เอ? หลับจริงหรือแกล้งหลับ

หลานชายผมเคยเล่าประสบการณ์ว่าเจอผีหลอก ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยแกล้งทำเป็นตาย นอนนิ่งอยู่

ผมฟังแล้วหัวเราะ คิดได้ไง ...ผีจะไม่รู้เหรอ?

หรือกลายเป็นพวกเดียวกับผีไปแล้ว?...จึงไม่หลอก

แต่ในภาพนี้อาจเป็นกลอุบายของเขา ที่หนีตายโดนนอนนิ่งเฉย....

สงสัยอีกข้อ ว่าทำไมอยู่โดดเดี่ยว ยิบซีเร่ร่อนจริงแต่มักอยู่เป็นกลุ่ม...แต่อีตานี่มาแปลก นอนเดี่ยวมีแต่แมนโดลินเป็นเพื่อน....น่าคิด?

คุณจึงสรุปเป็นวิถีชืวิตที่คนหรือสัตว์ก็ตาม พอใจที่เลือกใช้มาเป็นวิถีตน...อาจได้อิสระ แต่แลกด้วยความโดดเดี่ยว ไร้เพื่อน

อืมมมมมส์...คุณล่ะคิดอย่างไร

ดีใจจังอาจารย์มีภาพมาให้บรรยายแล้ว....

  • จากการดูภาพนะค่ะ...อันดับแรกรู้สึกถึงความแห้งแล้งอันตราย และความหนาวเย็นของทะเลทรายในช่วงกลางคืน
  • อันดับต่อมาสังเกตุองค์ประกอบในภาพก่อนค่ะว่าประกอบด้วย ทิวเขาทราย (ไม่กาแล๊คซี่ นะค่ะ) ระหว่างแนวทราย 2 แนว ดูเหมือนจะเป็นแอ่งน้ำ มีสิงโต ผู้หญิง เครื่องดนตรี (ไม่ทราบเรียกว่าอะไร) คนโทน้ำ ไม้เท้าในมือผู้หญิง และเมื่อเขม้นมองใกล้ๆ จะเห็นว่าชุดของผู้หญิงดูแปลกๆ ไม่สมดุล ดูเหมือนจะมีอะไรตุงๆ อยู่ในตัวเสื้อข้างซ้ายของหญิงยิปซี ซึ่งน่าจะเป็นเด็กน้อย
  • จึงขออธิบายภาพว่า....หญิงชาวยิปซีซึ่งเดินทางรอนแรมมาในทะเลทราย กับกองคาราวาน แล้วเธอได้รับหน้าที่ออกมาเอาน้ำจากแอ่งน้ำพร้อมกับลูกน้อย หลังจากที่ได้น้ำใส่ในคนโทแล้ว เธอจึงนั่งเล่นดนตรีให้ลูกฟัง ขณะเดียวกันนั้นก็มีสิงโตเดินมาที่แอ่งน้ำเพื่อมาดื่มน้ำเช่นกัน พอเธอเหลือบเห็นสิงโต ก่อนที่สิงโตจะเห็นเธอ เธอจึงรีบเอาลูกน้อยซุกไว้ที่อก แล้วเอาเสื้อคลุมห่อลูกอีกทีแล้วล้มตัวลงนอนๆนิ่งๆ เพื่อไม่ให้สิงโตสังเกตุเห็น โดยที่ในมือยังคงกำไม้ไว้แน่น เพื่อป้องกันตัว เธอหลับตาแบบหรี่ๆ แอบดูสิงโต และกัดฟันไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา เนื่องจากความกลัว...ส่วนเจ้าสิงโตก็เดินสำรวจความผิดปกติของบริเวณรอบๆ ของแอ่งน้ำ เพื่อความปลอดภัยของตนเองเช่นกัน ในการมาดื่มน้ำ ณ แอ่งน้ำแห่งนี้......
  • ภาพนี้สอนให้รู้ว่า สัตว์ทั้งหลายต่างมีความขลาดกลัว แต่หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เบียดเบียนกันแล้ว โลกจะสงบสุข....สัพเพ สัตตา....
  • จบแล้วค่ะ......

บางครั้งก็อยากเป็น/ใช้ชีวิตแบบยิปซีค่ะที่พยายามใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสนุกสนานและมีอิสระแต่ก็ยังเป็นคนที่มุมมองอีกด้านหนึ่งประมาณว่าห่วงความมั่นคงหรือต้องการการรับรองพื้นฐานว่าจะไม่ลำบากหรืออัตคัดเกินไป.

..จากภาพเมื่อกลับมาดูรายละเอียดอีกครั้งก็พบสิ่งที่น่าประทับใจอีก2อย่างคือแสงสีอันนวลตาของพระจันทร์และความเย็นสบายของกระแสลมที่พัดแรงอย่างพอดีๆจนทำให้ขนต้นคอของสิงโตนั้นลู่ขึ้น..เป็นความงามและอ่อนโยนที่ธรรมชาติมีมามอบให้แก่ทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นยิปซีผู้เดินทางไกลและกับสิงโตนักล่ายามราตรี

    ยามราตรีอันสว่างกระจ่างใจ

แม้นมีภัยอันตรายมากลายใกล้

สตรียิปซีอันเกรียงไกร

อนาถใจเธอนั้นร่อนเร่มา

     ทะเลทรายกว้างใหญ่แผ่ไพศาล

ใจอาจหาญโดดเดี่ยวเที่ยวภูผา

เมื่อเหนื่อยนักล้มพักผ่อนกายา

จึงเห็นว่าราชสีห์มาเมียงมอง

     สะดุ้งกลัวหัวอกระทึกสั่น

กุมไม้มั่นระวังตัวกลัวภัยสยอง

นอนภาวนาให้สิงห์ไปตามครรลอง

มีเราสองผูกมิตรจิตชิดกัน

สวัสดีหนู Paew

    แอบบอกคะแนนคราวก่อนให้ อยู่ในอันดับต้นๆเชียวล่ะ เพราะบรรยายภาพถูกเป็นส่วนใหญ่รายละเอียดก็ชัดเจน เช่นรู้ว่ากล่องบลูเบอรรี่ไม่ใช่หนังสือ เป็นต้น(บอกเสร็จ อย่าลืมเลี้ยงครู)

   มาคราวนี้ รู้สึกว่าจะจับจ้องมองรายละเอียดมาก เช่น เห็นเสื้อของยิบซีผิดปกติ ตุงขึ้นมา น่าจะเป็นลูกที่ซ่อนอยู่...จินตนาการจึงเกิด

   สรุปท้ายได้ดี ว่าสัตว์ทั้งหลายอาศัยอยู่ร่วมกัน ควรอยู่ด้วยความรักและเมตตา...สาธุ

  

   

คุณ seangja

     มาดูรูปใหม่ เพราะติดใจชีวิตของยิปซีที่มีอิสระ แต่ก็ยังห่วงในเรื่องความไม่มั่นคงของชีวิต

    คนที่เป็นยิบซีหรืออนาคาริกนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเป็น คือการตัดขาดจากชีวิตเดิมๆที่เคยยึดเป็นวิถี เพราะเกิดความความเข้าใจใหม่ว่า

   สิ่งที่เคยยึดถืออยู่เดิมเป็นทุกข์ มิใช่สุข

   จึงหันมาแสวงหาทางสุขในวิถีใหม่

    แสดงความยินดีด้วย เมื่อหวลกลับดูภาพครั้งที่สอง สามารถเห็นลมทะเลทราย พัดจนขนที่แผงคอของสิงโตลู่ตามลมได้ การสังเกตุเป็นส่วนที่ดีที่สุดของการนำไปสู่สุนทรียภาพครับ

  พร้อมแล้วค่ะ......เตรียมใจมาพร้อมที่จะคาบไม้บรรทัดศักดิ์สิทธิ์แล้วค่า

................................................................................

      ดูรูปแล้ว น่าจะเป็นครอบครัวยิบซีสามคนพ่อแม่ลูกไหมคะ หัวหน้าครอบครัวตื่นแล้วด้วยสัญชาตญาณระวังภัย รีบเอาผ้าคลุมภรรยาและลูกที่นอนถัดไปด้านใน(จากปลายเท้าสองข้างน่าจะเป็นของภรรยาที่นอนหงายค่ะ ส่วนลูกถูกคลุมมิดทั้งหัวและเท้าเห็นเป็นรอยนูนแถวหน้าอกคนเป็นพ่อ)

       มือคนเป็นพ่อเกร็งแขนจับไม้เท้าแน่นเพื่อเตรียมใช้เป็นอาวุธ เขากลั้นลมหายใจเพื่อสิงโตจะได้คิดว่าเขาตายแล้ว และผ้าที่คลุมภรรยาและลูกก็เพื่อสาเหตุนี้

       สิงโตเจ้าป่าหิวเหลือเกิน ปกติมันจะกลัวมนุษย์มาก แต่นี่มันหิวได้กลิ่นเนื้อมนุษย์เข้าจมูกจึงวิ่งตามหาจนเจอ  แต่มันก็กลัวๆกล้าๆ หางจึงตั้งชันขึ้นและขนแผงคอจึงพองออกมา ตาขยายกว้าง  มันเดินเข้าไปช้าๆเพื่อดมๆว่า มนุษย์นี่ตายหรือยังนะ....

        ท่ามกลางความสงบเงียบยามค่ำคืนของหุบเขาที่รายล้อม จันทร์เต็มดวงและดาวส่องกระจ่างฟ้า  ยิบซีผู้นี่จะคุ้มครองครอบครัวได้ไหมนะ เจ้าป่าจะอิ่มท้องหรือไม่

         เฮ้อ รู้สึกลุ้นเหลือเกินค่ะ

......................................................................................

       ตอนแรกคิดว่าทะเลทรายค่ะ แต่มานึกดูว่าสิงโตคงไม่รอดในทะเลทรายแน่ๆ   เพื่อนร่วมคาบ(ไม้บรรทัด)ช่วยๆมาคาบเอ๊ยมาเขียนกันเถอะค่ะ

หวัดดี หนูนา

  ตั้งท่าจะตอบเป็นกลอนแต่ระยะนี้กลอนค่อนข้างชำรุดจึงนึกไม่ออก ศรีปรูดจึงเป็นศรีหยุดก่อนชั่วคราว

  ขอชมเชย ชมชิด ว่าเข้าท่า

  กลอนหนูนา คาใจ พาใจสยอง

  เห็นยิบซี ร่อนเร่ พเนจร

  ค่ำแล้วนอน กลางดิน กินกลางทราย

  ........ติดไว้ก่อน ขอไปหาน้ำมันมาหยอดกลอนที่ฝืดหน่อย หรือเชิญใครจะแต่งต่อก็ได้ครับ

 

ในคืนเพ็ญที่แสนสงบ ลมพัดโชยชวนหลับไหล ยิบซีตาบอดที่อ่อนเพลียจากการร้องรำ และดื่มกิน วางพิญลงข้างกาย และวางคนโฑสุธารส ทอดกายลงนอนบนพื้นทรายที่อบอุ่น พลันนั้น โสตประสาทเขม็งเกลียว เมื่อได้ยินเสียงย่ำของสิงโต มือคว้าจับไม้เท้านำทาง ปากอ้ากว้างแต่เสียงหวีดร้องกลับไม่เล็ดรอด

ด้านสิงโตเจ้าแห่งนักล่านั้นเล่า ท่องราตรีหาเหยื่อด้วยความชำนาญ สัญชาติญาณเตือนให้ระแวดระวังภัย หางยกชี้ด้วยได้กลิ่นแปลกประหลาดของบางสิ่งเบื้องหน้า ตาเบิกกว้าง และเดินดุ่มเข้าไปใช้จมูกพิสูจน์กลิ่น

แม้พระจันทร์สุกสว่าง หมู่ดาวกระพริบ สายลมอันชวนชื่น และธรรมชาติที่บริสุทธิ์รอบตัว ก็ไม่อาจช่วยให้หัวใจที่ระทึกด้วยความหวาดกลัวสองดวงนั้นสงบลงได้เลย

เป็นเหมือนเสี้ยวนาทีที่โลกเหมือนจะหยุดนิ่งและเลือดในกายเย็นเฉียบ...เป็นเสี้ยวนาทีของการเผชิญหน้ากับความตาย...ที่ยากจะทำใจจริงๆ

จบค่ะ...เดินไปเข้าแถวตามระเบียบ...อิๆๆ

 

มาตามสัญญาด้วยครับ

แต่เป็นสัญญาใจที่ติดแน่นกับบล็อกอาจารย์ เห็นหายเงียบไปนานนึกว่าอาจารย์คงไม่สบาย แวะเวียนมาดูบ่อยๆ จนมาเห็นบันทึกใหม่ดีใจว่าอาจารย์คงแข็งแรงดีแล้ว

อ้า...รูปนี้ดูแล้วเข้าใจยากเหมือนกัน ดูจากชื่อเป็นยิบซีพเนจร แต่นอนให้สิงโตดมหรือกินไปแล้วก็ไม่รู้ เพราะดูปากเขาอ้าๆเหมือนเจ็บปวดหรือตายไปแล้ว

ทำไมดูว่ามีลูก... ผมดูไม่ออก เพียงแต่คิดว่ารูปนี้ประหลาดกว่าที่อาจารย์เคยเอาให้ดู มันต้องคิดและจินตนาการไปลึกมาก ติดไว้ก่อนนะครับ ให้ป้าๆดูไปก่อนก็แล้วกัน แฮ่ แฮ่

หวัดดี หนูนา

  หาจาระบีเจอแล้วเลยมาขยับต่อ

  ขอชมเชย หนูนิด คิดเข้าท่า

  กลอนหนูนา พาไป ใจสยอง

  เห็นยิบซี ร่อนเร่ พเนจร

  ค่ำแล้วนอน กลางดิน กินกลางทราย

 

  ราตรีหนึ่ง คืนเพ็ญ เห็นกระจ่าง     

 นางอาจหาญ เพลิดเพลิน เกินสุขสันต์

 เล่นดนตรี แมนโดลิน กินแสงจันทร์

 หลับตาฝัน พลันคิด จิตคิดไกล

 

 ในฝันนั้น ฉันเห็น สิงห์โตใหญ่

 มาชิดใกล้ ใจระทึก  นึกสยอง

 ภาวนา สิงห์จงไป ตามครรลอง 

 ใจเราสอง ลองคิด มิตรต่างพันธ์

 

....โอยกว่าจะด้นจบได้ คิ้วหงอกไปหลายเส้น

สวัสดีหมอนิด

 หวังว่าคุณแม่คงดีขึ้นแล้วครับ ป่านนี้วิ่งปร๋อแล้วกระมัง

  อะไรหนอ.. ทำให้หมอปรุงคิดเป็นสามพ่อแม่ลูกยิบซีกำลังผชิญภัยกับเจ้าป่า น่าจะเอามาทั้งคาราวานเลย

 แต่ช่างสังเกตุมากครับ มีสายตาแหลมคมประดุจมีดผ่าพุง บรรยายรายละเอียดว่า...

 ...มือคนเป็นพ่อเกร็งแขนจับไม้เท้าแน่นเพื่อเตรียมใช้เป็นอาวุธ เขากลั้นลมหายใจเพื่อสิงโตจะได้คิดว่าเขาตายแล้ว และผ้าที่คลุมภรรยาและลูกก็เพื่อสาเหตุนี้(ว่าไปนั่น)

   แต่บรรยายความรู้สึกของสิงห์โตดีเหมือนเคยเป็นสิงห์โตเลย ....สิงโตเจ้าป่าหิวเหลือเกิน ปกติมันจะกลัวมนุษย์มาก แต่นี่มันหิวได้กลิ่นเนื้อมนุษย์เข้าจมูกจึงวิ่งตามหาจนเจอ  แต่มันก็กลัวๆกล้าๆ หางจึงตั้งชันขึ้นและขนแผงคอจึงพองออกมา ตาขยายกว้าง  มันเดินเข้าไปช้าๆเพื่อดมๆว่า มนุษย์นี่ตายหรือยังนะ....

      และจบลงด้วยปริศนา ยิบซีสามพ่อแม่ลูกจะรอดหรือสิงห์โตจะอิ่มท้อง...รู้สึกหมอจะพัวพันอยู่กับเรื่องกินอิ่มตลอดเวลานะครับ

     หากหิวนัก จงไปเปิดตู้เย็น หาอะไรกินเถิด

สิ่งมีชีวิต ไม่ว่าคน หรือสัตว์ ล้วนมีธรรมชาติ พึ่งพิง ธรรมชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ยิปซี ก็มีวิถีชีวิตเช่นคนทั่วไปซึ่งใช้ชีวิตไปตามเหตุปัจจัย ปกป้องระวังภัยแก่ลูกน้อยในอ้อมอก และพักผ่อนเมื่อถึงเวลาที่สังขารเรียกร้อง เพื่อในวันรุ่งขึ้นจะได้ทำหน้าที่ขับกล่อมผู้คนด้วยเสียงดนตรี เพื่อหาเลี้ยงชีวิตตนเอง ลูกน้อย และครอบครัว

ในเวลาที่พระจันทร์ทำหน้าที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด  และผู้คนหลับไหล สิงโตก็ได้อาศัยแสงจันทร์เพื่อออกหาอาหารเพื่อการยังชีพช่วงเวลาที่ปลอดภัยจากมนุษย์

กาลเวลาและสรรพสิ่งล้วนเกื้อหนุน อาศัยเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน

ข้อสอบนี้ยากจังค่ะ  ขอเวลาคิดสัก 3 วัน 3  คืน นะคะอาจารย์

ดูภาพแล้ว มีความรู้สึกขัดแย้งอยู่ด้วยกันหลายอย่าง   ??

 สวัสดีคุณ  จันทรรัตน์ ครับ

บรรยายภาพได้ละเอียดดีมากครับ มีแววกวี เพราะมีจินตนาการ แต่ลงความเห็นว่ายิบซีตาบอด อืมม?สงสัย สงสัย...เป็นเพราะ มือคว้าจับไม้เท้านำทาง ปากอ้ากว้างแต่เสียงหวีดร้องกลับไม่เล็ดรอด

ผมชอบการบรรยายช่วงนี้ครับ...

...หัวใจที่ระทึกด้วยความหวาดกลัวสองดวงนั้นสงบลงได้เลย เป็นเหมือนเสี้ยวนาทีที่โลกเหมือนจะหยุดนิ่งและเลือดในกายเย็นเฉียบ...เป็นเสี้ยวนาทีของการเผชิญหน้ากับความตาย...ที่ยากจะทำใจจริงๆ

อ้าว!จบแล้วเหรอ ..คราวนี้ทำได้ดี ไม่ต้องเข้าแถว...เชิญอ้าปากรับขนมไป

คุณอนุชิต

     ขอบคุณที่เป็นห่วงอาจารย์ ไม่สบายตาเล็กน้อย แต่สบายใจ รุ่น บอนด์007 ซะอย่าง พักแพล็บเดียวออกมาวาดลวดลายได้แล้ว

     นั่นนะซี ทำไมหลายคนดูว่ายิบซีมีลูก อิ อิ..แต่คงดีกว่าคุณที่คิดว่ายิบซีตายไปแล้ว

     เธออาจตายได้ในโลกแห่งความเป็นจริง!

 

สวัสดีครับ คุณพัชรา

มองว่าทุกสิ่งล้วนอยู่ในธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งที่เกื้อกูลและเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน มองเป็นธรรมะครับ

ครับ ธรรมะกับธรรมชาติ ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน มนุษย์อาศัยทั้งธรรมชาติและเกิดธรรมะมาหล่อเลี้ยงใจ ให้วิถีชิวิตนำไปสู่ความทุกข์น้อยลง

ศิลปินส่วนใหญ่ศึกษาธรรมชาติ พลันเข้าใจธรรมะบางบท จึงถ่ายทอดธรรมนั้นออกมาเป็นผลงาน

คนที่ดูออกและเข้าใจ ก็สามารถนำไปใช้เป็นวิถีชีวิตตนได้ครับ

 

ขอบคุณค่ะอาจารย์ ...

ภาพนี้ ดูแล้วรู้สึกถึงความเย็นเยียบของความตายมาอยู่ตรงหน้า...มันไม่ได้รู้สึกเลือดกระฉูดด้วยความอึดอัดคับข้องใจเหมือนภาพของแวนโก๊ะเลยค่ะ...ทั้งๆที่ทั้งสองศิลปินก็วาดรูปกลางคืนเหมือนกัน...

อยากวาดรูปให้ได้อารมณ์อย่างนี้จังเลยค่ะ ...เขาทำกันได้อย่างไรคะอาจารย์

     สวัสดีครับอาจารย์ หลังจากขี่ม้าเรียบค่ายเข้ามาดูหลายครั้งแล้ว ขอสมัครเข้ามาเป็นลูกศิษย์เรียนศิลปอีกคนครับ แต่ตามปรกติอาจารย์ก็รู้ว่าผมมองอะไรเป็นเรื่องทางเทคนิคหรืออุปกรณ์อะไรไปซะเกือบหมด มีครั้งหนึ่งผมไปเดินในพลาซ่าที่เชียงใหม่เมื่อหลายปีมาแล้ว เห็นที่หน้าร้านจัดดิสเพลย์ไว้ในตู้กระจก ลักษณะเป็นเครื่องจักสานขนาดใหญ่คล้ายกับสุ่ม ชะลอม และไซดักปลา ประกอบกับวัสดุที่เหมือนกับรังต่อ รังแตนขนาดใหญ่และมีกิ่งไม้บิด ๆ งอ ๆ ประกอบกันเอาไว้ด้วยวัสดุคล้ายๆครั่งหรือน้ำมันยางกับชัน ผมพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ก็มองไม่ออกว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำอะไร จึงเดินเข้าไปถามคนที่อยู่ในร้านว่า  "นี่คือเครื่องมืออะไรครับ" เขาตอบว่า  "งานศิลปะครับ"   ตั้งแต่นั้นมา พอผมเห็นอะไรทำนองนี้ ผมต้องเดาเอาไว้ก่อนว่า นี่คืองานศิลป์แน่ ๆ เลย พอจะรับผมไหวไหมครับอาจารย์?

     สำหรับภาพ The Sleeping Gypsy ผมพิจารณาแล้วเกิดเป็นกลอนที่พยายามแกะแงะงัดเอาออกมาดังนี้ครับอาจารย์.-

     คืนเดือนเพ็ญเห็นดาราฟ้าสว่าง

พบเรือนร่างนางยิปซีนอนหลับไหล

ด้วยเร่รอนรอนแรมมายาวไกล

จึงอาศัยฝั่งนทีเป็นที่นอน

     คืนอ้างว้างในที่เปลี่ยวยิ่งเสียวจิต

ก่อนหลับคิดถึงคู่เคียงเรียงสมร

อยู่เดียวดายดั่งนกน้อยไร้คู่นอน

โอ้อาวรณ์สุดอาลัยใจคำนึง

     ครั้นหลับแล้วฝันร้ายมากรายกล้ำ

เห็นเงาดำสิงห์โตร้ายเข้ามาถึง

ใจระรัวกลัวภัยตกตะลึง

พอตื่นผลึง....โอ้ที่แท้แค่ฝันไป

ได้คาบขนม หรือคาบไม้บรรทักครับอาจารย์

 

เรียนท่านอ.พิชัยค่ะ...

  • ดิฉันได้สัมผัสความรู้สึกอบอุ่นของค่ำคืน..
  • สิงโตใจดี....ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ...อยู่ซะไกลสาวยิปซี ...กะว่า..."ไม่กินแม่สาวคนนี้หรอก...ทำท่าตายซะเหมือนจริงเชียว....เอ้า..ไม่กินก็ไม่กิน...ไปละ"
  • หนูทำได้แค่นี้ค่ะ...

มองภาพแล้วบ่งบอกถึงความโดดเดี่ยวตัวคนเดียวไร้ที่พักพิงไม่มีแม้แต่บ้านไว้เป็นที่อยู่อาศัยต้องเร่ร่อนอาศัยพื้นดินพื้นทรายเป็นที่พักพิงร่างกายยามหลับนอน ซึ่งไม่ต่างกับสิงห์โตเจ้าแห่งสัตว์ป่า ต้องเร่รอนหาอาหารด้วยความอดอยาก ไม่มีแม้แต่ป่าให้อยู่เป็นที่อาศัยหรือหาอาหาร บ่งบอกถึงความอดอยากและแห้งแล้งของชีวิต

คุณดารารัตน์ครับ

    ก่อนจะเขียนรูปได้อารมณ์อย่างนี้ ต้องฝึกปรือให้เกิดทักษะและประสบการณ์อย่างน้อย 2 อย่างครับ

   1. ฝึกการรับรู้ให้เกิดสุนทรียภาพ อย่างที่เราฝึกกันนี่ไงครับ ดูจากผู้ที่มีประสบการณ์และทักษะมากกว่า เรียกว่า Learning from the Best ครับ จนเกิดใจที่เพียบพร้อมด้วยอารมณ์ทางสุนทรียภาพ ไปพบเห็นอะไรก็อยากถ่ายทอดหรือแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้ได้บ้าง

   2.ฝึกทักษะใช้มือครับ จิตรกร แปลว่า ใจกับมือรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ต้องฝึกมือให้สามารถแสดงออกตามใจสั่งได้

      ฝึกดูภาพไปสักพักกับผม อีกหน่อยจะให้ลองเขียนภาพลายเส้นดูครับ หากเก่งแล้วค่อยลงสี

   โอ้โฮ้! อีกหน่อยคุณจันทร์รัตน์คงเก่ง หากเป็นศิลปินดังแล้ว อย่าลืมคุณครูนะครับ (ทวงบุญคุณซะก่อน)

อาจารย์ไปดูภาพลุงปั๋นเขียนสีน้ำหรือยังครับ ถ้าดูแล้วโปรดติชมด้วยครับ

สวัสดีครับ คุณปราโมทย์

ดีใจจังที่มีลูกศิษย์อย่างคุณปราโมทย์ ฟังจากที่เล่ามาพอรับไหว เพราะยังเกิดความสนใจถามว่าคืออะไร ดี กว่าถามว่ากินได้ไหมเยอะ ฮะ ฮะ

แต่พอมาอ่านกลอนของคุณปราโมทย์...อัศจรรย์ใจจนรีบขึ้นทะเบียนให้เป็นศิษย์เลยครับ เพราะทั้งเชิงกลอนและเนื้อหาแจ่มแจ๋วมาก

 และที่สำคัญ คุณโมทย์บอกว่า ภาพที่เห็นนี้ คือ ฝันไปเป็นฝันของยิปซี...

     ครั้นหลับแล้วฝันร้ายมากรายกล้ำ

เห็นเงาดำสิงห์โตร้ายเข้ามาถึง

ใจระรัวกลัวภัยตกตะลึง

พอตื่นผลึง....โอ้ที่แท้แค่ฝันไป

  ฮืมมมมส์.....ไปยืนหน้าชั้น...แล้วอ้าปากกว้างๆให้อาจารย์ป้อนขนมซะดีดี

คุณ กฤษณา

ลองคิดว่า กำลังเล่าเรื่องตลกซิครับ

แปลงโฉมเป็นสิงห์โตคิดก็ได้ครับ ท่าจะสนุกดี

อย่างไรก็ตาม... ฮะฮ้า! คนที่คาบไม้บรรทัดใหม่ เพิ่มจำนวนมาอีกหนึ่งคนแล้ว

ขออภัยคุณจันทร์รัตน์  ที่รีบเขียนจนพิมพ์ชื่อผิดเป็นดารารัตน์...ขอโทษทีลุงแก่แล้ว

ดูเป็นคืนที่เงียบสงบดีนะคะอาจารย์ แม้แต่พระจันทร์ยังดูสงบเย็น

ตกลงว่านักเรียนคนนี้จะให้ขนม หรือไม้บรรทัดดีคะอาจารย์

       กราบสวัสดีอาจารย์ค่ะ

           คุณแม่เดินเกาะราวได้ไกลขึ้นเยอะแล้วค่ะ ไว้วิ่งได้เมื่อไหร่จะชวนไปวิ่งที่ศูนย์สองนะคะ 555

            ที่หมอคิดว่าน่าจะมีผู้หญิงนอนด้านที่ชิดกะคนดูรูปหนะค่ะ เพราะเท้าสองข้างกะคนที่นอนตะแคงลืมตานิดๆขึ้นมาไม่สัมพันธ์กันค่ะ คนนอนตะแคงเท้าก็ต้องตะแคง แต่เท้าสองข้างนั่นเป็นเท้าคนนอนหงาย และผ้าที่คลุมมิดทางด้านบนมองแล้วเหมือนหน้าคนนอนหงายค่ะ แฮะแฮะ แต่พอเอารูปไปเข้าโฟโตชอป พบว่า ยิบซีคนนี้นอนเสื่อแล้วกอดถุงอะไรสักอย่าง ตาก็ลืมจนเต็มที่แล้ว(สงสัยจะเป็นถุงของกินหนะค่ะ......สิงโตนิดนึกในใจนะคะ)  ดูไปแล้วชีวิตยิบซีก็คล้ายๆพระธุดงค์ไหมคะ

            ปล.ไปเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบเฉาก๊วยมาหนึ่งขวด  อ่าตอนกินสิงโตไม่มีสติเลยค่ะ.....ว่าแล้วก็อายหนอ  ไปดีกว่า  โฮก...

    ดีใจจัง ส่งงานครั้งแรกได้คาบขนมของอาจารย์ แต่พลันกำหนดรู้ขึ้นมา ปัจจุบันขณะผ่านไปแล้ว ดีใจหนอ ชอบใจหนอ ถูกใจหนอ ต่อไปสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอดีต เหมือนที่อาจารย์บอกว่า   "ไม่มีใครเลยที่สามารถจุ่มเท้าลงไปในแม่น้ำสายเดิมได้" อย่างไรก็ตาม ศิษย์ผู้น้อยขอติดตามคำเฉลยต่อไปครับ เพราะก็อยากรู้ว่า จริง ๆ แล้ว  ผู้ชมอย่างเราเข้าใจอย่างนี้ แล้วผู้วาดสื่ออะไรออกมาบ้าง เราไม่สามารถเข้าถึงงานศิลป์ หรืองานของเขาเข้าไม่ถึงเรา (คิดว่าเอาเราเป็นศูนย์กลาง..แบบคนเห็นแก่ตัวนิดหน่อย)

    หมอนิดครับ ผมเข้าไปอ่านของหมอแล้ว เขียนคำนิยมไว้ด้วยแหละ!

มือไวไปหน่อย

หมอนิดครับ  เจ้าสิงโตเกิดวันตรุษจีนนี่ เห็นอะไรที่สงสัยแล้วคิดว่าเป็นของกินไปหมด ก็ไม่น่าสงสัยเลย แต่มันกินเฉาก๊วยด้วย ผมว่ามันต้องไปหัดกินมังสวิรัติ ตอนที่มันไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่แน่ ๆ เลย  ถ้างั้น ยิปซีนางนี้รอดตายแน่ ๆ เพราะสิงโตตัวนี้ ไม่กินเนื้อสัตว์เน๊าะ

อาจารย์ค่ะ กลับมาดูรอบที่ 5 ค่ะ สงสัยว่ารูปรอบนี้เห็นคนโฑเต็มใบ รอบที่แล้วเห็นไม่เต็มใบค่ะ แต่ว่าสีไม่สดเหมือนรอบแรก ไม่คมชัดค่ะ ขยายดูก็ไม่เห็นตาของยิปซีว่าเปิดอยู่รึไม่

แถมรอบนี้ดูไปดูมา ที่คาอว่าจะเป็นลูกในอ้อมแขน น่าจะเป็นถุงผ้าที่มีอะไรอยู่ข้างในสักอย่าง และมีเส้นผมยาวๆ โผล่ออกมาจากถุงผ้าด้านบนด้วยค่ะ

รอบหน้ามาดูอีก อาจพบอะไรเพิ่มเติม อิอิอิ ตอนนั้นค่อยอธิบายอารมณ์ความรู้สึกนะค่ะ....

  •   ขอเป็นคนขัดแย้งกับความเห็น ขอทำตัวให้เป็นเหมือนฝ่ายค้าน ขอปักหลักหยัดยืนอุดมการณ์ ขอประทานอภัยโทษอย่าโกรธเคือง
  • ร้อยกรองที่กล่าวข้างต้นนั้น จำต้องขออภัยต่อความคิดเห็นทั้งหลายที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ด้วยที่ว่าสิ่งที่จะได้นำเสนอต่อจากนี้ล้วนขัดแย้งกันอย่างมากมาย จะขอเริ่มตั้งแต่การที่เราเห็นว่าภาพนี้เป็นหญิง รึชายกันแน่..อะไรทำให้เราคิดว่าบุคคลในภาพเป็นหญิง ทรงผม, เครื่องแต่งกาย, รูปร่าง..อยากจะลองมองว่าบุคคลนี้เป็นผู้ชายบ้างรึเปล่า เพราะอะไรล่ะ? เพราะว่านี่คือชนยิปซี ชุดยาวๆคลุมตัวจำเป็นอย่างยิ่งในการเดินทางผ่านทะเลทรายที่เต็มไปด้วยพายุทราย ไหนจะแดดแผดเผาตลอดทั้งวัน อีกด้วยสิ่งที่ปกคลุมบนศรีษะนั้นคือเส้นผมอย่างนั้นหรือ หาใช่ผ้าหรืออย่างไรกัน รวมถึงลักษณะการนอนที่เอาแขนข้างนึงมารองไว้ใต้ศรีษะ  และสองสิ่งสำคัญที่จะละเลยไปไม่ได้ คือหญิงชาวพื้นเมืองจะไม่เล่นเครื่องดนตรี การขับขานเพลง และสร้างสรรค์ท่วงทำนองล้วนเกิดจากฝ่ายชายทั้งสิ้น สิ่งที่สตรีทำคือการร่ายรำและเต้นไปตามเพลง สิ่งสุดท้ายคือเรื่องของสรีระ  ด้วยความเคารพต่อทุกท่าน ถ้าบุคคลนี้เป็นสตรีจริง คงเป็นสตรีที่มีรูปร่างเหมือนบุรุษอย่างมากคงไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้ว่าเหมือนที่ส่วนไหนบ้าง
  • ประการที่2 คือเรื่องของการนอน ทำให้เราต้องดูว่านอนอย่างไร? และ นอนทำไม? สังเกตได้ว่าบุคคลที่นอนนั้น"หนุนหมอน" โดยเอาแขนซ้ายรองหัวไว้อีกที แม้มือขวาจะถือด้ามไม้ไว้อยู่ก็ตามที จากท่านอนและการจัดวางเครื่องนอน อาจพอทำให้เข้าใจได้ว่าบุคคลนี้ ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยก่อนที่เราจะมาพิจาราณารูปนี้เสียแล้ว และยิ่งเข้าใจได้อีกว่า ไม่ได้แกล้งหลับเพื่อหลบสิงโต
  • ประการที่3 สิงโตครับ..สิงโต จากประสปการณ์รับชม Discovery Channel สอนว่า ไม่มีสิงโตตัวไหนที่เข้าประชิดเหยื่อ (แบบเงียบๆ) แล้วยังชูหางสูงๆเยี่ยงนี้ การย่องเข้าหาเหยื่อของสิงโต จะมีการลดหางลงให้ติดพื้นมากที่สุด เพื่อไม่ให้เหยื่อได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวได้เลย
  • ประการที่4  ภาพไม่สมจริง..ไม่สมจริงอย่างไร? เห็นพระจันทร์กันมั้ยครับ กลมโตเป็นอย่างยิ่ง ยามใดก็ตามที่พระจันทร์ใกล้โลก จะเกิดปรากฏการณ์เอลนินโย...ไม่ใช่หรอก จะเกิดน้ำขึ้น แล้วก็ไม่มียิปซีคนไหนจะมานอนริมน้ำอย่างนี้หรอก เดี๋ยวจรเข้คงลากไปกินก่อนที่สิงโตจะมาเจอ รึไม่ก็อาจจมน้ำตายโดยไม่ทันรู้ตัว

เท่านี้คงพอทราบว่าภาพนี้ไม่อาจบรรยายได้จริงๆ..ท่านใดพอจะเห็นชี้แนะได้บ้างครับ

 

คุณหมอสุริยาครับ

ตกลงให้เวลา 3 วัน 4 คืน แต่เช้าวันที่ 4 ขอให้รีบเข้ามาตอบในทันใด

คุณพัชรา

เชิญอ้าปาก....เอ? ขนม...ไม้บรรทัด...ขนม...ไม้บรรทัด ดีหนอ.....

ตกลงให้ขนม 1 ชิ้น แล้วไปเข้าแถวต่ออ้าปากคาบไม้บรรทัดต่อจากอนุชิต แล้วยกให้คุณกฤษณาก็แล้วกัน

หนูPaew ช่างสังเกตุ อาจารย์เปลี่ยนรูปไป 3 ครั้งแล้ว เพราะอยากให้รูปชัดๆ และเต็มรูปมากที่สุด รูปปัจจุบันมาจาก MoMa (Museum oF Modern Art) ครับ สีสรรถูกต้อง แต่ความละเอียดอาจจำกัดหน่อยครับ

ตอนนี้ ความเห็นกำลังเข้มข้น

หญิงหรือชาย ?

มีลูกหรือปล่าว?

ตายหรือไม่?

สิงห์โตกำลังทำอะไร? หม่ำยิบซีหรือปล่าว?

ฮะฮ้า! ยังไม่เฉลย...รอความเห็นต่อ

หมอนิด

ว่างจากการเปิดตู้เย็นแล้วเหรอ? อากาศร้อนๆ กินเฉาก้วยตอนนี้เข้าท่าเหมือนกันแหะ

หมอเป็นคนเริ่มต้น พ่อ แม่ ลูก 3 คน...รับผิดชอบด้วย

อาจารย์ถึงให้คาบไม้บรรทัดก่อนไงล่ะ...อ้าปากมา ว้า เปื้อนเฉาก้วยเหนอะหนะหมด

สุภาศรี อาจราชกิจ รหัส 47422012
รู้สึกถึงความเหงา  เหตุผลที่รู้สึกถึงความเหงาในภาพมีเหตุผลเนื่องมาจาก 1.ชื่อของภาพThe Sleeping Gypsy   ยิปซีคือชนเผ่าเร่ร่อนชนเผ่าหนึ่งที่เดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยๆไม่มีหลักแหล่งที่ให้พักผิงทำให้รู้สึกถึงความเหงาที่ไม่มีบ้าน 2.สีของภาพที่ใช้โทนสีมืด ออกแนวกลางคืนแล้วมีดวงจันทร์ เพียงดวงเดียวที่ลอยอยู่บนฟ้าอย่างเปลี่ยวเหงา 3.ภาพของสิงโตที่อยู่ด้านหลังของยิปซีที่นอนหลับอยู่นั้น ลักษณะภายในภาพเป็นเวลายามค่ำคืนที่ทุกสิ่งหลับไหลมีเพียงสิงโตตัวนี้ตัวเดียวที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวยามค่ำคืนกลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่ ภาพโดยรวมมีความโดดเดี่ยวแฝงอยู่ในทุกอณูองค์ประกอบของภาพไม่ว่าจะเป็นสถานที่ สิ่งมีชีวิตในภาพ ช่วงเวลายามค่ำคืน สิ่งต่างๆในภาพแสดงออกในรูปแบบของความเปลี่ยวเหงาที่แตกต่างกันออกไปหลากหลายรูปแบบ แต่โดยรวมแล้วทั้งหมดคือความ "เปลี่ยวเหงา"
สมบูรณ์ วสันตศิริ รหัส 47422027

จากภาพ The Sleeping Gypsy สะท้อนให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า และอ่อนแรง ยิปซีหลับตาลงนอนบนหมอนบางๆ ข้างกายมีเพียงไม้เท้า เหยือกน้ำ และเครื่องดนตรีคู่กาย โดยปราศจากสิ่งของอื่นใดอีก คงเดินทางรอนแรมมาไกลอย่างสิ้นหวัง ชีวิตนี้หนอ ต้องการสิ่งใดกันแน่ ความรู้สึกนึกคิดในจิตใจบางที่ช่างสับสนวุ่นวาย และบางทีช่างว่างเปล่า แต่ ณ เวลานี้ ขอเพียงที่นอน และพักใจให้หายเหนื่อยล้า เพื่อรอเวลารุ่งสางที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้เจ้าป่า(สิงโต) จะพยายามย่องเข้าข้างกาย เพื่อปรารถนาต่อสิ่งใดในตัวยิปซีก็ตาม แต่จากภาพสะท้อนให้รู้สึกว่า ยิปซีมิได้เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆอีกต่อไป เหมือนว่าถ้าต้องจากโลกนี้ไปก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวลอีก ภาพสะท้อนให้รู้สึกถึงความเดียวดายอย่างน่าสงสาร

สวัสดีครับคุณสุภาศรี

สรุปความในภาพออกมาเป็นเรื่องความเหงา...และเดียวดาย เป็นรูปแบบหนึ่งของความเหงา

เข้าท่าดีครับ

คุณสมบูรณ์ครับ

บรรยายภาพว่า ยิบซีผู้รอนแรมอย่างเหนื่อยล้า ชีวิตมิปรารถนาอะไรอีก นอกจากพักผ่อน...

บรรยายสุดท้ายว่า...ภาพสะท้อนให้รู้สึกว่า ยิปซีมิได้เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆอีกต่อไป เหมือนว่าถ้าต้องจากโลกนี้ไปก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวลอีก ภาพสะท้อนให้รู้สึกถึงความเดียวดายอย่างน่าสงสาร

อืมมมม...สะท้อนความเปลี่ยวเปล่าของยิปซีออกมาได้ดีครับ

สวัสดีครับ คุณสุชัย

เริ่มต้นก็แสดงอุดมการณ์ปักหลักเป็นฝ่ายค้าน...แต่ค้านใครไม่เห็นบอก ได้บรรยากาศสภาดีครับ

ยิบซีหญิงหรือชาย? คุณสุชัยพิเคราะห์จากภาพท่านอนและจากเครื่องเล่นดนตรีว่าน่าจะเป็นชาย ซึ่งล้วนเป็นเหตผลที่น่าฟังมากครับ แถมท้ายว่า หากเป็นสตรีคงเป็นสตรีที่มีรูปร่างเหมือนบุรุษอย่างมาก(ค้านคนที่บอกว่าเป็นหญิง)

ข้อแย้งประการที่2 คือเรื่องของการนอน  คุณสุชัยวิเคราะห์ว่าจากท่านอนและการจัดวางเครื่องนอน อาจพอทำให้เข้าใจได้ว่าบุคคลนี้ ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้แกล้งหลับเพื่อหลบสิงโตแต่อย่างใด (ค้านคนที่บอกว่ายิบซีแกล้งหลับ)

ข้อแย้งประการที่3 ค้านว่าไม่มีสิงโตตัวไหนที่เข้าประชิดเหยื่อ (แบบเงียบๆ) แล้วยังชูหางสูงๆเยี่ยงนี้ การย่องเข้าหาเหยื่อของสิงโต จะมีการลดหางลงให้ติดพื้นมากที่สุด เพื่อไม่ให้เหยื่อได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวได้เลย (ค้านศิลปินที่ไม่ได้ดู Discover Channel เสียบ้าง)

ข้อแย้งประการที่4  ค้านว่าภาพไม่สมจริง..ไม่สมจริงอย่างไร? เรื่องพระจันทร์กลมโตเป็นอย่างยิ่ง ยามใดก็ตามที่พระจันทร์ใกล้โลก จะเกิดปรากฏการณ์จะเกิดน้ำขึ้น แล้วก็ไม่มียิปซีคนไหนจะมานอนริมน้ำอย่างนี้หรอก เดี๋ยวจรเข้คงลากไปกินก่อนที่สิงโตจะมาเจอ รึไม่ก็อาจจมน้ำตายโดยไม่ทันรู้ตัว...(ค้านศิลปิน)

ดังนั้น ประธานขอสรุปว่า คุณสุชัยโปรดนั่งลงได้แล้ว ไม่ต้องยกมือขึ้นค้านอีกครับ เพราะจะแถลงว่าข้อแย้งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น น่าฟังมากและเป็นมุมมองที่ดีที่แตกออกไปอีกมุมหนึ่ง นี่คือเสน่ห์และความสนุกของการชมภาพเขียนที่สามารถนำให้ผู้ชมไปสู่มิติต่างๆของความคิดเห็นและเกิดจินตนาการแตกต่างกัน

 

 

มัทไปประชุมวิชาการต่างเมืองซะหลายวัน กลับมาตามอ่านแทบไม่ทันเลยค่ะ

ขอบคุณอ.มากๆที่นำงานดีๆมาฝากให้คิดอีกแล้ว

ภาพนี้ดูแล้วมันรู้สึกงงๆ รู้สึก ไม่ "get" มีคำถามขึ้นมามากมายค่ะ รู้สึกอยากขยายกรอบรูป zoom out ดูว่าข้างๆหญิงคนนี้ยังมี gypsy คนอื่นนอนอยู่ด้วยหรือไม่ 

  • ทำไมมีโถน้ำดินเผาในภาพ จะสื่ออะไร
  • เครื่องดนตรียังไม่น่าแปลกใจเพราะคงเล่นก่อนนอน การเร่ร่อนและการเล่นดนตรีเป็นสิ่งคู่กัน และ เป็นเอกลักษณ์ของชาว gypsy อยู่แล้ว
  • แขนและมือซุกอยู่ในเสื้อข้างหนึ่ง เพราะหนาวรึเปล่า (แต่ทำไมไม่เอาอะไรห่มปลายเท้า)
  • นอนถือไม้อยู่มือนึงเพราะรู้อยู่ว่าอาจจะมีภัยใช่ไม๊
  • แล้วที่นี่ที่ไหน มีภูเขาข้างหลัง แล้วก็มีทางน้ำด้วย แม่น้ำหรือทะเลสาป หรือ ทะเล?
  • พื้นที่นอนอยู่น่าจะเป็นหินหรือดินแข็งมากกว่าพื้นทราย เพราะมีส่วนนูนให้นอนหนุนได้ เห็นส่วนนูนได้จากผ้าที่พาด (ผ้าก็ลายเดียวกับชุดกระโปรงที่ใส่อยู่) และ ดูจากสองขาหน้าของสิงโตที่โดนบัง เหมือนกับว่าส่วนนั้นเป็นสันดินหรือหิน ไม่ใช่พื้นราบ
  • ฟ้าโปร่งเห็นดาว 6 ดวง พระจันทร์เต็มดวงมีลายที่พระจันทร์ด้วย (จริงๆเวลาพระจันทร์เต็มดวง เราจะไม่เห็นดาวไม่ใช่เหรอค่ะ?)
  • สิงโตตัวนี้ก็ผมยุ่งฟู หางชี้ ตาขาวโต   แอบมาด้านหลัง ดมๆ สาวชาว gypsy

แปลไม่ออกค่ะ แต่ความคิดแรกที่เข้ามาถ้าให้เดาคือ นี่แหละปัจจัยพื้นฐานที่คนเราต้องการ

  1. ที่พัก และ การพักผ่อนเอนกายลงนอนเมื่อจบวัน
  2. น้ำ
  3. เครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่น
  4. ความสว่าง (แสงจากจันทร์เต็มดวง)
  5. ความปลอดภัย (ไม้กันสิงโต)
  6. สุนทรียภาพ (ดนตรี)

ถ้ามีปัจจัยเหล่านี้ไม่สมบูรณ์ อย่างเช่น sleeping gypsy ก็จะทำให้หลับไม่ได้เต็มที่ อุ่นไม่เต็มตัว ต้องคอยระวังภัย

แต่พูดถึงภัยที่มาอาจเป็นสิ่งที่เรากลัวกันไปเองก็ได้ สิงโตตัวนี้เหมือนมาดมๆ ตามันก็ดูแปลกๆ  เหมือนมันตกใจยังไงก็ไม่ทราบ

 วันนี้ส่งงานแค่นี้ก่อนนะคะ : )

สวัสดีครับ คุณมัท

มิน่าเห็นหายไปนาน...แต่เห็นหนูขยันเขียนบันทึกมาก จนอาจารย์นึกอายว่าตนเองไม่มีพลังขนาดนี้ อนากจะแจมตอบบ้างในหัวข้อที่ชอบ เวลาก็ไม่เอื้อติดแหงก อยู่กับประชุมเสมอ

เริ่มต้นก็ งง...งง...งง กับภาพแนวใหม่นี้เหรอครับ น่านแหละเป็นจุดประสงค์ของอาจารย์ที่จะค่อยๆนำไปสู่ประเภทของงานศิลปะที่ประหลาดและพิศดารมากขึ้นกว่านี้

แรกๆ เป็นภาพแนวธรรมชาตินิยมหรือสัจจนิยม คือ Realistic สำหรับภาพนี้จะแผลงไปหน่อย เป็นแนวเข้าสู่แนว ไกลจากความจริงไปทีละน้อย จึงเริ่มดูยากขึ้นบ้าง อาจจะงงงงบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง

ประกอบกับศิลปินผู้นี้มิใช่ศิลปินมืออาชีพที่มีพัฒนาการมาจากAcademic แต่เป็น self taught จึงอาจมีทักษะในการเขียนต่าง Wyeth มากในแง่การถ่ายทอดความเป็นจริงในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรงคน สัตว์ และรายละเอียดของพื้นผิววัตถุ จึงอาจเพิ่มความงงเป็นดับเบิ้ลงงครับ

อย่างไรก็ตาม มีแนวให้ดูเหมือนผมจั่วหัวไว้ ดูแบบความคิดฝัน เหมือนเราดูความฝันของตนเอง มันจะเบลอๆไม่ค่อยชัด ไม่ค่อยเข้าใจดี ไม่ค่อยมีเหตผลมาก

เป็นเรื่องของความรู้สึกแฝงจินตนาการครับ

อย่างไรก็ตาม ที่บรรยายมาชักเข้าเค้า

ห้เอาข้อมูลผสมกับกับความคิดฝัน พบกันครึ่งทางระหว่างความฝันและความจริงที่ตาเห็น

อาจารย์ก็ขออนุญาต ตรวจงานแค่นี้ก่อนครับ เลขามาพยักหน้าตามไปประชุมอีกแล้ว...เฮ้อ!

ว่างและหายเหนื่อยจากงานประชุมแล้ว..เฉลยประเด็นสำคัญของภาพให้ยิปซีตื่นด้วยนะคะอาจารย์..เพราะตอนนี้ได้เกิดมีฝ่ายค้านกับฝ่ายงงเกิดขึ้นแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อขอมติและประเด็นสรุปจากท่านประธานด่วนด้วยเจ้าค่ะ

สวสดีครับ คุณ seangja

หายเหนื่อยบ้างแล้วครับ แต่ไอ้ว่างนี่ซิ มันว่างแป๊บๆซิครับ บางทีแค่มาเปิดคอมยังโหลดไม่ขึ้นเลย ถูกตามตัวหรือต้องพบคนนั้นคนนี้อยู่ร่ำไป

จะว่างก็ตอนนี้แหละครับ

ยิบซีทั้งหลายรอหน่อยนะเจ๊า...อาจารย์กำลังปั่นต้นฉบับอยู่ เพราะไม่อยากให้เกิดฝ่ายแค้นขึ้นรวมกับฝ่ายค้านและฝ่ายงง...เดียวจะเกิดฝ่ายก๊งขึ้นมาจะยุ่ง

บรรดาสมาชิกพรรคทั้งหลาย ประธานขออนุญาตลงมติปิดประชุมคร้าบ

แถมบทกวีให้อ่านกันเป็นแนวทาง แต่เสียดายว่าอาจารย์หาที่มายังไม่เจอตอนนี้ แล้วจะบอกว่าใครเป็นคนเขียน

                   you are the lion in my sleep.

                   I dream.  you come.  hungry and still.

                   tail stiff in the air.

                   hold me between your paws

                   sniff my strange gypsy smell

                   and my lips form a secret smile

                   dredged from my sleeping silence,

                   lying on the sand

                   under the bright gut-hungry moon.

                   the desert wind blows cool--

                   cold feet thrust naked from my skirt--

                   my splendid multi-striped madras caftan.

the jug is empty from which I have drunk warm wine. 

my mandolin lies abandoned having played too much to my drunken song

        of the lion awake in the desert night

        to stalk the full moon.

        I am dreaming you lion

        with your white moon-full eyes watching me.

        I rise, hungry to touch you.

              

               take your splendid mane in my fingers

               your pale mane.  white.  in the moonlight.

               fluffed by the desert wind.

               and we are together.  one.  as

               oh. oh. oh.  the moon dies.

              slipping.  over the dunes. into dark.

 

ชอบใจบทกลอนค่ะ โดยเฉพาะท่อนนี้

        of the lion awake in the desert night

        to stalk the full moon.

        I am dreaming you lion

        with your white moon-full eyes watching me.

        I rise, hungry to touch you

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท