อยู่อินเดียมาเกือบ 3 เดือน ยิ่งพบความน่าทึ่งของอินเดียมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นโอกาสของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักศึกษา คนงานไทย....ฯลฯ ที่จะมาร่วมกันพัฒนาสังคมอินเดียให้ยกระดับขึ้น ในด้านที่ไทยมีความชำนาญและถนัด
อินเดียน่าทึ่ง
คนเก่งมาก ทั้งฉลาด การแพทย์ คณิตศาสตร์ วิศวะ ไอที ด้านอวกาศ
นักธุรกิจระหว่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา มีคนอินเดียติดอันดับรวยที่สุดในโลกหลายคนมาก
มีคนอินเดียได้รางวัลโนเบิลหลายคนมาก
แชมป์หมากรุกของโลก 2 สมัยในปัจจุบันเป็นคนอินเดีย ไม่ใช่รัสเซียเช่นที่เราเคยคิด
นักอวกาศหญิงของอินเดียทำสถิติโลกในหลายเรื่อง
อินเดียเป็นประเทศที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด
เศรษฐกิจอินเดียโตปีละกว่าร้อยละ8-9 ต่อเนื่องกันมาหลายปี
ประชากรอินเดียมากเป็นอันดับสองด้วยจำนวนพันกว่าล้านคนและจะแซงจีนในไม่ช้านี้
สังคมอินเดียรักษาวัฒนธรรมเรื่องศาสนาและวรรณะได้อย่างเหนียวแน่นจนความทันสมัยของโลกาภิวัฒน์ไม่สามารถเข้ามาทำลายได้
คนอินเดียอยู่อย่างเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองได้ มีของดีก็กิน ไม่มีก็กินเท่าที่มี
คนส่วนใหญ่เป็นมังสะวิรัต ทานพืชผักที่มีอยู่ในท้องถิ่น ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ศีลธรรมในสังคมอินเดียยังเข้มแข็งอยู่มาก
คนอินเดียค้าขายเก่งแต่เรื่องบริการไม่ถนัด
การสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่ดีเลยเพราะยังไม่มีความพร้อมที่จะพัฒนา
คนรวยและมีฐานะแม้มีจำนวนน้อยเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์แต่มีจำนวนมากเกินพอสำหรับผู้ประกอบการไทย นั่นคือมีคนรวยและมีฐานะประมาณ 300 ล้านคน
อินเดียไม่ใช่กำลังเปิดตลาด แต่ต้องเปิดตลาดเพราะนับวันคนรุ่นใหม่ มีความรู้ มีงานทำ มีรายได้ดี จะเพิ่มมากขึ้น เมืองหลายเมืองกำลังพัฒนาเร็วมาก
คนอินเดียก็เช่นคนชาติอื่น ชอบชีวิตที่สะดวกสบาย ชอบแต่งตัว มีความสุขในเรื่องต่างๆ แต่เนื่องจากในปัจจุบันบริการสาธารณูปโภคยังมีไม่ทันกับความต้องการทางโลก
คนอินเดียเป็นคนเคร่งศาสนา มีกิจกรรมทางศาสนาได้ทุกเมื่อ
โอกาสของคนไทย
ศาสนากับวัฒนธรรมแบบพุทธไปด้วยกันได้ดีกับฮินดู
คนไทยมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และบริการเก่ง คนอินเดียชอบ
งานภาคบริการเป็นที่ต้องการของอินเดียเป็นอย่างมาก ไทยช่วยอินเดียได้
สาธารณูปโภคพื้นฐานคนไทยดีกว่ามากและสามารถมาให้บริการแก่สังคมอินเดียได้ ตั้งแต่การไฟฟ้า โรงพยาบาลและโรงแรม การก่อสร้างต่างๆ
เป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่มาก สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก กลางและใหญ่ของไทย และส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งขันกันแต่เสริมกัน
นิสัยคนไทยปรับตัวเข้ากับคนอินเดียได้ถ้าเปิดใจและได้ไปสัมผัสและเห็นข้อเท็จจริง
คนอินเดียชอบไปเที่ยวเมืองไทยมากและชอบคนไทยอยู่แล้ว จึงง่ายหากจะเริ่มความสัมพันธ์ทางการค้าขาย
วัฒนธรรมไทยเป็นที่นิยมในอินเดีย เช่นอาหารไทย ศิลปะไทย นวดไทย
อินเดียอยู่ไม่ไกลจากไทย การขนส่งสะดวกทั้งทางอากาศ ทางน้ำ
การศึกษาในอินเดียไม่แพงและมีคุณภาพดีถึงดีมากในหลายสาขา สมควรที่คนไทยจะไปเรียนที่อินเดียกันให้มากขึ้น
คนไทยสามารถเรียนรู้จากคนอินเดียได้มาก โดยเฉพาะด้านธุรกิจ ซึ่งทางการอินเดียเปิดโอกาสให้ไปลงทุนมากในขณะนี้
ในฐานะเมืองกำเนิดพุทธศาสนา คนไทยพุทธทุกคนควรตั้งเป้าหมายชีวิตว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ควรจะเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดีย ก็จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวและการเรียนรู้ชีวิตที่คุ้มค่า
ถ้าปรารถนาดีกับอินเดีย ก็จะโอกาสได้รับสิ่งดีจากอินเดีย
วันนี้ เอาแค่นี้ก่อน................................นะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
อีกหน่อยอินเดียก็จะเป็นสุดยอดของโลกอีกคือจะมีประชากรมากที่สุดในโลกไปแตะที่ 1500 ล้านคนก่อนจีนครับ แล้วคนไทยจะรออะไรอยู่อีกเล่า
ท่านครับ ผมเพิ่มให้อินเดียอีก 1 คน ในพันล้านนะครับ
หากคนไทยได้ไปอินเดีย จะรู้สึกรักประเทศไทยขึ้นอีก 10 เท่า 100 เท่า และอยากจะกลับมาพัฒนาประเทศชาติอย่างแน่นอนครับ
น่าจะเป็นหลักสูตรที่คลังสมองหรือวิทยาลัยสมานฉันท์สันติสุขจะพิจารณาจัดผู้นำระดับต่างๆไปเที่ยวอินเดียนะครับ สัก 10 วัน
เป้าหมายคือให้เกิดความรักชาติ ศาสนา และกษัตริย์ รวมทั้งสร้างขันติและความอดทนให้เกิดในจิต
ยินดีร่วมอำนวยความสะดวกที่อินเดียครับ
ผมทราบจากผู้บริหารระดับสูงของ กพ. ว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีการเสนอให้ส่งเสริมและจัดให้ข้าราชการและชาวพุทธทั่วไปได้ไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดียอย่างเป็นระบบและตลอดไป
ก็ขออนุโมทนาสาธุล่วงหน้าครับ หากทำได้ อินเดียจะเป็นจุดสร้างคนที่มีคุณภาพ(ด้านจิตใจ)ที่ดีมากสำหรับสังคมไทย
สวัสดีค่ะ
เข้ามาสนับสนุน การจัดให้ผู้บริหาร ได้ไปศึกษาธรรมสถานที่อินเดีย แอบๆคิดว่า เขาน่าจะพิจารณามาถึงผู้บริหารระดับปลายๆด้วยนะ สาธุไว้ก่อน
ขอไปศึกษา "ทุกอย่าง" ก่อนนะครับ แล้วจะนำภาพอนาคตที่ปรารถนามาฝากชาวพุทธกัน
ที่ผ่านมาในอดีตเคยได้ไปรับรู้เรื่องการจัดการชาวมุสิมไปประกอบพิธีฮัจย์ที่เมกกะ มีการดำเนินการที่เป็นระบบมาก ซึ่งก็เป็นความจำเป็นเพราะคนมากเหลือเกินจากทุกมุมโลก จึงต้องมีการบริหารจัดการที่ดี
ผมนึกถึงชาวพุทธ ก็ฉันใด ควรจะมีโอกาส ที่ภาครัฐหยิบยื่นให้ ให้ครั้งหนึ่งได้พากันไปดินแดนพุทธภูมิ
ความหมายตรงนี้ ก็คือ พาตัวเอง พาบิดามารดา พาลูกหลาน พาผู้บริหาร พาผู้ร่วมงาน พาคนงาน....ฯลฯ
มีทัวร์บริการ มีสายการบินบริการ มีเครือข่ายจัดการในพื้นที่ ทั้งนี้ด้วยค่าใช้จ่ายที่พอจะเสียกันได้หรือแม้แต่ให้ยิมทดลองจ่ายก่อนแล้วค่อยหักจากเงินเดือน...ของข้าราชการภายหลัง ทำนอง บิน(พุทะคยา)ก่อน จ่ายทีหลัง ก็คงไม่เลวนะครับ
ผมฝันไปเรื่อยๆ และหลังจากกลับมาจากบวช คงจะฝันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
แต่ระหว่างนี้ มาช่วยกันแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้นะครับ ฝากไปยัง ก.พ. กระทรวงศึกษา กรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าเกี่ยวกับงานของท่านทั้งหลายเลย ถ้าชาวพุทธมีความมั่นคงในจิตใจก็จะสามารถพัฒนาสังคมได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยความปรารถนาดี
ขอบคุณ อ.ขจิตเช่นกันครับ
ที่ทำให้ G2K มีสีสัน เป็นเว็บเดียวมั้งครับที่สมาชิกสามารถรู้จักได้มากพอสมควร ผ่านประวัติและการบันทึกที่เป็นตัวตนที่แท้จริง
ภาษาอังกฤษเป็นอนาคตของเด็กไทยนะครับในการไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับนานาประเทศ ขอให้กำลังใจคุณครูทั้งหลายครับ ช่วยกันผลักดันให้เด็กไทยสามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากกว่านี้
อินเดียที่ได้เปรียบหลายๆ ประเทศก็หนึ่งคือเรื่องภาษา
เลยขออนุญาตฝากประเด็นให้ครูไทย ในทุกระดับได้มีโอกาสไปทัศนะศึกษาอินเดียและโดยเฉพาะสังเวชนียสถานโดยทางการ(กระทรวงศึกษาธิการ)สนับสนุนค่าใช้จ่าย
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น "ถ้าพรุ่งนี้ต้องตาย..." ผมก็ยังเตือนตัวเองเสมอๆ ทุกๆ วันและคิดอยู่อย่างเดียวว่า วันนี้ ได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว และทำอะไรทิ้งไว้ให้คนที่อยู่บ้าง
ด้วยความปรารถนาดีครับ
อินเดียมีความหลากหลายมากกว่าไทยเยอะ แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แม้ทางการเมืองรุนแรงก็จะสังหารผู้นำบ้านเรายังไม่มี เป้นที่ๆน่าศึกษามาก สงสัยต้องจัดสองชุดแล้ว
จากคลังสมอง ศก พพ และ g2k
ศึกษาประวัติศาสตร์อินเดียแล้ว สลดใจมากครับในช่วงที่ความแตกต่างทำให้เกิดการขัดแย้งที่รุนแรงและทำให้ฆ่าฟันกันเองอย่างมากมาย
ความแตกต่างนั้น ยังคงมีอยู่ในสังคมอินเดีย จนถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับ
ดีครับ ได้ไปเห็น จะได้คิดและเกิดธรรมสังเวช เกิดปัญญา เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมปัญญาที่น่าส่งเสริม นอกจากนั้นพระธรรมทูตสายอินเดียก็เข้มแข็งในการเผยแพร่ศาสนาในอินเดียเป็นอย่างมากครับ น่าภูมิใจ