218 สุดยอดวิธีคิดแบบอินเดีย
ใบรรดาหนังสือเกี่ยวกับประเทศและคนอินเดียที่ผมได้อ่าน มีเล่นหนึ่งชื่อว่า Games Indians Play เขียนโดย V. Raghunathan นักวิชาการ ผู้บริหารบริษัทและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั้งในอินเดียและในต่างประเทศ
ผมอ่านเรื่องเกี่ยวกับคนอินเดียเยอะก็จริงแต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะสรุปอะไรเอง จึงขอนำการวิเคราะห์ของคนอินเดียที่มีต่อคนอินเดียเองมาเสนอและถ้าข้อใดผมเองมีประสบการณ์ตรงด้วยตัวเองก็จะเสริมเข้าไป ผมคิดว่าวิธีนี้จะดีที่สุด เพราะคงไม่มีคนที่เข้าใจอินเดียได้ดีไปกว่าคนอินเดียเอง เพียงแต่ว่าเราจะเปิดใจรับรู้สิ่งนั้นและพยายามที่จะเข้าใจหรือไม่
คิดแบบอินเดียเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านจากหนังสือของ Raghunathan และได้นำไปยกตัวอย่างสอนลูกๆ ก็คือเรื่องนี้
ดช.ปัญญาเป็นเด็กที่เกิดในเมืองแต่ย้ายไปอยู่ในชนบท วันหนึ่งไปซื้อแพะจากชาวนาในราคา 1000 บาทซึ่งชาวนายินดีที่จะส่งมอบแพะในวันรุ่งขึ้น
พอวันรุ่งขึ้น ชาวนาก็ไปหาดช.ปัญญาแล้วบอกว่า
"ข่าวร้ายหนูเพราะแพะเพิ่งตายไปเมื่อคืนที่แล้วเอง"
ดช.ปัญญา ก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นคืนเงินให้ผมก็แล้วกัน"
"โอ เสียใจด้วยจริงๆ แต่ฉันใช้เงินนั่นหมดไปแล้ว" ชาวนาพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแพะตัวนั้นมาให้ฉัน"
"หนูจะเอาแพะตายไปทำอะไร" ชาวนาถามด้วยความฉงน
"ฉันจะเอาไปจับฉลากขาย"
"จะไปจับฉลากแพะที่ตายได้อย่างไร ใครจะไปซื้อ"
"ได้ซิ คอยดูละกัน"
จากนั้นชาวนาก็มอบแพะที่ตายให้ดช.ปัญญาไป
หนึ่งเดือนผ่านไป......ชาวนาพบกับดช.ปัญญาจึงถามว่าตกลงเอาแพะที่ตายไปทำอะไร
"ฉันก็ทำฉลาก 500 ใบ ขายใบละ 10 บาท แล้วบอกว่าใครดวงดีจับฉลากได้ก็ได้แพะไปเลย 1 ตัว"
"ฉันได้เงินมา 5000 บาท ได้กำไรหลังจากหักที่จ่ายให้ลุงชาวนาไปแล้ว 3990 บาท"
"แล้วไม่มีคนโวยวายหรือ(เพราะแพะตายแล้ว)" ชาวนาถามด้วยความสงสัย
"ก็มี มีคนเดียวคือคนที่จับฉลากได้ และฉันก็แค่คืนเงินค่าฉลากจำนวน 10 บาทให้คนๆนั้นไป"
ในเรื่องบอกว่า ดช.ปัญญาต่อมาเติบโตและเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมาก......
เรื่องราวแบบนี้เป็นสิ่งที่คนอินเดียสอนกัน........ที่สำคัญก็คือการแก้ไขปัญหาและแก้ไขสถานการณ์ที่เผชิญหน้าหรือคิดคำตอบโจทย์ที่ยากๆ ซึ่งคนอินเดียจะเก่งในเรื่องแบบนี้มาก
คนอื่นอาจไม่ได้สังเกตุ แต่ผมเห็นว่าส่วนหนึ่งได้มีการถ่ายทอดความรู้แบบนี้ผ่านทางการ์ตูนพื้นบ้านซึ่งขายในราคาถูกมาก ทำให้เด็กไม่ว่าจะอยู่ในรัฐที่ห่างไกลหรือยากจนก็สามารถเรียนรู้วิธีคิดผ่านสื่อเหล่านี้ได้
เปรียบกับของไทยก็น่าจะได้แก่ศรีธนชัยที่มีปัญญาและไหวพริบ ฉลาดหลักแหลม....
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ความเป็นศรีธนนชัยหายสาบสูญไปจากสังคมไทยนานแล้วและบางครั้งถูกมองว่าเป็นความฉลาดในด้านไม่ดีด้วยซ้ำไป
สมอง ถ้าไม่ได้ใช้ ไม่นานก็ฝ่อ
คนอินเดียจึงเป็นนักคิดนักแก้ปัญหาที่เก่งมาตั้งแต่โบราณกาลและยังสามารถสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ ด้วยองค์ประกอบทางด้านการศึกษาและภาษา
ขอบคุณ Raghunathan ที่ได้ให้ข้อคิดดีๆ
ที่คนไทยก็น่าจะได้ประโยชน์ หากรู้จักคิด ไม่มัวแต่ทะเลาะและแย่งชิงอำนาจกัน
ความเห็น (14)
อ่านแล้วทึ่ง ความสามารถค่ะ แป้นเคยดูรายการนึงเหมือนกันที่เด็กชายชาวอินเดียคนหนึ่ง ที่เก่งคอมมากๆ ตั้งแต่ยังเล็ก จนไมโครซอฟจ้างไปเขียนโปรแกรมให้ ไม่รู้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมการเรียนการสอนของบ้านเค้ารึเปล่าคะ อันนี้ไม่แน่ใจ
สวัสดีครับ
เท่าทีทราบเรื่องที่ยากๆ ซับซ้อน ที่คนคิดไม่ค่อยได้ คนอินเดียมักจะคิดได้
ทราบมาว่าภาพยนตร์เรื่องเดอะแมทริก คนอินเดียก็เป้นคนคำณวนตัวเลขของภาพที่เป็น special effects ทำให้เราเห็นภาพกระสุนค่อยๆ วิ่งผ่านไปอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างกายที่หลบ..
ยังไม่นับโปรแกรมที่คนอินเดียไปช่วยคิดเพื่อให้การทำงานของบริษัทในสหรัฐอีกมากมายทำงานได้สะดวกขึ้น
ผมคิดว่าเรื่องไอทีนี้ รัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย ทำให้บังกาลอร์เป้นสูนย์ผลิตผู้เชี่ยวชาญไอทีชาวอินเดียมากมาย
ณ วันนี้ รัฐบาลอินเดียกำลังมีโครงการสร้างเมืองไอทีอีก 48 แห่งใน 48 เมืองทั่วประเทศ
นอกจากนั้นวัฒนธรรมในเรื่องการคิดค้นหาคำตอบในทุกเรื่องทำให้คนอินเดียชอบคิด ชอบถาม ชอบพูดครับ
สวัสดีค่ะคุณพลเดช
- เป็นเรื่องน่าคิดเอาแบบอย่างมากเลยค่ะ
- อยากคิดอะไรได้ก้าวกระโดดแบบนี้บ้าง แต่คิดไม่ค่อยจะทันใครๆ เขาค่ะ สำหรับคนไทยที่คิดดี ดีไปนะคะ ถ้าคิดเอาแต่ประโยชน์ให้ตัวเอง เสียดายค่ะ
- รอบๆ ตัวมีคนที่คิดถึงแต่ตัวเองเยอะ เมื่อเห็นตัวเองเสียเปรียบแล้ว จะต้องเอาคืนให้ได้มากที่สุด เพื่อตัวเองหรือพรรคพวกตัวเองเท่านั้น
แต่ชาวนาก็เหลือเกิน..ซื่อสัตย์ต่อตนเองจริงหรือเปล่า...ด.ช.ปัญญา สมกับเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าค่ะ ขอบคุณเรื่องดีดีมาแบ่งให้ค่ะ
ผมคิดว่าวิถีชีวิตที่ติดดินมีส่วนทำให้คนอินเดียต้องขวนขวาย อยู่ให้ได้
สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติทึ่งก็คือความรวดเร้วในการคิดคำณวนตัวเลขของชาวอินเดียระดับล่าง ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือเครื่องคิดเลขช่วยเลย
แม้ในชนบทก็เป็นเช่นเดียวกันครับ
ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย
+ สวัสดีค่ะพีพลเดช
+ เป็นแนวคิดที่ดีนะค่ะ
+ ถ้าเราสอนลูกหลานเราแบบนี้ สอนด้วยเรื่องราวเหล่านี้ สอนบ่อย ๆ เป็นสิบยี่สิบเรื่อง
+ เชื่อว่าเมืองไทยชโยแน่ ๆ ค่ะ...
คุณ แอมแปร์ ครับ
ทุกวันนี้ สอนลูกให้รู้จักตั้งคำถามและคิดให้ได้หลายซ้อน ไม่ต้องเท่าคนอินเดีย
แค่ให้รู้จักสร้างจินตนาการ วิเคราะห์ปัญหาและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ
เด็กไทยต้องรู้จักเรียนนอกห่องเรียนให้เยอะๆ ครับ ไม่ใช่เรียนเฉพาะตามหลักสูตร
โดยเฉพาะการไปพิพิธภัณฑ์ความรู้
ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย
คุณ ครูโย่ง ครับ
ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยม
คุณครูคือคนสำคัญสำหรับเด็กและเยาวชนไทยนะครับ
ขอชื่นชมกับกิจกรรมที่คุณครูโย่งได้ทำมาครับ
ขอฝากว่าสื่อการ์ตูนนั้น มีศักยภาพและมีประโยชน์มากสำหรับการเรียนการสอนครับ
ด้วยความปรารถนาดี
เรียน ท่านพลเดช ที่เคารพ
ชอบเรื่องที่ยกมามากค่ะ คล้ายศรีธนญชัยไทย
คนอินเดียนี่เท่าที่เห็นเป็นคนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง ไม่ยั่น ไม่หวั่น ไม่อาย กล้าที่จะลุยเพื่อสิทธิของตนเอง ดิฉันเห็นคนขายสินค้าบนรถไฟชั้นสามมาสาธิตขายสินค้า มาแสดงดนตรี ได้อย่างภาคภูมิใจ ใครจะซื้อหรือไม่เขาไม่สน เขากล้าที่จะแสดงออกทุกเรื่องนะคะ
อาจารย์โสภนาครับ
จริงครับ
ผมจึงอยากจะส่งเสริมให้คนไทยได้ไปอินเดียมากขึ้น เพื่อที่จะได้เรียนรู้สิ่งดีๆ และนำไปปรับใช้ในวิถีชีวิตได้
ขอบคุณครับที่มาทักทาย
- อินเดีย กับจีนมีแนวคิดที่ไม่ต่างกันค่ะ
- สอนคนด้วนิทานปัญญาค่ะ
ในโอกาส วันคล้ายวันเกิดท่านทูต ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตร โปรดประทานพรอันประเสริฐแค่ท่านทูตค่ะ
กราบอาจารย์พลเดชค่ะ
ขออนุญาตอวยพรวันคล้ายวันเกิดของอาจารย์ค่ะ
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ถึงพร้อมด้วย วรรณะ สุขะพละ และเจริญยิ่งขึ้นไปในธรรมค่ะ
ส่ง "ดอกธรรมรักษา" มากราบอาจารย์ค่ะ
คุณ คนไม่มีราก ครับ
ขอให้พรอันประเสริญที่ให้ไปนั้น ย้อนกลับไปยังผู้ให้เป็นทวีคูณ
ขอทวยเทพทั้งหลายในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์จงอวยพรให้ผู้มีจิตกุศลเช่นกัน
วันเกิดคือวันดับ
ขอจงนับแต่ปัจจุบัน
สติมั่นทุกลมหายใจ
ขอให้เจริญสุข
ทุกคืนวันจ๊ะ