298 อัศจรรย์เสียงธรรมจากเดลี 3


มหานุภาพแห่งธรรม

 

 

 

 

 

 

                      ยังอยู่กับบันทึกหัวข้อ อัศจรรย์เสียงธรรมจากเดลี   ครับ  จากที่เล่าเรื่องการไปเยือนเดลีของพระอาจารย์อารยะวังโสและต่อมานำภาพอัศจรรย์ของพระบาทมงคลธรรม เสนอไปแล้วนั้น ขอเรียนว่าสิ่งดีงามสิ่งหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในเดลี  ซึ่งผมก็ยังไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ บางครั้งสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่ง กลับเกี่ยวกัน เชื่อมโยงกันทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต ที่อาจเรียกได้ว่าเป็น "ธรรมะจัดสรร" ก็ต้องคอยดูกันต่อไปครับสิ่งดีงามนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่อย่างไร

                      สำหรับบันทึกนี้ ผมขอนำภาพอัศจรรย์อีกภาพหนึ่งที่คุณเอื้องอุมา (ฐาปนา รักติประกร)ได้กรุณาส่งมาให้ลงในเว็บ  เป็นภาพอัศจรรย์แห่งธรรม ณ ถ้ำบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยา (ดงคสิริ) อุรุเวลาเสนานิคม รัฐพิหาร อินเดียซึ่งปรากฏในหนังสือที่ชื่อ มหานุภาพ...แห่งธรรม The Might of Dhamma ที่แจกคนไทยในเดลีที่มาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ในวันที่ 30 มีนาคม 2552

ในปกด้านใน บรรยายไว้ดังนี้ครับ

"อธิษฐานขอพุทธานุภาพพึงปรากฏเมื่อ 4  กค. 2551 เวลา 08.00 น หลังจากที่พระอาจารย์อารยะวังโสมาปฏิบัติธรรมบอกบริสุทธิ์และอธิษฐานอุโบสถ ณ ถ้ำบำเพ็นเพียรทุกรกิริยา ดงคสิริ (อุรุเวลา) รัฐพิหาร อินเดีย เพื่อประกาศการเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยการคืนกลับสู่ชมพูทวีป ตามเจตนาธรรม"

ผู้บันทึกภาพ/อธิษฐาน นายนิคม จึงอยุ่สุข

 

 

                            ที่มาของการเกิดภาพอัศจรรย์นี้  เกิดจากการเดินทางไปอินเดียของพระอาจารย์อารยะวังโสและคณะศิษย์เมื่อวันที่  2-5 กรกฏาคม ปี 2551 เพื่อไปสักการะสถานที่พระพุทธเจ้าครัสรู้  และขอพุทธนานุภาพในการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองไทย โดยการนำดินมหามงคลจากสถานที่ตรัสรู้และเครื่องสักการบูชาหลายประการกลับมาสู่แผ่นดินไทย และนำไปใช้ประกอบการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่กระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2551  ซึ่งบังเอิญผมก็ได้มีส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในการประสานงานในอินเดียกับสถานกงสุลใหญ่ ณ กัลกัตตาซึ่งดูแลรัฐพิหาร

                            ต้องนับว่าการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ในประเทศไทยนั้นเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาที่ดีมาก เพราะเป็นต้นที่หน่อนั้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดียวกับพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทคยา  เช่นเดียวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อยู่ในสถานทูตไทย ณ กรุงเดลีที่อัญเชิญมาปลูกมาเป็นเวลานานถึง 53 ปีแล้ว

                           จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่ได้ปฏิบัติธรรมตามแนวสมถและวิปัสสนามามาพอสมควร ผมยืนยันว่าพลังธรรมนั้นมีจริง สำหรับคนที่สนใจและรู้วิธี ก็จะสามารถสัมผัสถึงพลังธรรมชาตินั้นได้ตามกำลังของตน  วิธีการพิสูจน์นั้นเปิดอยู่เสมอ หากต้องการ  เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์เราสงสัย ก็รอเวลาที่จะให้มีการพิสูจน์ทั้งนั้น

                           การอยากรู้ความจริงในธรรมชาติ ในชีวิตจึงเป็นการเริ่มต้นและเป็นสิ่งที่ดี เมื่ออยากรู้ก็ต้องศึกษา เพื่อหาความจริงนั้น ให้ได้ จนกว่าจะได้เห็นด้วยตัวเองอย่างถ่องแท้จึงค่อยสรุป

                           ลองชมกันนะครับ ด้วยจิตบริสุทธิ์ และเรียนรู้

                           ขอให้เจริญในธรรมและมีความสุขทุกท่านครับ

................................

หมายเลขบันทึก: 256988เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2009 23:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะ

*** เป็นบันทึกที่ทำ้เกิดความคิดวิเคระห์ได้หลายแง่มุม และเจิญในธรรมได้นะคะ

*** ขอบคุณค่ะ

คุณครู กิติยา เตชะวรรณวุฒิ ครับ

สวัสดีครับ

เท่าที่ผมได้มีโอกาสต้อนรับพระอาจารย์อารยะวังโสและคณะศิษย์ ที่เดลี อินเดีย แม้เพียง 3 วัน ก็รู้สึกว่า ได้เรียนรู้ข้อคิด ข้อปฏิบัติและที่เกี่ยวกับสติปัฏฐาน 4 เยอะมากครับ

พระอาจารย์มีวิธีสอนที่น่าทึ่งและชื่นชม นั่นคือการปฏิบัติ...ให้ดู...ตามที่ท่านว่าถูกต้อง เป็นปรกติของท่าน

เพียงแค่นี้ ถ้าเราดูด้วยสติ ก็จะได้ข้อคิดมากมายจากการปฏิบัตินั้นซึ่งผมถือว่าเป็นการสอนที่ดีที่สุด

จากประสบการณ์การปฏิบัติของผม ก็บอกได้ว่าความจริงในธรรมชาติโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับจิตมนุษย์นั้น ไม่ได้ซ่อนเร้นหรือแอบแฝงแต่ประการใด

แต่อยู่ตรงหน้าเรา อยู่ตรงที่จิตที่เกิดในขณะนั้น ถ้าเห็นก็เห็น

ถ้าไม่เห็นก็ไม่รู้

สิ่งที่ได้จากการพบกับพระอาจารย์ก็คือ การค้นหาความจริง เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องค้นหาความจริงเพื่อตัวเอง

ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรืออะไรก็ได้ แต่มีวิธีการที่ถูกต้องอยู่ครับ

ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย แม้ดึกแล้วที่เมืองไทย

เจริญสุขครับ

 

 

สวัสดีค่ะท่านฑูต

เพียงแค่เห็นภาพนี้ ก็รู้ได้ถึง ความมหัศจรรย์ อันสงบ

มาอ่านเรื่องราว ความรู้ ยามเช้า ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

พุทธานุภาพนำผล เกิดสรรพมงคลยิ่งใหญ่

สาธุ สาธุ สาธุ

คุณ poo ครับ

ที่ผมเรียนเอาไว้ว่า "คนที่สนใจและรู้วิธี ก็จะสามารถสัมผัสถึงพลังธรรมชาตินั้นได้ตามกำลังของตน   "

สาธุครับกับการสัมผัสถึงความสงบ

แม้เพียงรู้สักครั้งหนึ่ง ก็จะซึ้ง ว่ามีค่ามากกว่าทรัพยสิงเงินทองและของนอกกาย

คนเราจะรู้ถึงความสำคัญของกายและจิตก็ต่อเมื่อตกอยู่ในสภาพที่ป่วยหนัก และเข้าใจทันทีว่าเงินทองนั้นแทบไม่มีค่าอะไรเลยที่จะทำให้กลับมามีสุขภาพปรกติได้

สงบวันนี้เดี๋ยวนี้ วันละสั้นๆ จะช่วยชีวิตอนาคตได้มากทีเดียวครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ

 

โยคีน้อย ตันติราพันธ์

เหมือนกกับว่าพลังธรรมชาตินั้นมีอยู่ในทุกหนแห่ง

เราเพียงรู้ว่ามีอยู่จริงและรู้วิธีที่จะนำเอาเข้ามาใช้กับตนในเวลาที่ต้องการ

ถ้าท้องฟ้า จักรวาลเป็นถุงเก็บน้ำที่ใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด จะเจาะเอาน้ำลงมาใช้ได้อย่างไร

จะใช้ท่ออะไรไปเจาะ เพื่อเอาน้ำมาเลี้ยง

สติหนอ....แล้วจะรู้เอง

เจริญสุขจ๊ะ

 

 

เอื้องอุมา (ฐาปนา รักติประกร)

ขออนุโมทนากับท่านอุปทูต พลเดชฯ

ที่นำภาพแสดงพระพุทธานุภาพที่ยังคงปรากฏมีอยู่ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเผยแผ่

ทั้งนี้เพื่อสร้างศรัทธาและจุดประกายธรรมในดวงจิตของสาธุชน ให้น้อมระลึกและบูชาพระคุณอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ

อันจะเป็นอานิสงส์ติดตามทุกท่านข้ามภพชาติ ให้ได้เกิดในเขตบุญพระพุทธศาสนา ได้เข้าเฝ้าและฟังพระสัจธรรม ตลอดจนได้บรรลุธรรม แม้จนถึงที่สุดคือพระนิพพาน

ขออนุโมทนาค่ะ

คุณเอื้องอุมาที่เคารพครับ

ขอบพระคุณผู้ส่งภาพมาให้ด้วยครับ ทำให้กัลยาณมิตรทั้งหลายได้สัมผัสกับพุทธานุภาพนี้ ผมยังจำคำที่พระอาจารย์อารยะวังโสกล่าวไว้ทำนองว่า ทุกสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จ ถือว่ามีพลังพุทธานุภาพที่บริสุทธิ์ ยังคงอยู่

และที่สำคัญที่นั้นต้องมีความพร้อมด้วย ทั้งคนและที่ไม่ใช่คน และสถานที่

ยกตัวอย่างที่กัมมาสะธัมมะนิคม ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงมหาสติปัฏฐาน ๔ พระอาจารย์บอกว่าคนแคว้นกุรุต้องมีความพร้อมด้วย คือมีสัมมาทิฐื มีศีล มีบารมีที่เพียบพร้อมที่จะรับธรรมอันสูงนี้ด้วย

การที่คนมีความดีงามแบบนี้ สถานที่และสิ่งแวดล้อมก็ต้องดีด้วย

ทำนองเดียวกันกับถ้ำดงคสิริที่แสดงพุทธานุภาพให้เห็นผ่านภาพนี้ กัมมาสะธัมมะนิคม ก็น่าจะมีพลังพุทธานุภาพด้วยเช่นกัน

ตามข้อมูลที่ทราบ ในครั้งที่พระพุทธองค์แสดงธรรมที่กัมมาสะธัมมะนิคม มีผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมและบรรลุอรหันต์มากมายนัไม่ถ้วน รวมทั้งเทพยดาทั้งหลายนับไม่ถ้วนเช่นกัน

น่าคิดนะครับ ว่าช่างเป็นสถานที่สำคัญและเป็นมงคลเหลือเกิน ที่ชาวพุทธจะระลึกถึงพระธรรมที่สูงเช่นมหาสติสูตรนี้

ยิ่งในปัจจุบัน ยุคที่คนเสื่อมเรื่องศีลธรรม ไม่สนใจเรื่องปัญญาในทางธรรม การนำเรื่องมหาสติปัฏฐานมาเสนอน่าจะเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามากครับและน่าจะเหมาะสมกับคน

ขออนโมทนาบุญกับคุณเอื้องอุมาด้วยครับ เธอป็นตัวอย่างผู้ปฏิบัติธรรมที่ดี เข้มแข็ง และมีความเพียรสูงมาก และเป็นหนึ่งในกองทัพคณะศิษย์ที่เป็นเหมือนเหล่าขุนศึกสำคัญของกองทัพธรรมนี้

ขอชื่นชมครับ

สวัสดีค่ะท่าน

ได้ตามอ่านบันทึกเรื่องราวของท่าน

และได้ลิงค์ข้อมูลในบล็อกของแพร ซึ่งมีเรื่องเล่าเดียวกันค่ะ

มหานุภาพ...แห่งธรรม

http://gotoknow.org/blog/arayawangso/254649

มาที่บล็อกของท่านในเรื่องนี้ด้วยค่ะ

เพื่อกัลยาณมิตรจะได้ตามมาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะท่าน

คุณ แพรภัทร ครับ

อนุโมทนาบุญกับบล๊อคของคุณแพรภัทรนะครับ เพิ่งเห็นไม่นานนี้เองและได้ไปทักทายแล้ว

ยินดีครับที่มีศิษย์พระอาจารย์บันทึกบล๊อคแบบนี้ จะได้ติดตามต่อไป

ผมคิดว่าคงเป็นธรรมะจัดสรรนะครับ

สาธุครับ

 

สวัสดีค่ะ

คุณพ่อท่านคงภูมิใจในตัวท่านทูตมากๆเลยค่ะ

มาอ่านเรื่องธรรมะ...ด้วยความศรัทธาค่ะ

คุณแดง ครับ

คุณลูกก็ภูมิใจที่มีพ่อและแม่ที่เป็นดั่งพระพรหมครับ

พูดไปแล้ว เราก็เป็นลูกของพระพุทธเจ้า

เป็นลูกของแผ่นดินคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เปรียบเสมือนบิดา

ลูกของครอบครัวคือคุณพ่อคุณแม่ ที่เลี้ยงดูเรามา

และที่สำคัญ เราก็เป็นพ่อ/แม่ ของลูกๆ ครับ.......

เราดีก็เพราะพ่อแม่

เราจะดีก็เพราะเราที่เป็นลูก

ลูกเราจะดีก็เพราะพ่อแม่ครับ

เจริญสุขนะครับ

อนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ

กล่าวได้ว่าบิดามารดามีส่วนอย่างมากต่อแนวทางชีวิตของบุตรมากครับ

เจริญสุขครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท