310 ลดความเหลื่อมล้ำสิทธิ์ทางการเมืองแบบอินเดีย


คิดและจัดการแบบอินเดีย

 

 

ลดความเหลื่อมล้ำสิทธิการเมืองแบบอินเดีย

เมื่อวันก่อนผมได้ไปชมวีดีโอ ปชส.เกี่ยวกับการเลือกตั้งของอินเดีย เป็นช่วงของการเลือกตั้งทั่วไปในอินเดียที่กำลังเข้มข้นและใกล้จะเสร็จสิ้นและรู้ผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงขอนำเรื่องมาเล่าแบบชาวบ้านๆ เพื่อที่จะได้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของอินเดีย

นอกจากบทบาทในเวทีโลกที่เด่นในระดับเดียวกับมหาอำนาจอื่นๆ แล้ว อินเดียยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกด้วย มาดูกันว่ามีประเด็นอะไรกันบ้าง

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 714 ล้านคน ศูนย์เลือกตั้ง 828000 แห่ง อุปกรณ์อิเลคโทรนิคสำหรับการลงคะแนน 1.37 ล้านชุด และใช้เจ้าหน้าที่ดูแล 5.5 ล้านคน ทั้งหมดนี้เพื่อเลือกคนเป็นผู้แทนทางการเมืองของประชาชน จำนวน 543 คน

เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและเหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่งของอินเดียที่สามารถจัดการการลงคะแนนของคนจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหา รายละเอียดของการเลือกตั้งของอินเดีย จะไม่นำมากล่าว ณ ที่นี้ เพราะหาอ่านกันได้เอง แต่ที่จะพูดตรงนี้มี 2 ประเด็น

คือความคิดที่จะจัดการเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตยที่สุดของอินเดียเป็นประเด็นที่น่าสนใจและชื่นชมยิ่งนัก รวมทั้งประเด็นที่มองเห็นศักยภาพของไอที ว่าจะช่วยลดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของผู้มาลงคะแนน ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าทึ่ง ถือเป็นการลดความความเหลื่อมล้ำในการใช้สิทธิทางการเมืองที่ชัดเจนที่สุด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เรียกว่าด้วยอุปกรณ์และระบบอิเลคโทรนิคที่ใช้ แม้ศุนย์การเลือกตั้งที่ห่างไกลใดจะมีคนมาลงคะแนนไม่กี่คน ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าอัศจรรย์

ด้วยระบบการจัดทำบัตรสำหรับผู้ลงคะแนน Elector’s Photo Identity Cards (EPIC) มีภาพถ่ายประจำตัว คนอินเดียจำนวนมากที่ไม่มีบัตรประจำตัวแต่สำหรับบัตรผู้ลงคะแนนจะมีกันแทบทุกคน ด้วยระบบและอุปกรณ์อิเลคโทรนิคที่คิดค้นมาเพื่อการนี้ (EVM) หรือ E-Voting นัยว่าเพื่อป้องกันการโกงการลงคะแนนได้ผล

ผู้ลงคะแนนจะสามารถกดสัญญลักษณ์ของพรรคที่ตนจะลงคะแนนรวมทั้งผู้สมัครที่ตนชื่นชอบได้โดยง่ายเหมือนกับการไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มก็มิปาน หลังจากกดแล้วจะได้รับสลิปมา 1 แผ่น ผู้ที่ลงคะแนนแล้วก็จะถูกป้ายหมึกชนิดพิเศษที่เล็บนิ้วว่าลงคะแนนแล้วโดยหมึกจะติดอยู่นานเป็นสัปดาห์ สะดวกรวดเร็วจริงๆ มีเกร็ดเรื่องเล็บว่า ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเล็บใด สตรีอินเดียจึงนิยมให้ป้ายเล็บในนิ้วมือต่างๆ ตามชอบใจ และกลายเป็นกระแสเหมือนกัน

นึกทบทวน เหตุผลต่างๆ มารวมกันว่าทำไมจึงเกิดระบบการลงคะแนนที่ทันสมัยในอินเดียทุกวันนี้ ผมลองนึกเล่นๆ มีดังนี้

ประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอนุทวีป

ประชากรมีขนาดใหญ่นับพันล้าน

ประชากรมีความแตกต่างและหลากหลายและอยู่กระจายกันทั่วประเทศ

อินเดียเก่งทางด้านไอที สามารถคิดระบบเองได้

ความมุ่งมั่นที่จะให้สิทธิ์ทางการเมืองนี้แก่ประชาชนผู้มีสิทธิ์อย่างกว้างขวางที่สุด ประเด็นนี้เรียกว่ามุ่งมั่นที่จะลดความเหลือมล้ำในเรื่องสิทธิ์ทางการเมืองที่ชัดเจนมาก

มุ่งมั่นที่จะเป็นสังคมที่เป็นประชาธิปไตยให้ดีที่สุด

อินเดียสามารถทำในสิ่งที่ประเทศอื่นทำไม่ได้ ฯลฯ

ฟังดูเหมือนผมรับจ้างเขียนเชียร์อินเดียเหลือเกิน แต่ขอเรียนว่าไม่มีการรับจ้างแน่นอน รู้สึกอย่างไรก็เขียนเช่นนั้น

สิ่งที่แสดงให้เห็นก็คือแม้มีปัญหา ใหญ่หลวงเพียงใด ก็หาทางแก้ไขไปได้ แม้ต้องจัดให้คน 714 ล้านคนลงคะแนนในช่วงเวลาจำกัด ก็หาทางจนได้รูปแบบที่พอใจและทันสมัย

นี่คือคนอินเดีย คิดแบบอินเดีย ได้แต่หวังว่าเมืองไทยบ้านเราจะดูเป็นตัวอย่างและนำสิ่งดีๆ ไปพิจารณาใช้ประโยชน์บ้าง

หมายเลขบันทึก: 260878เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2009 14:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

จริงๆค่ะ...คนอินเดียเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านคอมพิวเตอร์ที่โลกยอมรับชาติหนึ่ง..เคยดูหนังที่คนอินเดียมาทำพิธีกรรมคนเป็นร้อยล้านในมวลนั้นทุกอย่างเป็นไปได้อย่างน่าทึ่งทั้งๆที่ไม่ได้ใช้ระบบควบคุมสมัยใหม่แต่อย่างไร...

คุณ ยายธี ครับ

รัฐธรรมนูญอินเดียใช้มา 59 ปีแล้วครับ ยังไม่เคยฉีกทิ้งสักครั้งเดียว

ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม รัฐบาลปกครองคนพันล้านมานานแบบนี้ ต้องถือว่ามีดี

ดีที่ระบบและดีที่คน

ยิ่งอยู่ยิ่งทึ่งกับคนอินเดียครับ ทุกวันนี้เดลีและเมองใหญ่ยังเขียวชะอุ่มไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติแบบดั่งเดิม ในขณะที่จรวดอินเดียไปโคจรรอบดวงจันทร์ด้วยความสามารถของนักวิทยาศาสตร์อินเดียล้วนๆ

ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย

สวัสดีค่ะ

มาอ่านเรื่องของคนอินเดีย

การบริหารจัดการของเขามีคุณภาพ

และอาจเพราะการมองสิ่งใดแบบทะลุปรุโปร่งจนเข้าใจ

คิดแบบทำได้จริง มีความมุ่งมั่นด้วยมังคะ

ก็ต้องยอมรับ และชื่นชมว่า"ทำได้ไง"

โยคีน้อย ตันติราพันธ์

การจะมองทะลุปรุโปร่งก็คือคิดแล้วคิดอีก คิดหลายซ้อนตามแบบอินเดีย

คนไทยควรเรียนรู้

 

สวัสดีค่ะ

. ชอบเรื่องราวของอินเดียมาก เจอเรื่องที่เขียนเกี่ยวกับอินเดียมักจะเข้าไปอ่าน

. ชอบบันทึกของท่านมากค่ะ...และเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าคนอินเดียเก่ง เก่งทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธองค์ที่ดิฉันเคารพนับถือ ดิฉันทึ่งกับคนอินเดียจริงๆ แล้วจะติดตามต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะ การได้อ่าน ได้รับรู้เรื่องราวสะท้อนมุมมองจากผู้ที่อยู่ในประเทศอินเดีย ทำให้เปิดโลกทัศน์ตัวเองและมีความเข้าใจอินเดียเพิ่มขึ้นค่ะ มีความเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าประเทศที่เป็นอู่อารยธรรมอย่างจีนและอินเดียจะยืนยงรุ่งเรืองต่อไปได้ด้วยอริยทรัพย์ที่มีอยู่เดิมเป็นพื้นฐานและสามารถพัฒนาประเทศอย่างเป็นตัวของตัวเองได้ในโลกสมัยใหม่

ไม่นานมานี้เพิ่งได้ชมภาพยนตร์ Slumdog Millionaire ก็เป็นอีกมุมที่ถ่ายทอดชีวิตคนอินเดียส่วนหนึ่งนะคะ

คุณ อุดมพันธ์ ครับ

คนอินเดียเก่งที่มีสมองคิดวิธีการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดของตน

คนอินเดียจึงคิดหรือปุจฉาเก่ง ยิ่งปุจฉา ก็ยิ่งได้ข้อมูล ได้ตอบ ผนวกกับความเก่งเรื่องภาษาอังกฤษและไอที จึงทำให้ทำในสิ่งที่เหลือเชื่ออยู่เรื่อย

เก่งถึงขนาดจัดการเลือกตั้งสำหรับคน 714 ล้านคนโดยใช้เทคโนโลยีอิเลคโทรนิคได้เรียบร้อยทุกประการ

เป็นประเทศที่ใช้สมองและใช้เทคโนโลยีเสริมวิถีชีวิตได้มากที่สุดในโลก

จะพยายามนำสิ่งดีๆ ของอินเดียมาเสนอต่อไปครับ

 

 คุณนายดอกเตอร์ครับ

คนไทยต้องหาโอกาสไปอินเดียครับ

เพราะคือห้องเรียนชีวิตที่ดีมากๆ

ไปแล้วให้ได้เห็น ได้รู้ ได้คิดในสิ่งต่างๆ

ฝรั่งเศสเองก็เข้าไปอินเดียนานมาแล้ว

ในปัจจุบันมีคนอินเดียลงทุนทำไร่องุ่นและทำเหล้าองุ่นเพิ่มมากขึ้นครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท