สรุปผลการดำเนินการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้บูรณาการการทำงานเชิงรุก
“งานสร้างเสริมคุณภาพชีวิตคนทำงานในองค์กร” ครั้งที่ 6
“ฝ่าวิกฤตด้วยธุรกิจคุณธรรม” (งานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 4)
เวทีห้องย่อย Happy workplace
ในประเด็น คุณธรรมนำธุรกิจ: หลักคิดสำคัญขององค์กรแห่งความสุข
วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2552 เวลา 12.30-16.30 น.
ณ ห้อง MEETING ROOM 12 ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี
ผลของการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ ครั้งที่ 6 วันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ใช้เวลาในการดำเนินกิจกรรมเวที ระหว่างเวลา 12.30 – 16.30 น. ได้ดำเนินกิจกรรมตามการออกแบบเวทีที่เตรียมไว้ โดยในช่วงแรกมีการแนะนำตนเองของผู้เข้าร่วมเวทีพอสังเขป หลังจากนั้นเริ่มด้วยวิทยากรกระบวนการ (อ.ขวัญเมือง แก้วดำเกิง) ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเวทีนำเสนอสิ่งที่ตนเองหรือองค์กรของตนเองได้มีการดำเนินงานอาจมองไปถึงเรื่องของสุขภาวะองค์กรจากเดิมที่คิดว่าหลายองค์กรอาจจะมีความเข้าใจ รับรู้มาบ้างเกี่ยวกับ happy8 ก็เป็นประเด็นหนึ่งกับบางองค์กรอาจจะทำเรื่องของการสร้างคนดีในองค์กร การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม การสร้างผลผลิตที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมหรือการดูแลสวัสดิการของพนักงาน ความเป็นอยู่และความปลอดภัยของพนักงาน มีหลายอย่างที่ได้ทำกันมาอยากฟังเรื่องราวดี ๆ อย่างนี้และนำเสนอเป็นข้อเสนอหรือน่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อขยายผล โดยมีตัวแทนจากหลายองค์กรที่ร่วมแบ่งปันในช่วงแรกนี้ที่น่าสนใจดังนี้
“เริ่มจากน้องที่เป็นผู้จัดการเริ่มศึกษาเรื่อง happy8 ก็เข้ามาร่วมก่อนก็เริ่มเรียนรู้ หลายอย่างที่ทำในองค์กรลองเอามา match กับ happy8 ดูก็ตรงกันหลายอย่าง การดำเนินการที่สร้างให้พนักงานมีจิตสำนึกเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมในเรื่องของการทำงานหรือการมีส่วนร่วม ทาง รพ. ได้จัดทำเป็นหลักปฏิบัติหลักของเรา 10 ข้อ เรามี vision ที่จะก้าวไปอย่างไร เรามีพันธกิจที่ว่าจะมีความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์และการให้บริการ แล้วเราจะทำอย่างไรน่าจะมีอะไรที่ชัดเจนให้กับน้อง ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น การบริการที่แตกต่างของเราทำให้ รพ. เป็นที่รู้จักกับลูกค้าและเรื่องการดูแลพนักงาน
อันดับแรกต้องเป็นลูกค้าที่ได้รับความพึงพอใจเมื่อใช้บริการจากเราเนื่องจากเราทำธุรกิจ เดี๋ยวนี้เราเป็น hostel ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง hospital กับ hotel เมื่อลูกค้ามีความทุกข์มาส่วนใหญ่ลูกค้าที่ไปโรงแรมมาด้วยความสุขและมาเติมให้สุขยิ่งขึ้น แต่บทบาทของเราคือทำอย่างไรเมื่อเขามาอยู่กับเราแล้วเขาจะมีความสุขกลับไป เดี๋ยวนี้เป็นยุคของ hospitel กัน นอกจากดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลแล้วการดูแลเรื่อง customer ก็เป็นหลัก ารวันนี้ระเทศชาติของเรางออก่เป็นธรรมทำให้ิที่คิดว่าทุกท่านความสุขการที่เราจะทำได้พนักงานก็ต้อง happy จึงไปหัวข้อที่สองในเรื่องของพนักงานคือศูนย์กลางและความก้าวหน้า การบริหารของเราเป็นแบบผสมคือนำหลักของการบริหารโรงพยาบาลจากอเมริกามาใช้ มีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นชาวต่างชาติก็ลงมาคลุกคลีกับพนักงานเข้ามามีส่วนร่วม ทุก 3 เดือนก็จะมี town hall meeting ผู้บริหารพบพนักงาน เราส่งเมล์เชิญเป็น open invitation แบบเปิดใครสนใจก็เข้ามาร่วมงาน โดยจะจัดเป็น 3 รอบ/วัน รับพนักงานไม่ได้หมดเพราะพนักงานเรามี 3,200 คนยังไม่รวมแพทย์ เวทีนี้สำหรับพนักงาน ที่จัดสามรอบเพราะเราทำงานเป็นกะ เพื่อรองรับพนักงานของเรารับพนักงานร่วมได้ประมาณ 1,200 คน เกิดความใกล้ชิดเพราะเป็นเวทีเปิดจริง ๆ ผู้บริหารมาเล่าให้ฟังว่าสามเดือนทำอะไรไปบ้าง สามเดือนข้างหน้าเราจะทำอะไร เราเจอประเด็นใดบ้าง คนอเมริกันพูดอังกฤษก็แปลไทยให้ session ละชั่วโมงครึ่ง ซึ่ง 1 ชม.เป็นการ one way และอีกครึ่ง ชม.ก็ถามสด มีการ update project ต่าง ๆ ให้พนักงานรับทราบ สุดท้ายเป็นเรื่องของการติดตาม การประชุมครั้งที่แล้วพนักงานถามอะไรค้างไว้ไม่สามารถตอบได้ คราวนี้หลายอย่างก็มีการดำเนินการก็นำมาชี้แจงพนักงานทราบ
เราจัดครั้งแรกปี 47 ผู้บริหารเครียดมากเพราะเราเปิด open forum ถามสดให้ถามทุกอย่างและถามแห้งคือให้เขียนคำถามมาก่อนซึ่งมีการถามมาเยอะมาก วันจริงคำถามที่ถาม 80% เป็นคำแนะนำเป็นปัญหาที่เขาเห็นว่าลูกค้าได้รับความลำบากอะไรบ้าง เป็นต้น จึงกลายเป็นโครงการต่อเนื่องมาที่เป็นนวัตกรรมเชิงลึกด้วย เราอยากให้เขามีส่วนร่วมมากขึ้นเพราะเห็นความตั้งใจและถาวร การถามสดคึกคักมากเป็นช่วงเวลาที่พนักงานรอคอย
เรามีกระเป๋าให้ผู้จัดการและในกระเป๋ามีบัตร spot rewards คือคุณทำดีได้ทันใด ทุกสามเดือนเราจะทำเป็นโควตาให้ผู้จัดการ สมมติพนักงาน 100 คนในแผนกเขาจะได้ 20 ใบ เมื่อเขาเห็นลูกน้องทำความดีชมเชยทันที ผลที่เกิดขึ้นดีมาก แรก ๆ หัวหน้าเกร็งกลัวว่าให้แล้วเกิดความลำเอียง เรามีเกณฑ์กว้าง ๆ ให้เรื่องการช่วยเหลือคนไข้ เพื่อนฝูง แรก ๆ น้องได้รับแต่ไม่เอามาขึ้นรางวัลคือพนักงานได้รับอันนี้แล้วจะมาแลกเป็นคูปองร้านอาหาร ดูหนัง บัตรรถไฟฟ้า มูลค่า 100 บาท
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ staff recognition เป็นการเชิดชูเกียรติพนักงานซึ่งฝ่าย HR เป็นเจ้าภาพ มี 100 คะแนนสะสมความดี เป็นโครงการที่จ่ายคืนมันเอง pay back by itself สิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็สร้างคุณภาพบริการที่ดีให้กับคนไข้ เพื่อนฝูง และกลับไปเป็นการตอบแทนในรูปของที่เขาจะยิ่งทำความดีมากขึ้น”
คุณพิบูลย์ ธาระพุทธิ
ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและฝึกอบรม
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
รูปแบบข้างต้นนี้ ถ้าทุกแห่งนำไปใช้และสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวมากขึ้นคนที่ทำความดีจะรับรู้ว่าท่านนี้ทำความดี ให้ทำความดีทันทีไม่ต้องรอและไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครเห็นความดีของเรา
สำหรับแนวคิดที่สอง ที่จะให้ความสุขกับคนในองค์กรที่ต้องดูแลบริหารจัดการด้านการเงิน และเรื่องที่รัฐต้องเข้ามาสนับสนุน อาจเป็นตัวขององค์กรเองที่ต้องดูแลเรื่องกองทุนที่จะช่วยในการจัดการด้านนี้ให้มีภูมิคุ้มกันที่จะดูแลตัวเอง ดังตัวอย่างของบริษัท สแปนชั่น (ประเทศไทย)จำกัด นำเสนอโดย
ดร. ปรอง กองทรัพย์โต
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายคุณภาพ
“เราเชื่อว่าคุณภาพที่ดีที่สะท้อนถึงคุณภาพสินค้า บริการ กระบวนการ ความปลอดภัยสิ่งแวดล้อมนี่ เป็นทางสังคมทั้งนั้น เราให้ความสำคัญด้านมิติด้านคนเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่มาผมได้เทคนิคเล็กน้อยกลับไปทุกครั้ง เช่น เราอยากจะวัดความสุขของคนในองค์กร ก็ได้คำตอบจากเวทีนี้ว่าไม่ต้องวัด ใช้แบบทดสอบของกรมสุขภาพจิต 15 ข้อคุณก็สามารถวัดความสุขของคนในองค์กรได้ทุกอย่างเพราะความสุขของคนเราไม่ใช่ความสุขเฉพาะจากตัวเราเท่านั้นมันคือความสุขของสังคมที่เขาอยู่ทุกวัน นี่เป็นตัวอย่างที่เราได้
มุมมองที่อยากจะแลกเปลี่ยนโดยส่วนใหญ่แล้วในอดีตที่ผ่านมาบริษัทเราได้รับรางวัลนายจ้างดีเด่นแห่งเอเชียสามครั้ง แต่ความท้าทายของเราเราพบว่าตอนนี้คือสิ่งที่ท้าทายที่สุด ในอดีตที่ผ่านมาเราเชื่อโครงการที่สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตให้กับพนักงาน เราเชื่อว่าพนักงานควรมีร่างกายที่แข็งแรง รู้จักที่จะดูแลร่างกายตัวเอง เราเชื่อว่าพนักงานจะมีความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา พนักงานต้องมีคุณธรรมที่เราเน้นคือรู้จักให้ ซื่อสัตย์และเห็นใจผู้อื่น ตอนนี้พนักงานลดเหลือ 900 คน เราเชื่อว่าเราจะต้องรู้จักอยู่ในสังคมเป็น มี 4 มิติที่เราเน้น คือ ด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจและสังคม เราทำในรูปแบบกิจกรรมย่อย ๆ สะท้อนว่าคุณมีพฤติกรรมสอดคล้องกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ สิ่งที่เราพบปลายปีที่แล้วอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดนหนักที่สุด เราพบว่าภูมิคุ้มกันที่ให้ไว้เจอรอบนี้โรคแรงมาก ตอนนี้เราทำการรักษาและเยียวยา ภูมิคุ้มกันที่ผ่านมาบางส่วนช่วยได้ บางส่วนต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาและเยียวยา ข้อแตกต่างของรักษาและเยียวยาคือ เยียวยาคุณทำอะไรมากไม่ได้ก็รับฟัง ให้กำลังใจ แต่รักษาเราจะเห็นตัวสะท้อนใน happy8 คือเรื่องการเงิน
น้องในสายผลิตส่วนใหญ่มีปัญหานี้ มีคนนึงมีบัตรเครดิต 15 ใบ มีหนี้สินบัตรเครดิตประมาณ 4 แสน รายได้ไม่ถึงหมื่นต่อเดือนเข้าสู่หนี้นอกระบบต่าง ๆ เรามีโครงการ ชีวิตใหม่ หมายความว่าน้องต้องยอมรับก่อนว่าน้องมีหนี้ก็มาลงทะเบียนบอกเลยว่ามีหนี้เท่าใด เราก็อบรมเรื่องบัญชีครัวเรือน การใช้เงิน วิธีการดำเนินชีวิตที่ดำเนินอย่างพอเพียง แล้วเราปรับหนี้นอกระบบเป็นหนี้ในระบบ ในระบบบัตรเครดิตอยู่ที่ 8 หนี้นอกระบบอยู่ที่ 10 ต่อเดือน ถ้าเราปรับเข้ามาในระบบก็อยู่ที่ 8 ต่อปีได้ และให้ทำบัญชีครัวเรือนขอตรวจทุก 3 เดือน นี่คือภูมิคุ้มกัน หลายอันผมก็ต่อยอดมาจากที่นี่
อยากแชร์ไอเดียอันนึงในแง่ของสมัชชา ผมสงสัยมาตลอดภาวะทางการเงินเราวัดสิ่งของต่าง ๆ ว่าค่าเสื่อมราคา ทุกคนคุ้นเคยกันดี แล้วคนล่ะคนถูกมองว่าเป็น expense แต่ถ้าคนเราปฏิบัติได้ตามครรลองของสังคมจริง ๆ แล้วควรเป็น appreciation เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาโดยกลุ่มคนจะทำได้ดี ผมเชื่อว่าทุก ๆ โรงงาน กองทุนต่าง ๆ ที่เราลงมาทำให้ภาคเอกชน ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้ได้โดยการเป็น networking เช่น บริษัทผมอาจจะร่วมกับคนนนทบุรี เป็นต้น ขอฝากเป็นประเด็น”
โปรดติดตามต่อไป
ไม่มีความเห็น