เลขาฯหายไปเกือบสิบวัน พาคุณตาคนญี่ปุ่นไปมอบทุนการศึกษาทางอีสานมาค่ะ
การเดินทางทุกครั้ง มีเรื่องราวความประทับใจมากมายที่ไม่ได้คาดคิด รอคอยอยู่เสมอ ขณะเดียวกัน ก็มีหินก้อนเล็กก้อนน้อย ที่อาจจะเดินสะดุดบ้าง แต่หากมีการทรงตัวดี ก็คงไม่ถึงกับล้ม
-----
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ลงจดหมายร้องเรียนที่ส่งไป สพท.เชียงใหม่ เขต1 ไว้ที่ blog นี้ เวลาผ่านไปไม่นาน คนหนังสือพิมพ์โทร.มาขอทราบรายละเอียด เลขาฯให้เบอร์เจ้าหน้าที่มูลนิธิไทย-ลาหู่ไป เราวุ่นวายกันอยู่ประมาณสองวัน พยายามคิดว่า หนทางไหนที่จะทำให้เรื่องนี้ดำเนินไปด้วยดี โดยที่เด็กๆจะไม่ถูกครูเขม่นหรือแกล้งเอา พี่มูลนิธิไทย-ลาหู่ออกจะเกรงๆฤทธิ์เดชหนังสือพิมพ์อยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อหลายปีก่อนเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโรคเอดส์ในชุมชนชาวเขา ปรากฎว่าหนังสือพิมพ์เอาบทสัมภาษณ์ไปยำเสียใหม่ เรื่องออกมาไม่ค่อยน่าฟังนัก
เลขาฯเองก็สะดุ้ง ถ้าความพยายามในการเรียกร้องให้ทบทวนแนวนโยบายกับแนวทางการปฎิบัติด้านการศึกษา จะไปทำให้เด็กๆเดือดร้อน เลขาฯก็คงนอนไม่เป็นสุขเหมือนกัน
พี่ที่มูลนิธิไทย-ลาหู่รายงานสถานการณ์เป็นระยะ จนเมื่อวานนี้ได้ทราบว่า นสพ.คมชัดลึกนำเรื่องส่งลงคอลัมน์ไปเรียบร้อยแล้ว นำมาแปะให้ดูกันค่ะ
วันนี้เสียงในโทรศัพท์ยินดียิ่งขึ้นไปอีก พี่คนนี้บอกว่า วันนี้ไปรับเด็กนักเรียนต่างหอพักที่อยู่ต่างโรงเรียน ครูโรงเรียนนั้นเล่าให้ฟังว่า สพท.เชียงใหม่ เขต1 เรียกประชุมด่วนผู้บริหาร เรื่องอาหารกลางวันของโรงเรียน
เรื่องนี้คงไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง หากตัวอย่างเล็กๆนี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายพยายามหันหน้าเข้ามาร่วมมือกัน เพื่อให้เด็กตัวเล็กๆ สามารถ เรียนฟรี ไม่ต้องถึงสิบสองปีหรอกค่ะ ขอแค่เก้าปีตามที่รัฐบาล เรียกว่า การศึกษาภาคบังคับ ได้จริงๆตามที่โฆษณาไว้เสียที เรื่องก็คงจบอย่างแฮปปี้สำหรับทุกคน