การเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ชาวไร่ชาวนา 2


ทำอย่างไร จึงจะทำให้ชาวไร่ชาวนาหันเข้าหากัน เห็นหัวกันและกัน และร่วมมือกันสร้าง และสนับสนุนคนของตนขึ้นมาเป็นผู้นำและเป็นผู้แทนฯ

การเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ชาวไร่ชาวนา 2

การเมืองที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาวไร่ชาวนา จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ  ชาวไร่ชาวนาเลือกชาวไร่ชาวนาด้วยกันเองไปเป็นส.ส. หรือเป็นผู้แทนฯ  เพื่อทำหน้าที่แทนตนในสภาฯ
                ผู้แทนหรือส.ส.ชนิดนี้เท่านั้นจึงจะหวังได้ว่า เป็นผู้ที่จะไปเป็นปากเสียงให้แก่ชาวไร่ชาวนาในสภาฯจริง ๆ

รัฐบาลที่ประกอบด้วยส.ส.ชนิดนี้เท่านั้น จึงจะเป็นรัฐบาลที่ไปกำหนดนโยบายในการบริหารประเทศที่เป็นประโยชน์แก่ชาวไร่ชาวนา 
              มีคนตั้งคำถามอย่างสิ้นหวังว่า
                                 ชาวไร่ชาวนาจะไปเป็นผู้แทนฯได้อย่างไร
  เพราะ

                                -ชาวไร่ชาวนาไม่มีความรู้

                                -ชาวไร่ชาวนาไม่มีเงิน
            
จริง ๆแล้ว  ทั้งความรู้และเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการจะเป็นผู้แทนฯ  ไม่มีความรู้  ไม่มีเงิน  ก็สามารถเป็นผู้แทนได้
              มีคนขำกลิ้ง  ยิ่งกว่าดูรายการลิงกับหมาอีก  เมื่อได้สดับมาถึงตรงนี้ 
                -ไม่มีความรู้  จะไปทำหน้าที่ผู้แทนได้อย่างไร
                           -ไม่มีเงิน จะเอาทุนที่ไหนไปหาเสียง
              ผมอยากจะบอกว่าอย่างนี้
                -
การทำหน้าที่ ผู้แทนฯ  ไม่ต้องใช้ความรู้  ใช้แต่ความรู้สึกก็พอแล้ว   โปรดสังเกต  ในสภาฯ  หรือในที่ประชุมกรรมาธิการ  ทั้งหมดเป็นความรู้สึก ไม่ใช่ความรู้   และความรู้สึกที่ไม่เห็นแก่ตัวจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ ผู้แทนฯมากที่สุด
                มีคนถามว่าความรู้สึกอะไร
                                ก็ความรู้สึก เช่น  -ความรู้สึกที่ไวต่อการรับรู้ความทุกข์ของผู้อื่น
                                                                -ความรู้สึกที่อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
                                                                -ความรู้สึกที่อยากช่วยให้ผู้อื่นมีความสุข
                               
ความรู้สึกอย่างนี้ต่างหากที่สำคัญ  ส่วนความรู้ถ้าจำเป็นต้องใช้  ก็ใช้วิธีการแสวงหา  ซึ่งหาไม่ยาก  เรียนเมื่อไรก็รู้  และคนเรา เรื่องความรู้  ไม่มีใครเป็นรองใคร  ดังที่ล้นเกล้าฯร รัชกาลที่หกได้พระราชนิพนธ์ไว้ว่า   ความรู้อาจเรียนทัน  กันหมด   นั่นแหละ 
                                แต่ความรู้สึกที่ว่านั้น  แม้สร้างได้  แต่สร้างยาก  คนไม่ใช่จะมีได้ทุกคน  โดยเฉพาะในยุคข้าวแพง-น้ำมันแพง  จะหาทำยายากเข้าทุกที 
                               
-การเข้าสู่ตำแหน่งผู้แทน ฯ  ไม่ต้องมีเงิน ไม่ต้องใช้เงิน  ก็เข้าไปเป็นผู้แทนได้
                                                พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า การเข้าไปเป็นผู้แทนไม่ต้องใช้เงิน  แต่หมายความว่า  ผู้ที่จะเป็นผู้แทนฯไม่ต้องใช้เงินของตนเอง
                                                การเป็นผู้แทนฯ  ต้องเป็นโดยผู้อื่นอยากให้เราเป็น
  ผู้แทนฯที่เป็นโดยตนเองอยากเป็น  ไม่ใช่ผู้แทนฯแท้  เพราะฉะนั้น  ผู้ที่คนทั้งหลายอยากให้เป็นผู้แทนของเขา  เขาจะต้องช่วยกันหาเสียง  ช่วยกันบอกกล่าวเล่าขานถึงความเหมาะสมทั้งหลายทั้งปวงว่าผู้นั้น ผู้นี้ เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนฯของเขาอย่างไร 
                ดังนั้น  หากชาวไร่ชาวนาทั้งหลาย  อยากจะสนับสนุนผู้นำชาวไร่ชาวนาคนใดเพื่อให้เป็นผู้แทนฯของตน   ชาวไร่ชาวนาก็ช่วยกันตีฆ้องร้องป่าวในหมู่ชาวไร่ชาวนาว่า  คนคนนี้มีความดี  ความงามอย่างไร  มีความสามารถอย่างไร  เหมาะสมอย่างไร  ให้เป็นที่รู้ทั่วกัน  ถึงวันลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้ง  ต่างพากันไปลงคะแนนให้กับบุคคลผู้นั้น  ในหมู่บ้าน เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นชาวไร่ชาวนา  แล้วจะมีใครอื่นจะมาเป็นผู้แทนฯของพวกเขาได้อีกเล่า
                เห็นไหมว่า  ง่ายนิดเดียว
               
เรื่องยากอยู่ที่
                ทำอย่างไร  จึงจะทำให้ชาวไร่ชาวนาหันเข้าหากัน  เห็นหัวกันและกัน  และร่วมมือกันสร้าง และสนับสนุนคนของตนขึ้นมาเป็นผู้นำและเป็นผู้แทนฯ
                ถ้าบ้านเรา  มีผู้แทนฯที่มีที่มาที่ไปแบบนี้  ก็ไม่ต้องกลัวผู้แทนฯจะไปถอนทุน  จะไปคดโกง  จะไปขายเสียงในสภาฯ  ชาวไร่ชาวนาก็จะได้ผู้แทนฯที่เป็นผู้แทนฯสมชื่อจริง ๆ
               
การเมืองที่ชาวไร่ชาวนาลงไปเล่นแบบนี้แหละ  จึงจะเป็นการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ชาวไร่ชาวนาที่แท้จริง
                

                                                                                                                                                             paaoobtong

                                                      cccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccccc

 

หมายเลขบันทึก: 185381เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2008 05:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครัีบอาจารย์

    เรื่องนี้น่าสนใจมากครัีบ และชอบการใ้ห้ความหมายและตัวอย่างในเรื่องนี้ครับ

                -การทำหน้าที่ ผู้แทนฯ  ไม่ต้องใช้ความรู้  ใช้แต่ความรู้สึกก็พอแล้ว   โปรดสังเกต  ในสภาฯ  หรือในที่ประชุมกรรมาธิการ  ทั้งหมดเป็นความรู้สึก ไม่ใช่ความรู้   และความรู้สึกที่ไม่เห็นแก่ตัวจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ ผู้แทนฯมากที่สุด
                มีคนถามว่าความรู้สึกอะไร
                                ก็ความรู้สึก เช่น  -ความรู้สึกที่ไวต่อการรับรู้ความทุกข์ของผู้อื่น
                                                                -ความรู้สึกที่อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
                                                                -ความรู้สึกที่อยากช่วยให้ผู้อื่นมีความสุข

    คราวนี้จึงต้องกลับมาถึงเราผู้เลือกตั้งผู้แทน ควรจะเลือกคนที่มีความรู้หรือคนที่มีความรู้สึก แล้วล่ะครัีบ คนที่ีมีความรู้เลือกยาก วัดยาก  คนที่มีความรู้สึกตามที่ว่าคงต้องดูผลงานว่าทำอะไรมาบ้าง อาจจะง่ายกว่าหากมีข้อมูล เพราะว่าคนที่มีความรู้อาจจะไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกก็ได้........ประเทศเราคงต้องการคนที่มีความรู้สึก รู้สึกที่จะให้อย่างจริงใจ และไม่ยากเกินไปที่คนจะให้คะแนนโดยไม่้ต้องจ้างให้คนกาเข้าไป กาเข้าไปแล้วต้องกาเอาออกอีกครัีบ เสียเวลาเลือกเสียเวลาถอดถอนจริงๆ ครัีบ เปลืองทั้งเวลาและงบประมาณ ที่หนักๆ คือ เสียใจครัีบ

ขอบพระคุณมากๆ นะครัีบ

เห็นด้วยครับ อาจารย์

กลุ่มใดเป็นผู้ออกกฏหมายย่อมคุ้มครองคนกลุ่มผู้นั้น

ตราบใดที่นายทุนยังกุมอำนาจอยู่  ไม่มีทางเลยที่จะให้ผลประโยชน์กับชาวไร่ชาวนาได้

ถ้านักการเมืองมีความจริงใจ ต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าพวกพ้องและตัวเอง ไม่ว่าคุณจะมีการศึกษามากหรือน้อย มันเป็นแค่ส่วนประกอบ เพราะองค์ความรู้มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์การทำงาน ส่วนการศึกษาในระบบนั้น บางคนต้องต่อสู้ชีวิต ไม่มีโอกาสเข้าศึกษาในระบบ

คนดีอยู่ที่การกระทำและเจตนาที่แท้จริง ที่จะนำประสบการณ์มาสร้างความสุข ความเจริญต่อประเทศชาติบ้างเมือง

ถ้านักการเมืองมีความจริงใจ ต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าพวกพ้องและตัวเอง ไม่ว่าคุณจะมีการศึกษามากหรือน้อย มันเป็นแค่ส่วนประกอบ เพราะองค์ความรู้มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์การทำงาน ส่วนการศึกษาในระบบนั้น บางคนต้องต่อสู้ชีวิต ไม่มีโอกาสเข้าศึกษาในระบบ

คนดีอยู่ที่การกระทำและเจตนาที่แท้จริง ที่จะนำประสบการณ์มาสร้างความสุข ความเจริญต่อประเทศชาติบ้างเมือง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท