บรรณารักษ์คือใคร ?


โตขึ้นหนูอยากเป็น-บรรณารักษ์

           “เรียนบรรณารักษ์ จบไปทำอะไร จัดชั้นหนังสือ อยู่ในห้องสมุดหรือ?”
          คำถามและข้อสงสัยในเชิงว่าเรียนบรรณารักษ์นี้จบไปแล้วจะไปทำอะไรนั้นเป็นคำถามสุดยอดคลาสสิคมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งหากจะตอบให้คลาสสิคก็ต้องตอบว่า
          “เรียนบรรณฯ ก็ต้องเป็นบรรณารักษ์สิ ถามได้!!” เหมือนเรียนหมอ ก็ต้องเป็นหมอ วิศวะก็ต้องเป็นวิศวะ พยาบาลก็ต้องเป็นพยาบาล แต่นั่นเป็นการตอบพอให้หายรำคาญผ่านๆไปเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว เรียนบรรณารักษ์ สามารถทำงานได้หลากหลาย กว้างขวางมากมาย เลยทีเดียว
          ในยุคปัจจุบัน ถือกันว่าเป็นยุคแห่งสังคมสารสนเทศ ที่ข้อมูล ข่าวสารมีมากมายหลากหลาย ข้อมูลเหล่านี้มีทั้งในรูปที่จับต้องได้เช่น หนังสือ วีดีโอ เทปเสียง ภาพถ่าย แผนที่ และที่เป็นดิจิทัล เช่น อินเทอร์เน็ท ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ เกิดขึ้นทุกวัน วันละมากๆเสียด้วย บางครั้งก็มีคุณภาพ บางทีก็ด้อยคุณภาพ บางครั้งมีระเบียบแบบแผน บางทีก็กระจัดกระจายไม่เป็นระบบ ทั้งๆที่ข้อมูลเหล่านี้มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ในชีวิตประจำวัน ในการดำเนินธุรกิจ
 
         แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถนำเอาทรัพยากรสารสนเทศที่มีคุณค่าเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อุปมาดังปลาในสระใหญ่ ที่คนไม่มีคนทำอวน ทำแห มาทอดจับไปขาย ฉันใดก็ฉันนั้น บรรณารักษ์(Librarian)และนักสารสนเทศ(Information Specialist) ก็คือชาวประมงผู้ชาญฉลาด มีเครื่องมือคือแห อวนอันทรงอานุภาพ จับปลาเหล่านั้นมาขาย แล้วไม่ใช่ขายธรรมดา ต้องสามารถจำแนกปลาแต่ละประเภท ได้อีกด้วย เพื่อให้เหมาะกับลูกค้าที่จะมาซื้อหาไปทำการอื่นใดต่อไป

         โลกปัจจุบันและตลาดงานปัจจุบัน ยังขาดคนเหล่านี้อยู่มาก ทางรัฐบาลเองก็ส่งเสริมการสร้างแหล่งเรียนรู้ ทั้งห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ขนานใหญ่ แล้วใครเล่าใครจะไปทำงาน ถ้าไม่ใช่ผู้ที่จบในสาขาเหล่านี้

         บรรณารักษศาสตร์ , บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ , สารนิเทศศึกษา, สารสนเทศศาสตร์ จะชื่อใดก็ตาม ล้วนแต่มีกำเนิดและมีเนื้อหาหลักวิชาตรงกันทั้งสิ้น คือการสร้าง นักวิชาชีพ หรือ มืออาชีพ ในด้านการจัดการข้อมูลข่าวสารให้เกิดระบบ ตั้งแต่การแสวงหาสารสนเทศ การจัดเก็บ การนำออกมาใช้ การให้บริการ ซึ่งงานลักษณะนี้ สาขาวิชาชีพอื่นๆไม่สามารถจะทำแทนกันได้ ต้องเป็นผู้ที่จบในศาสตร์เหล่านี้จริงๆเท่านั้น

         ดังนั้นหน้าที่จริงๆของบรรณารักษ์จึงไม่ใช่การจัดชั้นหนังสือ แต่เป็นการจัดการให้หนังสือแต่ละเล่มอยู่อย่างเป็นระบบในห้องสมุด โดยการวิเคราะห์และกำหนดสัญลักษณ์ คือเลขหมู่ให้หนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกันอยู่ด้วยกัน สร้างเครื่องมือช่วยค้นให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหนังสือที่ตัวเองต้องการได้ เช่นการค้นจากคอมพิวเตอร์ และให้บริการตอบคำถาม แก่ผู้ใช้ที่สงสัยเกี่ยวกับสารสนเทศต่างๆ

        วิชาในหลักสูตรนี้ จะมีทั้งวิชาด้านการวิเคราะห์เนื้อหา และการจัดการสารสนเทศประเภทต่างๆเป็นวิชาหลักเพื่อให้สามารถจำแนกแยกแยะว่าสารสนเทศเนื้อหาแบบใดควรจะจัดการย่างไรให้เหมาะสมกับผู้ใช้ และวิชาด้านเทคนิคต่างๆ ซึ่งในปัจุบันต้องเรียนวิชาด้านคอมพิวเตอร์ทั้งการทำเว็บไซต์ การวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ ฯลฯ รวมถึงวิชาด้านการประชาสัมพันธ์ และการให้บริการอีกด้วย ด้วยเนื้อหาวิชาลักษณะนี้ผู้ที่จบออกไปจึงสามารถนำเอาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับสารสนเทศที่ไม่ใช่หนังสือได้หลากหลาย ดังนั้นเราจึงพบว่า ผู้ที่จบบรรณารักษ์ สามารถไปทำงานเป็น นักจัดการข้อมูลในศูนย์ข้อมูลต่างๆได้ หรือจะเรียกให้โก้ๆก็ต้องเรียกว่าศูนย์สารสนเทศขององค์กร ต่างๆ มีหลายๆคนก็ไปเป็นนักข่าว , ฝ่ายข้อมูลบริษัทโฆษณา , เว็บมาสเตอร์, เจ้าหน้าที่บริการงานทั่วไป, นักวิชาการสารสนเทศ, อาจารย์ กระทั่งเป็นเจ้าของร้านทอง ก็เป็นร้านทองIT

        จุดเด่นของสาขาบรรณารักษ์ฯ ก็คือการสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานลักษณะต่างๆได้อย่างหลากหลายนั่นเองอีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดงานมาก โดยเฉพาะตำแหน่งบรรณารักษ์ฯ เนื่องจากคนสนใจน้อยแต่ความต้องการ และการพัฒนาห้องสมุดมีมากนั่นเอง

                                                                      

        คราวนี้มีมหาวิทยาลัยใดบ้างล่ะที่เปิดสอน ในปัจจุบัน หลักสูตรในสาขาด้านนี้ มีอยู่หลายมหาวิทยาลัยและมีชื่อเรียกขานต่างกัน อาจจะแบ่งได้ดังนี้ สาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์หรือ สารสนเทศศาสตร์และบรรณารักษศาสตร์ เช่น คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร, คณะศิลปศาสตร์ มธ. , คณะมนุษยศาสตร์ มศว., คณะมนุษยศาสตร์ฯ ม.ทักษิณ ฯลฯ

        สาขาสารสนเทศศาสตร์ เช่น คณะมนุษยศาสตร์ฯ มข., คณะมนุษศาสตร์ มช., คณะสารสนเทศศาสตร์ ม.มหาสารคาม, คณะมนุษยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์, คณะเทคโนโลยีสังคม ม.เทคโนโลยีสุรนารี ฯลฯ 

        สาขาสารนิเทศศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

        ซึ่งทั้งหมดล้วนมีรากเหง้าที่มาจาก สาขาบรรณารักษ์ทั้งสิ้น คณาจารย์ส่วนใหญ่ จะสังกัดภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และจบด้านบรรณารักษศาสตร์เป็นส่วนใหญ่
นอกจากระดับปริญญาตรีแล้ว ยังสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เอก ทั้งในและต่างประเทศได้อีกด้วย

        เมื่อรู้เช่นนี้แล้วกรุณาอย่าคิดว่า จบบรรณารักษ์แล้วต้องจัดชั้นหนังสืออีก ไม่เช่นนั้นคราวหน้าจะเอา LC SUBJECT HEADING ฟาดหัวเสียให้เข็ด หุๆๆ
      
แหล่งข้อมูล www.dek-d.com 

หมายเลขบันทึก: 141033เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2007 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับ คุณบรรณารักษ์ประภาพร

  • ห้องสมุดคุณบรรณารักษ์ประภาพร ผมได้มีโอกาสเข้าไปใช้เมื่อประมาณสักปีที่แล้วนะครับ ช่วงกีฬา 8 สถาบันครับ ...
  • ผมถือ Notebook เข้าไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตครับ
  • ห้องสมุดบรรยากาศดีนะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ คุณ Wasawat Deemarn

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ และขอขอบคุณมากที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของคนที่เขียนไม่ค่อยเก่ง กำลังคิดอยู่เลยว่าจะเขียนอะไรดี ตอนนี้ก็ได้แต่นำข้อมูลของคนที่มีความรู้มาให้อ่านไปพลางๆก่อน และคงอีกไม่นานนี้จะเริ่มใช้ความคิดของตัวเองเขียนซะทีแล้วล่ะค่ะ

ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ชมห้องสมุด ของเราด้วยนะคะ และจะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไปด้วยค่ะ หากได้แวะเวียนเข้ามาที่ นครสวรรค์อีกอย่าลืมมาทักทายกันบ้างนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีอีกครั้งครับ ..

  • เริ่มเขียนวันนี้เลยสิครับ
  • เอาเรื่อง "พฤติกรรมของคนใช้ห้องสมุด" แบบกันเอง ๆ ไม่เอาแบบงานวิจัย ผมว่าน่าสนุกครับ

ยิ้มครับ ยิ้ม :)

ขอบคุณที่ช่วยแนะนำค่ะ 

ถ้าจะพูดถึง "พฤติกรรมของผู้เข้าใข้ห้องสมุด"  ละก็มีมากมายหลายอย่างเลยล่ะค่ะ (แต่คงจะเป็นการนินทาซะมากกว่า) (^_^)"

เอาเป็นว่าดิฉันจะนำคำแนะนำนี้ไปเขียนให้อ่านเล่นๆ นะคะ  แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มเมื่อไหร่เลย หากว่าวันนี้ขยันๆหน่อยก็คงได้อ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ :)

(ขอใช้รอยยิ้มด้วยคนนะคะ)

อยากรู้ตัวเลขในหมวดหนังสือช่วยบอกหน่อยได้มั้ยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ tewtor

ตัวเลขในหมวดหนังสือที่คุณ tewtor บอกนั้นหมายถึงหมวดหมู่หนังสือระบบดิวอี้ใช่มั้ยคะ

พรุ่งนี้จะเข้ามาตอบให้นะคะ

  • สวัสดีครับ study a librarian  เป็นการเรียนรู้ขอเป็นกำลังให้ประสบผลสำเร็จ ที่ตั้งไว้นะครับผม

มาตามสัญญา

หมวดหมู่หนังสือที่คุณ tewtor อยากรู้นั้นน่าจะเป็น

การแบ่งหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้ (เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย) ซึ่งจะใช้ตัวเลขอารบิกตั้งแต่ 0-9 ในการแบ่งหมู่ จะแบ่งเป็นหมวดใหญ่อย่างคร่าวๆก่อนนะคะ

หมวด 000  ความรู้ทั่วไป

           100   ปรัชญา

           200   ศาสนา

           300   สังคมศาสตร์

           400   ภาษา

           500   วิทยาศาสตร์

           600   วิทยาศาสตร์ประยุกต์  เทคโนโลยี

           700   ศิลปะ  วิจิตรศิลป์ 

           800   วรรณกรรมและวรรณคดี

           900   ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์

การแบ่งหมู่นั้นหากจะให้ละเอียด ก็จะมีการแบ่งย่อยลงไปอีก

หากคุณ tewtor อยากทราบข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหนังสือการแบ่งหมู่หนังสือ (ดีซี 21) ได้ในห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา  แต่ถ้าไม่สะดวก จะให้ดิฉันเอาข้อมูลมาบอกทางบล็อกก็ไม่ว่ากันค่ะ  หรือมีข้อสงสัยตรงไหนเกี่ยวกับการแบ่งหมู่ ยินดีช่วยตอบให้ค่ะ

หากท่านใดมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็เข้ามาให้ข้อมูลกับเราได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้มานะคะ

สวัสดีค่ะ น้องใหม่ gotoknow แต่ก็วงการเดียวกันค่ะ บรรณารักษ์ แวะมาทักทายนะค่ะ

ขอบคุณ สำหรับข้อมูลนี้ค่ะ

หวข้ว บดวิจัยเกียวกับสาขาบรรณารัก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท