หมอบ้านนอกไปนอก(101): วิหคคืนรัง


ผมตั้งใจเอาไว้ว่า ผมจะเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆที่ผมได้มีโอกาสไปพบเห็นเรียนรู้จากการไปเรียนที่เบลเยียมในช่วงเวลาสิบเดือนนี้ให้ครบตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นสัญญาใจที่ผมให้ไว้กับตัวเอง ผมไม่ชอบสาบานแต่ผมเป็นคนรักษาสัญญาเสมอ ไม่ว่ากับตนเองหรือคนอื่น

(101): วิหคคืนรัง

สิบวันที่ผ่านมาได้เจอเหตุการณ์ทั้งสุขและทุกข์ในต่างบ้านต่างเมืองร่วมกันทั้งครอบครัว สุขเราก็สุขกันเอง ทุกข์เราก็แก้ไขกันเอง เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ายิ่งของเรา กว่าจะได้กลับมานอนบนเตียงนุ่มคุ้นเคยที่บ้านพักถนนเวอร์บอนด์สแตรต 52 เมื่อวันเวลาได้ก้าวย่างสู่สัปดาห์ที่ 45 เราทุกคนต่างก็หลับใหลไปด้วยความอ่อนล้ากับคืนสุดท้ายในแอนท์เวิป พรุ่งนี้นกน้อยที่บินออกจากรังโผผินเรียนรู้โลกกว้างได้เวลากลับสู่รังนอนแล้ว

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2551 แม้เมื่อคืนเราจะนอนดึกแต่ก็ตื่นเช้าอย่างไม่มีใครบังคับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ทั้งเคลียร์เอกสาร เก็บกระเป๋าเดินทาง ซื้อของฝาก มีเวลาแค่ครึ่งวัน พี่ตู่บินกลับเมืองไทยไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ พี่ปุ๊บินกลับเมื่อวันเสาร์จากมิลาน ปล่อยให้ลูกๆนอนพักกันอย่างเต็มที่ เรารีบช่วยกันเอาผ้าไปซักที่ร้านหยอดเหรียญใกล้บ้าน เอ้กลับมาทำกับข้าว ผมเคลียร์เอกสารและหนังสือที่ได้รับแจกขณะเรียน หลังกินข้าวเช้ากันแล้ว เอ้อยู่จัดของที่บ้าน เคลียร์บ้านพัก ส่วนผมออกไปปิดบัญชีธนาคาร ไปที่ถนนใกล้จุดที่เราไปขึ้นแทรมบ่อยๆ พนักงานบอกว่าต้องไปปิดบัญชีและถอนเงินคืนที่สาขาใหญ่ที่ถนนอเมริกาเล่ ท้องฟ้าแจ่มใส แดดส่องสว่างจ้า ผมเดินไปตามถนน ไปไกลมากเหมือนกัน ถึงธนาคารใช้เวลาปิดบัญชีแป๊บเดียว ขี้เกียจเดินแล้วนั่งแทรมกลับมา ฟ้าที่ใสกลับมืดครึ้มลง ลดพัดแรง กรรโชก แต่ฝนไม่ตก

ผมเดินกลับไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ของสถาบันเพื่อรับโน้ตบุคที่ให้คอมพิวเตอร์แมนแก้ไขเปลี่ยนรหัสให้ แล้วเดินไปที่สำนักงานสถาบันรับใบปริญญาและเอกสาร คืนบัตรผ่านเข้าสถาบัน รับเงินประกันคืน หลังจากนั้นกลับมาที่บ้านพัก เด็กๆตื่นกันแล้ว กินข้าวกินปลากัน ไปที่ถนนเมียร์ ซื้อของฝากที่ห้างสรรพสินค้า แล้วก็กลับมาช่วยกันเก็บกระเป๋าต่อจนเสร็จ โทรนัดกับรถแท็กซี่ตอนบ่ายสองเพราะสะดวกประหยัดและรวดเร็วกว่าการขึ้นรถไฟหรือรถบัส เสียค่าบริการ 60 ยูโร กินอาหารกลางวัน เก็บกวาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย นึกๆก็ใจหายเหมือนกันบ้านเคยอยู่มาสิบเดือน ผูกพันมากเหมือนกัน

ก่อนออกจากบ้านพัก อดคิดถึงวันคืนที่ผ่านมาไม่ได้ สามสี่วันแรกพักอยู่ที่บ้านจอสถนนเรียมอย่างเงียบเหงา ว้าเหว่ แล้วก็ได้ข่าวดีจากแพทริเชียให้มาอยู่บ้านจอร์จที่ถนนเวอร์บอนด์หลังนี้ และคืนนั้นก้อนหินก็ถูกปามากระทบหน้าต่าง ชะโงกหน้าไปดูก็พบพี่ตู่มากับจอสมาขอพักด้วย และก็อยู่ด้วยกันมาตลอด กินข้าวด้วยกัน ปรึกษาหารือกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ปรับทุกข์ปรับสุขกันไปเกือบทุกวัน สายลมเย็นริมแม่น้ำสเกลด์จัดงานปาร์ตี้ที่มีเพื่อนๆมาเกือบทั้งชั้นเรียน ชวนริด ริด้า เฟ็งและเกล็นด้ามากินข้าวและติวหนังสือด้วยกัน พอเอ้และลูกๆมาอยู่ด้วยก็ยิ่งกลายเป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ไม่ต่างจากอยู่เมืองไทย เช้าส่งลูกไปโรงเรียน เอ้ไปฝึกงาน ผมไปมหาวิทยาลัย ตกเย็นเดินไปเที่ยว ไปสนามเด็กเล่น เหตุการณ์เหล่านี้ที่แอนท์เวิปกำลังกลายเป็นอดีตอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผมรำพึงในใจ เราจะกลับมาอีก มารำลึกอดีตอันสวยงามขอที่นี่เมื่อมีโอกาส

ยกกระเป๋าเดินทางใหญ่ 5 ใบ กระเป๋าเล็กอีก 2 ใบ เป้สะพายอีกคนละใบ (5ใบ) กระเป๋าวีดีโอ กระเป๋าโน๊ตบุคอีกอย่างละใบ พะรุงพะรังน่าดู ถ้าเมื่อคืนเด็กๆต้องถูกกักไว้ที่สนามบิน แล้วผมหรือภรรยากลับมาคนเดียวคงลำบากมาก บ่ายสองโมงตรงรถแท๊กซี่มาจอดรอและช่วยเรายกกระเป๋าขึ้นรถ ผมปิดประตูบ้านอย่างช้าๆ มองรอบๆบ้านอย่างตั้งใจราวกับจะประทับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้เนิ่นนาน รถค่อยๆออกจากถนนเวอร์บอนด์เลี้ยวไปสู่ถนนสายหลักแล้วพาเรามุ่งเข้าสู่สนามบินในเมืองหลวง รถวิ่งไปตามถนน ผมมองทิวทัศน์สองข้างทางด้วยความรู้สึกว่ามันสวยมากกว่าที่เคยมอง สักครึ่งชั่วโมงเราก็ไปถึงสนามบินบรัสเซลส์

เรามาถึงราวบ่ายสองโมงครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราตัดสินใจมาก่อนเพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาเช็คอินไม่ทัน คนแน่นสนามบิน เผื่อเวลาไว้หากมีอะไรขลุกขลักก็พอมีเวลาแก้ไขได้ แต่ปรากฎว่าผู้โดยสารไม่พลุกพล่าน ได้เวลาเช็คอินก็เข้าไปต่อแถวหน้าเคาน์เตอร์ นึกภาวนาในใจขอให้น้ำหนักสัมภาระไม่มีปัญหา จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่ามันเกิน แต่เขาก็อนุโลมให้ คงเห็นว่าเรามากันทั้งครอบครัวกับเด็กๆ สัมภาระเลยเยอะ แค่ของลูกๆที่เป็นผลงานศิลปะ งานประดิษฐ์ช่วง 2 เดือนในโรงเรียนดาร์วินชี่ก็มากโขอยู่ หนังสือและเอกสารประกอบการเรียนของผมเอามาไมได้เลย ทั้งหนักและกระเป๋าไม่พอใส่ ยังดีที่มีไฟล์ใส่ซีดีเก็บไว้

เช็คอินเสร็จเราก็เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปได้อย่างสบาย ไม่มีปัญหาแล้ว เดินไปตามทางเข้าสู่เขตร้านขายสินค้าปลอดภาษี ได้แต่เดินชมเพราะซื้ออีกก็ไม่มีกระเป๋าใส่แล้ว เดี๋ยวต้องลงต่อเครื่องบินที่สนามบินอิสตันบูลอีก จะพะรุงพะรังกันไปใหญ่ ใกล้เครื่องบินออกเดินทางเราไปรอที่ประตูบี 38 เครื่องบินของสายการบินตุรกีหรือเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่TK1940 เวลา17:30 น. เครื่องก็เข้ารันเวย์บินจากบรัสเซลส์สู่อิสตันบูล (Brussels-Istanbul) เครื่องจะใช้เวลาบินราว 4 ชั่วโมง เด็กๆดีใจที่จะได้กลับบ้าน ผมกับเอ้ก็เช่นกัน แต่ใจก็ไม่วายคิดว่าสิบเดือนผ่านไป ทำไมมันเร็วเช่นนี้

ผมนึกถึงวันที่ 4 กันยายน ปีที่แล้ว ครอบครัวและเพื่อนผองน้องพี่ชาวโรงพยาบาลบ้านตากมาส่งผมขึ้นเครื่องบินมาเบลเยียม เป็นครั้งแรกที่เดินทางคนเดียว หวั่นๆเหมือนกัน ไปถึงบรัสเซลส์มีคนมารับให้นั่งแท๊กซี่ไปแอนท์เวิป จัดทำเอกสารต่างๆที่สถาบัน เดินย่ำต๊อกหาบ้านพักสำหรับครอบครัว วันแรกที่แอนท์เวิปช่างเป็นเวลาที่เนิ่นนาน แสนช้าเหงาและเดียวดาย แต่ละวันๆเคลื่อนช้ามาก เริ่มไปเรียนคลายเหงาได้บ้าง อินเตอร์เน็ตช่วยให้ไม่รู้สึกห่างจากครอบครัวมากนัก

เริ่มเรียนเริ่มรู้จักเพื่อน รู้จักอาจารย์ ฟังบรรยายรู้บ้างไม่รู้บ้าง ไปปฐมนิเทศที่ออสตินเกริก เมืองเล็กๆชายทะเล ไปร่วมกิจกรรมทัศนศึกษา ปั่นจักยานไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ สอบ ทำกิจกรรมกลุ่ม สังสรรค์ในหมู่เพื่อนๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ โดนตำรวจจักยานจับปรับเพราะไม่เปิดไฟตอนกลางคืน ไปรัสซียก็ถูกตำรวจรัสเซียปรับฐานไปถ่ายรูปสถานีรถไฟใต้ดิน โดนล้วงกระเป๋าที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ไปนอนหลับที่สนามบินรอขึ้นเครื่องบินที่สเปน เหตุการณ์เหล่านี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง

ประมาณ 21:30 น. เครื่องบินก็ร่อนลงที่สนามบินอิสตันบูล ลงจากเครื่องไปตามป้ายที่บอกให้ไปต่อเครื่องบิน ดูจากมอนิเตอร์ ผมเคยคิดว่าเราจะทำวีซ่าเข้าตุรกีแล้วเที่ยวอิสตันบูลสักวันสองวันก่อนดีไหมแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะกลัวจะยุ่งมากไปอีก ขนาดวีซ่าเบลเยียมกว่าจะได้ก็รอมาตั้ง 6-7 เดือน น่าเสียดายเลยไม่ได้ชมเงาจันทร์ที่อิลตันบูล นั่งรอเครื่องที่ห้องผู้โดยสาร เพื่อรอเที่ยวบิน TK0060 กำหนดเวลา 22:35 น. พอใกล้เวลามอนิเตอร์ก็แจ้งดีเลย์ไป 1 ชั่วโมง นั่งคอยอยู่ง่วงก็ง่วง มีคนไทยรอขึ้นเครื่องหลายคน มีน้องนักศึกษาไทยมาเรียนที่ตุรกีแล้วจะกลับบ้าน

เจอน้องคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก ช่างคุยเป็นสาวประเภทสองชื่อปูเป้ ไปทำงานที่รัสเซีย จะกลับบ้าน มีพระอีกหลายรูปที่ไปร่วมงานบุญมา พอครบชั่วโมงก็แจ้งดีเลย์ไปอีก 1 ชั่วโมงโดยบอกว่าเกิดเหตุขัดข้องที่สนามบินในลอนดอน ทำให้เครื่องขึ้นไม่ได้ นั่งรอต่อ เด็กๆเริ่มเบื่อ น้องปูเป้ก็มาชวนร้องเพลงเล่นเกมส์คลายเบื่อไปได้ จนเที่ยงคืน 35 นาที จึงได้ขึ้นเครื่องบิน กว่าเครื่องจะทะยานออกจากรันเวย์ได้ก็อีกครึ่งชั่วโมง ง่วงก็ง่วง ไม่ได้นอนสักที กำลังจะงีบก็เปิดไฟแจกอาหารรอบดึกอีก เลยพาลไม่ง่วงไปเลย พอจะนอนก็ไม่หลับ

ผมคิดถึงบันทึกการเดินทางในประเทศต่างๆที่ผ่านมา จากเมืองไทย แวะเหยียบสนามบินอิสตันบูลของตุรกี เข้าสู่เบลเยียม ไปเที่ยวฝรั่งเศส กลับบ้านตอนปีใหม่แวะเที่ยวฟินแลนด์ ไปอิตาลี วาติกัน สเปน โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ สก๊อตแลนด์ เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี สโลวะเกีย เช็กและโมนาโก รวมแล้ว 16 ประเทศและอีก 2 รัฐอิสระเล็กๆ เสียดายถ้าผมตัดสินใจดีกว่านี้ผมคงได้ไปอังกฤษด้วยแล้ว คิดว่าช่วงเวลาห่างบ้าน ทิ้งงานไปก็ได้อะไรๆมาคุ้มค่าเหมือนกัน แม้จะต้องถูกแป๊กขั้นในปีสุดท้ายที่เขายกเลิกระบบซีพอดี

ผมนึกเปรียบเทียบประเทศที่ได้เห็น ลองจับคู่ที่ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ผมได้ไปรัสเซียแต่ยังไม่เห็นสหรัฐอเมริกาสองค่ายสงครามเย็นที่เคยยึดถือทฤษฎีทางการปกครองที่ต่างกันสุดขั้ว ผมเที่ยวฝรั่งเศสแต่ไม่ได้ชมอังกฤษคู่หูนักล่าอาณานิคมที่มีอาณานิคมกว่าครึ่งค่อนโลกถ่ายทอดวัฒนธรรมโดยเฉพาะภาษาของตนไปทุกทวีป ผมเทียบเบลเยียมกับเนเธอร์แลนด์ประเทศเล็กๆชายทะเลเหนือที่ไม่มีทรัพยากรมากนักแต่ก็สามารถพัฒนาให้อยู่ในระดับแนวหน้ามีอาณานิคมที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าตนเองได้ เทียบลิกเตนส์ไตน์กับโมนาโกสองรัฐเล็กๆที่อยู่บนภูเขาปกครองโดยเจ้าชายเหมือนกัน ไม่มีทรัพยากรอะไรมากแม้กระทั่งแผ่นดินก็เล็กจิ๋วแต่กลายเป็นประเทศพัฒนาร่ำรวยได้ เทียบสเปนกับโปรตุเกสนักล่องเรือยุคแรกๆที่เคยรุ่งเรืองมากแต่ก็กลายเป็นประเทศที่ต้องเร่งพัฒนามากขึ้น

ผมเทียบเยอรมนีกับญี่ปุ่นคู่หูจากสงครามโลกครั้งที่สองประเทศยอดนักประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีด้านต่างๆเช่นรถไฟความเร็วสูง ผมเคยไปออสเตรเลียแต่ยังไม่เคยไปแคนาดาประเทศในเครือจักรภพอังกฤษขนาดใหญ่ที่เป็นดินแดนนอกยุโรปที่เคยด้อยพัฒนาแต่พอคนยุโรปไปอยู่กลับพัมนาได้เป็นอย่างดี ผมเห็นสวิตเซอร์แลนด์ประเทศเล็กๆที่เป็นภูเขาสูงต่ำแต่อุดมด้วยทะเลสาบแต่ยังไม่ได้ชมนิวซีแลนด์ประเทศเล็กๆที่ได้ชื่อว่าน่าอยู่และปลอดภัยมาก ผมเที่ยวอิตาลีแล้วแต่อยากเปรียบเทียบกับกรีซที่กำเนิดของกรีกกับโรมันตำนานแห่งอารยธรรมในอดีตนับพันปี ผมเห็นความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมตะวันออกแบบจีนแต่ยังไม่เคยไปอินเดีย ก็ได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่งคงหาโอกาสไปเพื่อเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ยังคาใจอยู่

เราต้องนั่งเครื่องลำที่สองนี้นาน 9 ชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองไทย เอ้กับขิม ขลุ่ยหลับไปแล้ว หันไปที่นั่งทางซ้ายอีกแถวหนึ่ง แคนกำลังสนุกอยู่กับการ์ตูนหน้าที่นั่งของตนเอง แคนแยกไปนั่งคนเดียวติดกับหญิงสาวชาวยุโรปไม่รู้ว่าสัญชาติอะไร แคนอาจตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้านหรือตื่นเต้นกับวีซีดีที่มีหลากเรื่องหลากสไตล์ให้เลือกพร้อมกับของกินที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ผมนั่งไปสักพักก็หลับไปจนได้ ตื่นมาอีกครั้งหนึ่ง แสงแดดส่องออกมานอกตัวเครื่อง พนักงานแจกผ้าเย็น และเริ่มกระบวนการเสิร์ฟอาหารอีกครั้ง ผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว ผมอยากนอนก็อยาก อยากกินก็อยาก สุดท้ายตัดสินใจกินดีกว่า อิ่มท้องไว้ก่อน ผมคิดว่าแอร์ฮอสเตรตของสายการบินตุรกีก็บริการด้วยอัธยาศัยใจคอที่ดี มีจิตบริการสูง ยิ้มแย้มแจ่มใส การบริการโดยรวมถือว่าดีทีเดียว มีคนบอกผมว่าสายการบินนี้ดีเป็นอันดับสองรองจากสายการบินของสหรัฐอาหรับเอมิเลตในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ราว 9 โมงครึ่งเครื่องก็ค่อยๆแล่นลงสู่รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ เด็กๆตื่นหมดแล้ว เครื่องลงจอดสนิท ผู้โดยสารทะยอยเดินออกจากเครื่อง เราเดินออกมาสูดอากาศของเมืองไทย เดินไปตามทางเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ผ่านได้อย่างไม่มีปัญหา ขลุ่ยถามว่าเราจะถูกกักตัวอีกไหมพ่อ ผมบอกว่ามาถึงประเทศเราเขาไม่กักตัวแล้วลูก เดินออกไปรอรับกระเป๋าจนได้ครบใส่รถเข็นสองคัน ออกมาทางช่องไม่มีของสำแดง ไม่ถูกตรวจค้น นาฬิกาถูกปรับเวลาเร็วไปอีก 6 ชั่วโมง ออกมาตรงผู้โดยสารขาออกในเวลา 16:00 น. ของวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2551 ผิดเวลาไปกว่าสองชั่วโมง

ย่า ตายายของเด็กๆมาคอยรับ ย่าจำน้องแคนเกือบไม่ได้เพราะไว้ผมยาวดูเป็นหนุ่ม ขิมขลุ่ยวิ่งกระโดดเข้ากอดตากับยาย ผมสวัสดีแม่ พ่อตาแม่ยายแล้วเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง พี่สมชายขับรถตู้มารับ ขึ้นรถตู้ได้เราก็เดินทางกลับตากทันที แวะทานอาหารเย็นที่สิงห์บุรี เด็กๆเล่าให้ย่าตายายฟังมาตลอดทาง เป็นบรรยากาศอบอุ่นด้วยความรัก กลับถึงบ้านตากเกือบสี่ทุ่ม ได้นอนบนที่นอนคุ้นเคยอีกครั้ง พรุ่งนี้เช้าผมจะไปเริ่มทำงานวันแรกในวันที่ 9 กรกฎาคม โดยเป็นวันที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงมาสรุปผลตรวจราชการพอดี

ก่อนหลับคืนนี้ ผมนึกถึงเพลงคืนสู่รัง ของน้าหว่อง (มงคล อุทก) ที่ว่า “ฝนโปรยโรยอ่อน ตะวันรอนรอน วิหคจรคืนสู่รัง ฉากแห่งภูผามาบดบัง ฟังหริ่งบรรเลง เสียงเพลงกล่อมไพรเสียงเพลงกล่อมไพร เสียงเพลงกล่อมไพร ในยามเย็น แสงดาวสว่าง ส่องดูทางเห็น ปืนนั้นเป็นเพื่อนหลับนอน ไกลจากนคร เสียงเพลงสวรรค์ เสียงเพลงสวรรค์ เสียงเพลงสวรรค์...ราตรี เดินทางกลางป่า ฝ่าดงไพรี เรานั้นมีใจมุ่งหมาย กี่ป่ากี่เขา แล้วเราเหยียบกราย กี่ด่านภัยร้าย แล้วเราเหยียบมา แล้วเราเหยียบมา แล้วเราเหยียบมัน...จมดิน อุปสรรคทายท้าคือยาพลัง วันแห่งความหลัง ใช่วันตัดสิน จึงเร่งวันคืน ดังติดปีกบิน สู่เมืองมารดา

 ผมไม่ได้ออกไปรบกับใคร แต่ไปลบความไม่รู้ สู้ความเขลา เพิ่มพูนประสบการณ์ มีปากกา ดิกชันนารี่และหนังสือเป็นเพื่อนหลับนอน ผมกลับสู่มาตภูมิโดยสวัสดิภาพ บันทึกชุดหมอบ้านนอกไปนอกก็จบลงในตอนที่ 101 ซึ่งตรงกับบ้านเลขที่บ้านผมที่สุโขทัยพอดี หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้ประโยชน์จากบันทึกชุดนี้บ้างไม่มากก็น้อย และขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบ ราตรีสวีตและราตรีสวัสดิ์ครับ

พิเชฐ  บัญญัติ (Phichet Banyati)

เขียนจากบันทึกประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 เวลา18.35 น. (อิสตันบูล)

1 มิถุนายน 2552

หมายเลขบันทึก: 265111เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2009 23:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2019 17:42 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

วิหค คืนรัง พร้อมสร้างสรรค์ ด้วย "พญาอินทรีย์" ครับ

ขอแสดงความยินดีกับหมอบ้านนอกด้วยครับ

อ่านแล้วงงเรื่องวันที่เช่น วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2551

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2552

เขียนจากบันทึกประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2550 เวลา18.35 น. (อิสตันบูล)

อ่านแล้วสับสน

 

เรียนคุณเสรีธรรม

ผมสับสนเรื่องวันที่และ พ.ศ. เองครับ ตอนนี้แก้ไขแล้ว ขอบคุณมากที่ท้วงติงมาครับ

บันทึกตอนนี้ช่วงแรกๆเขียนตอนนั่งรอที่สนามบินอิสตันบูล จึงลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 (ตอนแรกผมลงผิดปีเป็น 2550) ส่วนช่วงหลังๆเขียนจากบันทึกตอนอยู่บนเครื่องบินจากอิสตันบูลมาสุวรรณภูมิ ครับ

ส่วนย่อหน้าสุดท้ายเขียนเติมเมื่อคืนที่ผ่านมาครับ

ขอบคุณอาจารย์JJ และคุณเบดูอิน ทั้งสองท่านสบายดีนะครับ

ขอบคุณอาจารย์หมอพิเชฐค่ะ ที่ได้เขียนเรื่องเล่าที่ดีๆให้เราได้อ่านกัน และข้อคิดที่ดีๆ ในเรื่องเล่านี้

ไม่ได้ติดตามมานาน แต่ก็ยังคิดถึงเสมอ ดีใจและชื่นชมกับศิษย์ ได้ข่าวว่ามาคุยกับน้องๆที่ ส.อ.เสียใจที่ไม่ได้เจอกัน คงจะมีโอกาสสักวันนะ ครูคุยให้ครูฉวีฟังไม่รู้ว่ายังจำได้รึเปล่า ครูฉวีปลื้มมากเล่าความหลังสมัยเด็กๆที่ไปสัมภาษณ์นายอำเภอ ตอนนี้ยังอยู่ที่ตากรึเปล่า ฝากความรักและคิดถึงไปยังหลานศิษย์ด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท