วันที่ ๑๖ พ.ค. ๕๑ ดร.วรภัทร์ มาสอนที่บริษัท ตอนเที่ยงมีน้องฝึกงานมาทานข้าวด้วย
หนุ่มน้อยคนนี้เป็นนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เขาพูดคุยกับอาจารย์เหมือนรู้จักมาก่อน ถามไปถามมาก็เป็นเช่นนั้น
น้องเขาจบจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนวิถีพุทธ แถวบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
สอบถามบรรยากาศในโรงเรียน
เขาตอบอย่างประทับใจว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในห้องมีนักเรียน ๙ คน
เป็นรุ่นที่ ๒ ของโรงเรียน โรงเรียนนี้วิชาทั่วไปก็ทรงๆ จะเด่นภาษา
และศิลปะ อีกอย่างคือการกล้าแสดงออก ไม่กลัวคน ชอบซักถาม
นี่เขากระตุ้นมาจากโรงเรียนครับ
น้องเขาบอกว่า เขาและเพื่อนได้ไปโครงการ AFS เพราะการกล้าพูด ทำให้เขาได้ไปอยู่ประเทศเยอรมันนี ๑ ปี
กลับจากต่างประเทศก็จบพร้อมเพื่อน โรงเรียนอนุญาต
ในเรื่องสอบเอ็นทรานต์
น้องเขาบอกไม่ยาก ก็เอาข้อสอบเก่ามาทำซัก ๑๐ ปีย้อนหลังก็สอบเข้าได้แล้ว
แต่ระหว่างทางในการเรียนนี่สิ ที่แตกต่าง ในรุ่งอรุณให้งานเป็นโปรเจ็ค
เช่นไปเที่ยวที่ไหน ก็สรุปมานำเสนอ
มีวันก่อนปิดภาคที่นักเรียนต้องเสนอผลงานให้ผู้ปกครองชม
นี่เป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละภาคเรียน
บางครั้งทำงานปั้นจนไม่อยากกลับบ้าน เพราะอยากให้งานเสร็จ
ยิ่งเล่ายิ่งเห็นภาพความสุขขณะเรียน
นึกถึงหนังสือ
โต๊ะ โตะ จัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง ที่ตอนเรียนครูจะเขียนบนกระดานว่า
เรามีวิชาที่จะเรียนดังนี้ จะเรียงการเรียนแบบไหนดี นักเรียนเลือกเอง
อาจารย์วรภัทร์บอกว่า
น้องคนนี้เดิมเป็นเด็กซน จึงต้องนำมาไว้ที่รุ่งอรุณ
คุณแม่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ เป็นอดีตผู้ประกาศข่าวของช่อง ๗
ดีจังนะคะ เวลาเราประทับใจอะไร ก็เป็นความรู้สึก และ ความรู้ และแรงบันดาลใจ
นักเรียน 9 คน ในชั้นเรียน กับโปรเจค ที่ไม่ยอมกลับบ้าน....
เป็นบทหนังได้เลยนะเนี่ย
บทที่จะบอกว่า คนเราถูกสร้างมาอย่างไร
วัสดีค่ะเป็นไงบ้างบายดีนะค่ะคิดถึงค่ะ