วันนี้เป็นวันอังคาร เป็นวันที่ผม อุทิศให้กับการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง-กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เหตุที่อยากเขียนเรื่องนี้เพราะ เป็นความสุขในงานที่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน แตกต่างจากการทำงานใน รพ.
ช่วงเช้าผมต้องไปเข้ากลุ่มเบาหวานที่ ตำบลแม่กาษา เป็นตำบลที่ห่างไกลในชนบท เราทำกลุ่มกันทุกเดือนโดยมีพยาบาลเป็นพยาบาลประจำกลุ่มและทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
ผมรู้สึกถึงความสุขในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด รับรู้วิถีชีวิตและความรู้สึกของเขาเหล่านั้นอย่างดี ผมอายุน้อยแต่ป้าๆ ลุงๆ ก็ยกมือไหว้ผมอย่างไม่ขัดเขิญ ผมรู้สึกว่า ทำไมเขาถึงไหว้ผม ทั้งๆที่ แต่งตัวชาวบ้านมาก ทั้งที่อายุน้อยกว่าลูกของเขา คำตอบคือ "เราทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขของชาวบ้าน" เป็นกำลังใจในการทำงานด้วยใจต่อไป
ตอนบ่ายผมไปเยี่ยมคนไข้มะเร็ง 2 ครอบครัว คนหนึ่งเป็นคนไข้มะเร็งลุกลามไปที่กระดูกสันหลัง คนไข้ตอนแรกปวดมาก แต่หลังจากที่จัดการอาการปวดได้ดี คนไข้มีความสุขมากขึ้น มีญาติดูแลเยอะครับ
เรามาเยี่ยมผู้ป่วยรายนี้เพื่อตามผล อาการปวดดีขึ้นก็รู้สึกมีความสุขในใจเป็นอย่างมาก
คนต่อมาคือครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยรังสีรักษาและมีลูกเล็กๆ อายุ 3 ขวบ อาการคุณแม่ดีขึ้นแล้ว แต่เราพบเรื่องน่ารักเรื่องหนึ่ง ดูรูปนะครับ
ผมเห็นสำลีอยู่ที่หูน้องก็เลยถามว่าทำไมต้องใช้สำลีอุดหู แม่ตอบว่า ไก่รอบบ้านขันดัง เด็กจะตื่น (ถึงว่านั่งคุยกันตั่งนานเด็กไม่ตื่นสักที)
นี่คือคู่กรณีของเด็กน้อย
ผมกลับ รพ. ด้วยความรู้สึกยิ้มๆในวันนี้ (ปกติผมจะเจอแต่เรื่องเศร้า แต่วันนี้รู้สึกดีเป็นพิเศษ)
นั่นอาจเป็นมุมมองของผมต่องานและชีวิตที่ได้ประสบ ดีใจครับที่ชีวิตช่วงหนึ่งของผมได้ดูแลคนอย่างที่เขาเป็นจริงๆ ครับ
สวัสดีครับ
เข้ามาแบ่งปัน...
อ่านแล้วยิ้มได้นะครับ
ชอบเรื่องเล่าแบบนี้ครับผม
พี่ว่าบันทึกนี้เจ๋งมากๆเลยครับ ได้มุมมอง ความรู้ และความรู้สึกที่เป็น Humanized healthcare ครับ...
^_^
สวัสดีครับ คุณหมอโรจน์
:) บุญรักษา คนดี หมอดี ครับ
สวัสดีครับพี่สุพัฒน์
ของคุณที่เข้ามาอ่านครับ ผมเองก็ชอบบทความเกี่ยวกับเรื่องจิตใจและความคิดของพี่เหมือนกันครับ เพราะพัฒนาจากภายในจริงๆ
เป็นกำลังใจครับ ผมสนใจในเรื่องปฐมภูมิครับ
ยินกีทีรู้จักครับ คุณ whch โอกาสหน้าคงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอีกครับ