ช่วง 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้สอนนิสิตแพทย์ (นสพ.) ปี 4 ในเรื่อง เวชศาสตร์ครอบครัว สัปดาห์แรกต้องไปสอนที่ รพ.ตากสิน (อำเภอเมือง จ. ตาก) ผ่านระบบ tele-conference ในสัปดาห์ที่ 2 เด็ก ๆ มาเรียนกับผมที่ รพ. แม่สอด จ. ตาก เป็น 1 สัปดาห์ที่แสนจะเหนื่อยล้าของผมจริง ๆ ครับผม ได้เลือก case ให้นักศึกษาได้ไปเยี่ยมบ้านเพื่อ ทำรายงานกัน...เป้าหมายจริง ๆ ของผมคงเป็นแค่เพียงให้เด็ก ๆ ได้เห็นชีวิต ๆ จริง ๆของครอบครัวผู้ป่วย พวกเขาจะมีโอกาสได้เยี่ยมบ้าน 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์
ตอนแรกผมกะว่าจะเลือกสถานการณ์ที่ไม่ยากนัก แต่กลับสถานการณ์พลิกผัน ผมเลือกผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาน้ำตาลต่ำและอยู่กับแม่ที่เป็นอัมพาตนอนอยู่กับเตียงมากว่า 5 ปี พอผมไปเยี่ยมบ้านทราบทีหลังว่า "แม่ผู้ป่วยอาการหนัก ซึมไม่ยอมพูดมา 1 สัปดาห์
จากผังเครือญาติจะเห็นว่า "ครอบครัวนี้มีสมาชิก จริงๆ 2 คน คือ แม่ที่เป็นอัมพาต อายุ 86 ปี กับลูกสาวอายุ 54 ปีและเป็นเบาหวานจนต้องนอน รพ. จากน้ำตาลต่ำ เนื่องจากคนไข้ฉีดยาอินซูลิน น้ำตาลคุมยาก บางครั้งน้ำตาลก็ 250-300 และพอหมอปรับยาก็น้ำตาลต่ำ จนเพื่อนบ้านหรือน้องชายต้องพาส่ง รพ. อยู่หลายครั้ง..มีคนคอยดูแลอาหารเป็นน้องชายคนที่ 4 มาคอยส่งอาหาร และมีน้องชายคนเล็กที่อยู่ใกล้บ้านมาผลัดเปลี่ยนเวลาที่ต้องไป รพ. "
พอผมพา นสพ. 3 คนไปเยี่ยม case เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ธ.ค. 52) เราพบญาติผู้ป่วยหลายคน ลูก 3 คน ภรรยาของลูกชายคนโต หลานสาว และเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้บ้าน
ลูกชายคนโตหายไปประมาณ 30 ปีไปอยู่ ลพบุรี เป็นลูกชายที่แม่รักที่สุดกลับมาหลังจากรู้ข่าวว่าแม่ป่วยหลัก
ลูกชายคนเล็กที่บ้านอยู่ใกล้ ๆ
ลูกสาวคนที่อยู่กับคุณป้า ดูเงียบขรึม (จากที่ปกติเงียบๆ อยู่แล้ว)
ลูกชายคนโตของผู้ป่วย
น้อง นสพ. ของผมดูเงียบงันกันไปหมดเมื่อเห็นญาติผู้ป่วยเต็มบ้าน พร้อมกับบรรยากาศแปลก ๆ ผมจับความรู้สึกได้ว่า "เหมือนการรวมญาติเพื่อดูใจผู้ป่วย"
เอาละซิครับ "งานเข้าของแท้เลย...ตอนแรกคิดในใจว่า เปลี่ยน case ดีไหมเนี้ย...คิดอีกที...อาจเป็นไปได้ที่เด็กจะเรียนรู้การดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์แบบนี้บ้านคงจะเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์"
หลังจากผมตั้งตัวติดก็เลยเริ่มคุยกับญาติผู้ป่วยว่าช่วงนี้คุญยายเป็นอย่างไรบ้าง
ลูกชายคนโต "ดูแม่ซึมๆ ไปผมได้ข่าวเลยรีบมาเยี่ยม..เมื่อคืนเอาพระมา สืบชะตาที่บ้าน (เป็นพิธีทางเหนือที่ทำให้กับผู้ที่ป่วยหลัก..ใกล้เสียชีวิต) ดูแม่ก็ดีขึ้นนิดหน่อย"
ผมหันไปมองที่คุณยายดูซึม ๆ ไม่ยอมกินข้าวกินแต่น้ำ ไม่ตอบสนองเสียงเรียกของญาติและผม (ปกติแกจะลุกนั่งเวลาที่ผมมาเยี่ยม..พูดได้บ้างแต่ไม่ชัด) ผมตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ ปอดปกติและมีแผล bedsore เกิด (แต่แผลสะอาดดี) ลูกชายคนโตทำแผลให้ด้วยด่างทับทิม..ในใจผมคิดว่า "น่าจะมีการติดเชื้อ คิดว่าคงจะเกิดจาก กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (พบบ่อยในคนที่ต้องนอนนาน)
ผมถามกับญาติๆ ว่า "ในความเห็นของทุกคนคิดว่า อาการคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง"
ลูกชายคนโตตอบ "คุยกันในหมู่พี่น้องคิดว่าอาการแกก็เป็นมาก "
ผม "ผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ซึมอาจเป็นการติดเชื้อหรืออาจมีแร่ธาตุในเลือดผิดปกติร่วมด้วย"
"ถ้าอาการเป็นอย่างนี้ ถ้าผมติดต่อให้ไปรักษาที่ รพ. ญาติ ๆจะว่าอย่างไรครับ?"
ลูกชายคนเล็ก "แกเคยสั่งไว้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขออย่าพาไป รพ."
ลูกชายคนโต "เอาบุญแกว่าเถอะ"
ผมสรุปในใจว่า case นี้ทางญาติของผู้ป่วยเห็นพ้องต้องกันว่าจะดูแลผู้ป่วยที่บ้านตามเจตนารมย์ ของผู้ป่วย เยี่ยมบ้านครั้งนี้เลยเปลี่ยนจาก เยี่ยมเพื่อค้นหาปัญหาลูกสาว กลายเป็นเยี่ยมเพื่อดูแลผู้ป่วย pallitive care กลาย ๆ ครับ
ผมตัดสินใจเริ่มยาปฏิชีวนะแบบฉีดที่บ้านทุกวัน (โดยพยาบาล) พร้อมเจาะเลือดไปตรวจที่ รพ.
ผมถามน้องว่า "น้องว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เจอ case ยาก?"
น้องตอบว่า "โชคดี" ผมบอกน้องว่า "เวลาเยี่ยมผู้ป่วยให้ทิ้งความเป็นหมอไปชั่วคราว แล้วสวมบทบาทไปเยี่ยมญาติ จะได้ไม่เกร็ง"
โรจน์ใช้โปรแกรมอะไรเขียนผังครอบครัวครับ ดูดีจัง
ใช้เขียนใน power point แล้ว save เป็นรูป PNG ครับ
แวะมาสวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับหนานเกียรติ
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ ค่ะ =)
มาส่งสุขปีใหม่ค่ะ
ผมตัดสินใจเริ่มยาปฏิชีวนะแบบฉีดที่บ้านทุกวัน (โดยพยาบาล) พร้อมเจาะเลือดไปตรวจที่ รพ.
อาจารย์มีทีมงานที่เข้มแข็งจริงๆครับ
ปล.ชอบ ส.ค.ส. ใบนั้นเหมือนอาจารย์ครับ
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอให้คุณหมอและครอบครัวมีความสุขดังบทบาลีที่ว่า เต อัตถลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธสาสเน อโรคา สุขิตา โหถะ สหสัพเพหิ ญาติภิ. ขอให้ครอบครัวของท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติ จงประสบสุขในสิ่งที่ปรารถนา มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ปราศจากโรคภัยและเจริญงอกงามไพบูลย์ในพุทธธรรมตลอดไป เทอญ.
สวัสดีครับอาจารย์สีอิฐ...ผมโชคดีมากครับที่มีทีมที่ดี....สงสัยจะทำบุญมาดี
นมัสการพระคุณเจ้าพระมหาแล ขำสุข(อาสโย) ....สาธุ....กราบ 3 ครั้ง
ขอบคุณพี่เกด กับ ครูบันเทิงสำหรับคำอวยพรปีใหม่ครับ