เจ้าบุญหลงที่หงสา


การไปดู กาดแลง (ตลาดเย็น) บ้านจ่อมแจ้ง วันนั้น ผมได้มุมมองของ ความเป็นปุถุชนที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ มันเป็นปกติธรรมดาของวิถีชีวิตที่นั่น แต่เราผู้มาจากถิ่นอื่น มีความรู้สึกตงิดตงิดหัวใจ แม้ว่าในตลาดแห่งนั้นจะมีความหลากหลายให้ตื่นตา แต่ก็ในความหลากหลายนั้น บ่งบอกว่ามนุษย์เราพึ่งพาชีวิตเพื่อนร่วมโลกอื่นๆมากมาย.....  

 

ชาวบ้านหรือลูกค้าเดินเข้าออกตลอด ข้าราชการที่เดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน แวะซื้อของติดมือกลับบ้าน   มันเป็นวิถีชีวิตชนบทที่เรียบง่าย ไม่มีระบบ  Super Store มาผูกขาด ทำให้ชาวบ้านมีรายได้พอยังชีพตามอัตภาพ..

 

 

 

ในตลาดเห็นชีวิตที่ด่าวดิ้น เพราะมันเป็นอาหารของคน 1 หอย 2 จิ้งกุ่งหรือจิ้งหรีด 3 สารพัดสัตว์เล็กๆ ที่จับได้ในทุ่งนา ชาวบ้านจะซื้อไป หมก” 4 ไก่ และเป็ดที่ชำแหละมาเรียบร้อยแล้ว ที่บรรจุใส่ถุงพลาสติกมีรูอากาศให้หายใจในกะละมังนั้นคือปลาไหล ส่วน 5 นั้นคือ รังต่อยักษ์ที่มีตัวอ่อนอ้วนๆ แม่ค้าบอกว่านึ่งมาเรียบร้อยแล้ว สามารถกินได้เลยหรือเอาไปตำไปป่นก็แล้วแต่ความชอบ ด้านในสุดจะมีเขียงสัตว์ใหญ่ตั้งแต่ ควาย วัว หมู ที่สังเวยชีวิตเพื่อยังชีวิตของคน

 

ความจริงใน Super Store ที่หรูหรานั้นก็ไม่ต่างไปจากตลาดเล็กๆแห่งนี้ที่คนเมืองก็พึ่งชีวิตเพื่อนร่วมโลกมากมาย อาจจะมากกว่าตลาดบ้านจ่อมแจ้งนี้ด้วยซ้ำไปเมื่อเทียบปริมาณ และจำนวนชนิด เพียงแต่ Super Store ใช้ระบบการจัดการเข้ามาดำเนินการ จนผู้บริโภคไม่มีความรู้สึกใดๆเลย แม้แต่น้อย  แถมอาจจะรู้สึกในทางอื่นที่ว่า ทันสมัย และนั่นคือโปรตีนที่ร่างกานคนเราต้องการ..ฯลฯ

 

 

ตลาดบ้านจ่อมแจ้งเป็นแบบพื้นๆบ้าน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่มีกระบวนการอะไรมาจัดการให้ซับซ้อน  แต่ผมก็เกิดการปะทะทางความรู้สึก ขึ้นมาจนได้...

 

 

 

 

เพราะว่า มีสิ่งที่มีชีวิตหนึ่งที่ผมต้องหยุดลงตรงกลางตลาดบ้านจ่อมแจ้ง คือ เจ้านกกระยางตัวนี้ เขาถูกมัดปีก มัดขา มัดปาก วางขายอยู่ 1 ตัว เขายังมีชีวิตอยู่  ผมเลยถามแม่ค้าว่า...

 

บางทราย :  ได้นกตัวนี้มาอย่างไร

แม่ค้า: เอาแห หรือตาข่ายไปดักในนามา

 

บางทราย: ชาวบ้านซื้อเอาไปทำอาหารประเภทไหนกัน

แม่ค้า: ทำหลายอย่างได้ แกง ก็ได้ ย่างก็ได้.....

 

เมื่อผมถามราคาแม่ค้าบอกว่า 25 บาท ผมไม่รอรีค้นหาเงินได้มา 20 บาท ขาดไป 5 บาทเลยไปขอเพื่อนข้างๆมาอีก 5 บาท  ผมตั้งใจจะเอาไปปล่อย  พนักงานขับรถแนะนำว่าเอาไปปล่อยในทุ่งนาดีกว่า เดี๋ยวจะพาไปที่ทุ่งนาบ้านศรีบุญเรือง

 

 

 

เห็นทุ่งนาแล้ว ผมนึกถึงสะเมิง เชียงใหม่ ชนบทแห่งแรกของการทำงานของผม เพราะสภาพที่ทุ่งนามีภูเขาล้อมรอบ มีน้ำไหล ยอดเขามีเมฆหน้าฝนปกคลุม มีเถียงนา ความเขียวชอุ่มของต้นข้าวที่แสดงความสมบูรณ์ด้วยธรรมชาตินั้น คนเมืองอย่างเราได้มาสัมผัสแล้วก็ ชื่นอกชื่นใจเป็นที่สุด แม้ว่าเส้นทางจะเฉอะแฉะเพราะถนนลูกรังที่โดนน้ำฝน ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติที่อยู่คู่ชนบทมานานแสนนานแล้ว เมืองหงสาคืออู่ข้าวอู่น้ำ ผลิตข้าวออกเลี้ยงเมืองไชยบุรี แม้กระทั่งหลวงพระบาง และอุดมไชย

 

คนขับรถลงมาช่วยผมคลายตอกไม่ไผ่ที่มัดเจ้านกกระยางตัวนี้ออก ทันทีที่ปากมันเป็นอิสระ มันก็จิกแขนคนขับรถเสียหนึ่งที มันคงจะต้องต่อสู่ป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้  เมื่อแก้มัดออกหมดก็ยืนมาให้ผมเป็นผู้ปล่อยเขาไป ผมขอเรียกเจ้านกกระยางตัวนี้ว่า เจ้าบุญหลงก็แล้วกัน

 

คงนึกออกนะครับว่าผมควรจะกล่าวอะไรบ้างก่อนที่จะปล่อยชีวิตน้อยๆตัวนี้ไปสู่อิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง  และไม่รู้ได้ว่าเขาจะกลับไปติดตาข่ายชาวนาอีกครั้งหรือไม่  หากติดอีก ผมก็คงไม่มีความพอดีที่จะเดินไปเจอะเขาอีกเป็นแน่แท้  อย่าเป็นเช่นนั้นเลยนะ...เจ้าบุญหลง

 

เมื่อผมโยนเจ้าบุญหลงขึ้นซึ่งคิดว่าเขาคงจะรีบบินหนีไปอย่างสุดชีวิต  ที่ไหนได้ หล่นปุ ตรงข้างรั้วนาข้าวของชาวบ้านนั่นเอง  เขาไม่บินไป คนขับรถต้องไปจับมาใหม่แล้วโยนค่อยๆลงในแปลงนาไป พร้อมกับบอกว่า  อาจารย์.. มันยังเมื่อยอยู่ เพราะถูกมัดมานาน....? เหมือนคนนั่นแหละ เมื่อถูกมัดมานานๆก็ไปไหนไม่เป็นหรอก....

 

 

 

เจ้าบุญหลงลงไปถึงพื้นท้องทุ่งนาแล้วเขาก็ยืนเงียบ นิ่ง ไม่กระดุกกระดิก  เราคิดว่าเขาคงเมื่อย หรือเคล็ด อย่างที่คนขับรถกล่าว  เราจึงยืนดูเขาสักพัก เผื่อว่าหายเคล็ดแล้วก็จะวิ่งไปหลบที่ไกลๆคนต่อไป  อีกอย่างหนึ่ง เราก็เกรงกลังว่า หากมันไม่ไปไหน เมื่อเรากลับไปแล้ว ชาวบ้านมาเห็นก็จะจับมันไปเป็นอาหารอีก.. ใจคิดเช่นนั้น จึงภาวนาในใจว่า เจ้าเป็นอิสระแล้วไปเถอะ ไปไกลๆตามทางชีวิตของเจ้าเถอะนะ...เจ้าบุญหลง

 

หลังจากที่เราหันสายตาไปดูทุ่งนามุมอื่น เพื่อเสพธรรมชาติให้เต็มๆสักพักใหญ่  แล้วย้อนกลับมามองดูเจ้าบุญหลงว่าไปไหนแล้วหรือยัง.... พบว่าเขายืนนิ่งเงียบและตาเขามองมาที่เราเป๋งเลย ผมหยิบกล้องมาซูมดูสายตาเขา......

 

เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร  เขาจะจำติดตาว่า ไอ้มนุษย์พวกนี้จับเขามาทรมาน หรือเปล่าหนอ  หรือว่าเขามองเราแล้วขอบอกขอบใจเราที่ซื้อชีวิตเขามาปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง  เราไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรจริงๆ  แต่สายตาเขานั้นจ้องจับเราแทบไม่กระพริบเลย....

 

เราจากเขาไปเพราะเวลาใกล้ค่ำแล้ว... ในรถไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ผมคิดในใจเงียบๆว่า มาเมืองหงสาครั้งนี้ได้ไถ่ชีวิตหนึ่งไว้ ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ....

 

เจ้าไปเถอะ....บุญหลง  เจ้ากลับคืนไปสู่ความมีชีวิต เพื่อดำรงชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อไป...เหมือนเรานั่นแหละ ทุกเวลานาทีเราก็เสี่ยงต่ออะไรมากมาย  แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าจะมีใครหยิบยื่นมือมาไถ่ชีวิตแบบนี้บ้าง..แต่ช่างเถอะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน  ดวงตาของเจ้าติดตาฉันจริงๆ....

 

ค่ำแล้วผมอาบน้ำ ทบทวนกำหนดการฝึกอบรม และสาระสักพัก ก็อ่านหนังสือที่ติดมาได้ไม่กี่หน้า ผมก็นอนหลับโดยไม่ได้คิดอะไร

 

ตื่นเช้าหกโมงเศษ เมื่อทำธุระแล้วก็คว้ากล้องคู่ชีพลงมาหน้าเฮือนพัก กินอาหารเช้ากับกาแฟ แล้วก็หันหน้าไปดูบนถนนยามเช้าที่มีชีวิตพี่น้องชาวหงสาเดินไปมาตามภารกิจของแต่ละคน  แต่ทันใดนั้น....นั่นเด็กสองคนนั่นที่เดินหันหลังให้เราไปไกลนั่น ถือสิ่งมีชีวิตห้อยไปสองตัว... ดูเหมือนไก่ แต่ปากมันยาวๆ ไม่น่าเป็นไก่ เป็ดก็ไม่น่าใช่

 

 

 

 

สองคนเดินไปไกลพอสมควร....เอ..หรือว่านกกระยาง  ผมคว้ากล้องออกมาซูมไปที่เด็กสองคนนั่น.... ตายแล้ว..เจ้าบุญหลงหรือเปล่า......

 

กว่าผมจะนึกอะไรที่ควรได้ เด็กสองคนก็เดินขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ขับไปไกลเสียแล้ว

ผมนึกถึงสายตาเจ้าบุญหลงคู่นั้น...

 

อาหารเช้าที่ผมเพิ่งกินเข้าไปมันจุกคอผม....  อือ  ชีวิตที่เพื่อชีวิต...

หมายเลขบันทึก: 209268เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2008 21:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ อาจารย์

  • ชีวิตที่เลือกไม่ได้นะคะ
  • คล้ายๆระบบนิเวศน์มั้ยคะ สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก เพื่อให้เกิดความสมดุล แต่นี่คงไม่ใช่นะคะ กลับกลายเป็นว่าไม่รักษาระบบนิเวศน์ ต่างหาก
  • เศร้าใจเหมือนกัน อีกไม่นาน หงสา ก็คงเหมือนบ้านเรา ที่ไม่มี สัตว์อะไรเหลือไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้
  • -----
  • อยากไปหงสา งานเฮฮาศาสตร์เราจะมีอีกมั้ยคะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

คิดถึงนะคะ

ชะตาชีวิตของแต่ละสิ่ง ก็ไม่มีใครจะทราบได้

กรรมจะร้อยรัดให้ดิ้นไม่หลุด

อุเบกขาจึงเป็นข้อธรรม ที่กระทำได้ยาก

แต่ก็มีสิ่งมาทดสอบเราตลอดเวลา

ขออนุโมทนาบุญกับการกระทำของพี่

ทำดีแล้ว สำเร็จแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

สวัสดีครับป้าแดง P 1. pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ]

  • ชีวิตที่เลือกไม่ได้นะคะ
  • คล้ายๆระบบนิเวศน์มั้ยคะ สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก เพื่อให้เกิดความสมดุล แต่นี่คงไม่ใช่นะคะ กลับกลายเป็นว่าไม่รักษาระบบนิเวศน์ ต่างหาก

บ้านเราไม่ค่อยเห็นใครกินนกกระยาง อาจมีบ้างก็มักเป็นพวกคอเหล้าลูกทุ่ง ที่มักหาของแปลกมากิน  แต่ที่นั่น ดูเหมือนจะกินเหมือนเป็ด เหมือนไก่ แต่ก็มีนกกระยางมากเพราะไม่มีสารเคมี มันจึงมีอาหารกินในนามาก  บ้านเราหลายแห่งไม่มีนกกระยาง มันหนีไปที่อื่นเพราะอาหารเป็นพิษ บ้านผมนกอีกาหายไปเลยครับ  

  • เศร้าใจเหมือนกัน อีกไม่นาน หงสา ก็คงเหมือนบ้านเรา ที่ไม่มี สัตว์อะไรเหลือไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้

โดยการไหลเทของสังคม ก็น่าจะทำให้หงสาก้าวเดินตามก้นเรามา  แต่จะไปไกลแค่ไหน อย่างไร รัฐบาลมีส่วนกำหนดมากครับ 

  • -----
  • อยากไปหงสา งานเฮฮาศาสตร์เราจะมีอีกมั้ยคะ

ป้าแดงช่วยเชียร์คุณเปลี่ยนหน่อยซิ จะจัดได้หรือไม่ได้ขึ้นกับคุณเปลี่ยนแหละครับ เพราะเขาเป็นเจ้าพ่อที่นั่น อิอิอิ

สวัสดีครับ น้องสาว P 2. ตันติราพันธ์

พี่พยายามไม่คิดอะไรมาก เพียงตระหนักว่า เราได้ช่วยชีวิตเขาไว้ตามความรู้สึกที่เราอยากจะทำ ครับ

แต่ความรู้สึกผูกพันที่ว่าเมื่อเราช่วยเขาแล้วก็อยากให้เขาอยู่รอดปลอดภัยจริงๆ  แต่เราก็ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าชีวิตเขา ชีวิตดำเนินไปตามกรรมอย่างกล่าวครับ  คิดถึงน้องสาวเช่นกันครับ

โว้ยยยยยยยย  ครูเสือ...คิดถึงจังเลย หายไปไหนมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท