การสอน B-SLIM MODEL


B-SLIM MODEL

     วิธีสอนแบบ  B-SLIM เป็นรูปแบบหนึ่งของการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเพื่อมุ่งเน้นการสื่อสารโดยอาศัยหลักการและแนวคิดทฤษฎีพัฒนาการเชาวน์ปัญญาของพีอาเจต์(Piaget)  ทฤษฎีพัฒนาการเชาวน์ปัญญาของวิก็อทสกี้ (Vygotsky)  และทฤษฎี     การเรียนรู้โดยการค้นพบของบรูนเนอร์ (Discovery Aproach) ซึ่ง Olenka  Bilash           เป็นผู้ออกแบบวิธีการสอน (B-Slim Overview.)
     แนวคิดเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Communicative  Language  Teaching)  จุดมุ่งหมายของวิธีสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารมุ่งให้ผู้เรียนใช้ภาษาที่เรียนในการสื่อสารทำความเข้าใจระหว่างกัน  และคนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า  ถ้าผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างทางภาษาและคำศัพท์แล้วจะสามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้ แต่ข้อเท็จจริงแล้วพบว่าถึงแม้ผู้เรียนจะเรียนรู้โครงสร้างของภาษาต่างประเทศมาแล้วเป็นอย่างดีก็ยังไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับชาวต่างประเทศ  หรือจะใช้ได้บ้างก็จะใช้ภาษาในลักษณะที่เจ้าของภาษาไม่ใช้กัน  แม้จะเป็นภาษาที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์  ด้วยเหตุนี้  นักภาษาศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศจึงได้พัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารขึ้น
     สุมิตรา  อังวัฒนกุล  (2540  :  17–21)  กล่าวถึงการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
ว่าการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นแนวคิดที่เกิดจากความตระหนักถึงความจริงที่ว่าความรู้
ความสามารถทางด้านศัพท์  ไวยากรณ์  และโครงสร้างทางภาษาเพียงอย่างเดียว  ไม่สามารถช่วยให้ผู้เรียนใช้ภาษาที่เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมในการสื่อสารกับผู้อื่น     การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร  เป็นการใช้ภาษาระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร  ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่าวิธีสอนที่ทำให้ผู้เรียนสามารถนำภาษาไปใช้ในการสื่อสารได้จริง  (Actual  Communication)  ได้แก่  วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร(The  Communicative  Approach)  เนื่องจากจุดมุ่งหมายหลักของวิธีการสอนดังกล่าวเน้นความสามารถในการสื่อสาร  (Communicative  Competence)  ของผู้เรียน     

ขั้นตอนการสอนแบบ B-SLIM
     ธูปทอง  กว้างสวาสดิ์  (2544  :  24-30)  ได้สรุปไว้ว่ากิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวสื่อสารมีกิจกรรมที่หลากหลาย  แต่กิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ  คือการสอนภาษาที่สองของ  บิลาช  Bilash’s Second Language Instructional Model  หรือ  B-SLIM Model. ประกอบไปด้วย 5  ส่วน ดังนี้
    1.  ขั้นวางแผนและการเตรียม  (Planning and Preparation) ขั้นนี้ครูจะเลือก
กิจกรรมและเนื้อหาให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรและความสนใจของผู้เรียน  นอกจากนั้นครูต้องจัดเตรียมสื่อและอุปกรณ์ ที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้  สื่อต้องน่าสนใจและสอดคล้องกับเนื้อหา  และควรเป็นสื่อที่เป็นของจริง
   2.  ขั้นทำความเข้าใจตัวป้อนหรือข้อความรู้ใหม่  (Comprehensible Input) 
ขั้นนี้ครูต้องอธิบายความรู้ใหม่  ข้อมูลหรือตัวป้อนใหม่  โดยตั้งอยู่บนฐานความรู้เดิมของผู้เรียน  ครูสามารถให้ตัวป้อนเหล่านี้ ในการที่นักเรียนจะเข้าใจหรือเกิดการเรียนรู้  โดยการขยายความ  อธิบายเพิ่มเติม บิลาช  ได้จำแนกตัวป้อนด้านความรู้ออกเป็น 9  ชนิดดังนี้
       2.1  การรับรู้ภาษา  (Language Awareness)   บิลาชและทูลาซิวิคซ์   กล่าวถึงการรับรู้ทางภาษาว่า การรับรู้ภาษาเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้
                                 -  ทักษะทางภาษา
                                    -  ทัศนคติ
                                    -  การเรียนรู้และการใช้ภาษา
 สิ่งเหล่านี้ผู้สอนต้องบูรณาการเข้าในกิจกรรมการเรียนการสอน  และสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้เรียน
       2.2  การออกเสียง  (Pronunciation)   เป็นส่วนสำคัญของการพูด  และเป็นทักษะที่ยากสำหรับผู้เรียนภาษาต่างประเทศก่อนที่ผู้เรียนจะสามารถพูดได้เป็นประโยค      เขาต้องออกเสียงคำได้ก่อน  การออกเสียงควรเน้นความคล่องและจังหวะ  การขึ้นเสียงสูงต่ำ ตามบริบทและสถานการณ์
       2.3  ศัพท์  (Vocabulary)   สามารถแยกออกเป็น 2 ชนิด  คือ Active Vocabulary หมายถึง  คำศัพท์ที่ผู้เรียนเข้าใจความหมายออกเสียงได้ถูกต้องและใช้การพูดและเขียนได้ Passive  Vocabulary  หมายถึง  คำศัพท์ที่ผู้เรียนรู้ความหมายและเข้าใจเมื่อพบคำนั้น ในรูปประโยคหรือข้อความ  แต่ไม่สามารถใช้พูดและเขียนได้  คำศัพท์ในการสอนแต่ละครั้งต้องไม่มากหรือน้อยเกินไป และต้องสอนจากศัพท์ที่ใกล้ตัว  หรือคำศัพท์เพื่อการดำรงชีวิต  (Survival Vocabulary)   หมายถึง  ศัพท์ที่ผู้เรียนใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน  เช่น ศัพท์เกี่ยวกับ  สัตว์  คำถาม  คำทักทาย
        2.4  ไวยากรณ์  (Grammar)  การสอนหลักไวยากรณ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มจะยึดหลักการสอนตามแนวสื่อสาร สามารถสอนได้  2  วิธี  คือ
               2.4.1  การสอนแบบอุปนัย  คือ  การสอนโดยใช้กิจกรรมต่างๆ  ขึ้นมาก่อนแล้วครูและนักเรียนช่วยกันสรุปกฎเกณฑ์
               2.4.2  การสอนแบบนิรนัย  คือ  การสอนที่เริ่มจากกฎเกณฑ์ แล้วจึงฝึกการใช้กฎเกณฑ์  โดยใช้กิจกรรมต่างๆ หรือให้ทำแบบฝึกหัดเพื่อให้สนองวิธีการเรียนรู้ของนักเรียน ครูต้องให้ตัวอย่างเพียงพอ และสาธิตการใช้จนผู้เรียนรู้และผู้สอนต้องแม่นกฎเกณฑ์ก่อนที่จะสอนนักเรียน
        2.5  สถานการณ์และความคล่องแคล่ว  (Situation/Fluency)   การเรียนรู้ภาษาที่สอง  (Second Language-SL)  และภาษาต่างประเทศ  (Foreign Language FL)   หมายถึง  การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาได้หลากหลายตามบริบทและสถานการณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว
             

        2.6  วัฒนธรรม  (Culture)   วัฒนธรรมสามารถแบ่งเป็น  2   ส่วน  คือ  ซีใหญ่  (Big “C”)  หมายถึง  ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ วรรณคดี ศิลปะดนตรี ซีเล็ก  (Small c)   หมายถึง ขนบธรรมเนียมประเพณี ลักษณะนิสัย  การแต่งกาย  อาหาร การใช้เวลาว่าง      การเรียนภาษาต่างประเทศ คือการเรียนวัฒนธรรมต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถแยกภาษาออกจากวัฒนธรรมได้ การสอนวัฒนธรรมครูควรสอนในรูปของกระบวนการพบปะสังสรรค์  มากกว่าที่จะบอกให้รู้ข้อเท็จจริงทางวัฒนธรรม ครูต้องจัดกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
        2.7  กลวิธีการเรียนรู้  (Learning  Strategy) กลวิธีการเรียนรู้ หมายถึง       การกระทำพฤติกรรม ขั้นตอน และเทคนิคเฉพาะในการเรียนภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศ  เช่น  การหาผู้ช่วยในการฝึกการสนทนาเพื่อพัฒนาทักษะพูด  การใช้เทคนิคปรับปรุงปัญหาในการเรียนภาษาของตัวผู้เรียนเอง  ซึ่งมีวิธีการเรียนที่ต่างกัน กลวิธีการเรียนมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้ภาษาในการปฏิสัมพันธ์  การจะเลือกเทคนิคที่มีความคล้ายคลึงกัน  และเลือกซ้ำบ่อยครั้งและจะใช้ภาษาในการสื่อสารได้ไม่ดีเท่าที่ควร  ดังนั้นครูจำเป็นต้องรู้และเข้าใจถึงกลวิธีที่หลากหลายและประสบผลสำเร็จ  ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียน เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
       2.8  ทัศนคติ  (Attitude) เป็นองค์ประกอบที่บ่งบอกถึงความเชื่อว่าผู้เรียนมีทัศนคติที่แตกต่างต่อสิ่งต่อไปนี้  คือ  ภาษาเป้าหมาย  (Target Language)   ผู้พูดภาษาเป้าหมาย  (Target Language Speaker)  ค่านิยมสังคมทางการเรียนภาษาเป้าหมาย  ทัศนคติเหล่านี้มีผลต่อความสำเร็จทางการเรียนภาษาที่สอง   การมีทัศนคติด้านบวกต่อภาษาเป้าหมาย และวัฒนธรรมของภาษานั้นมีความสำคัญต่อผู้เรียน  เพราะทัศนคติบวกย่อมเป็นสิ่งเร้าให้ผู้เรียนอยากปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของภาษา นอกจากนั้นทัศนคติด้านบวกยังส่งผลให้ผู้เรียนเลือกใช้กลวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย   อันจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ด้านการฟัง  อ่าน  และเขียนได้อย่างรวดเร็ว  จะเห็นได้ว่าทัศนคติสำคัญมากในการเรียนภาษาที่สอง  ครูควรจำไว้เสมอว่าการแก้ไขทัศนคตินั้น ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น ต้องใช้เวลาและเทคนิคที่หลากหลาย
       2.9  ทักษะ (Skill) หมายถึง ทักษะฟัง พูด อ่าน และเขียน และยังรวมไปถึงทักษะอื่นๆ  เช่น ทักษะการแก้ปัญหา  การค้นคว้าวิจัย  การหาความรู้ด้วยตนเอง  การเรียนร่วมกับผู้อื่น
              2.9.1  ทักษะการฟัง  (Listening)  ทักษะการฟังถือว่าเป็นทักษะแรกในการสื่อสาร  ถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็จะไม่สามารถพูดโต้ตอบได้  ดังนั้นครูจำเป็นต้องออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะฟัง  นูนัน และแลมป์  แนะนำว่า  สิ่งสำคัญที่ครูจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเตรียมกิจกรรม คือ การสอนทักษะฟัง  ควรคำนึงถึงสถานการณ์หรือบริบท  กล่าวคือ  เลือกเนื้อหา  ครูควรออกแบบกิจกรรมฝึกการฟังที่หลากหลายและน่าสนใจ  เช่น  ครูให้นักเรียนฟังเทปแล้ววาดภาพ  เป็นต้น
              2.9.2  ทักษะการพูด  (Speaking) ในการออกแบบกิจกรรมเพื่อเสริมทักษะพูดครูต้องดูว่ากิจกรรมนั้นต้องเริ่มจากง่ายไปหายาก  โดยเริ่มจากกิจกรรมที่ครูควบคุมให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งมีรูปแบบและตัวอย่างให้นักเรียน  กิจกรรมเหล่านี้  เรียกว่า  กิจกรรมภายใต้การควบคุม (Conversation)  เช่น ในช่วง Intake-Using It  ก่อนที่ครูจะให้นักเรียนฝึกสนทนาครูต้องมีแบบการสนทนา  (Conversation Matrix)  หรือ  Dialogue        ให้นักเรียนหลังจากนั้นจึงให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ยากขึ้น  เช่น  บทบาทสมมุติ  การเลียนแบบการอภิปราย ในช่วง  Intake-Using It  การออกแบบกิจกรรมจากง่ายไปหายากเป็นการลดความวิตกกังวล (Anxiety)  ของผู้เรียน 
              2.9.3  ทักษะการอ่าน  (Reading) ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวกับทักษะการอ่าน  ครูต้องจัดกิจกรรมก่อนการอ่าน  (Preceding  Activity)   เช่นการพูดคุยหรืออภิปราย  ประสบการณ์หรือเรื่องราวที่สัมพันธ์กับเรื่องที่จะอ่าน  หลังจากนั้นเป็นการแจ้งจุดประสงค์การอ่านว่า  หลังจากการอ่านแล้วนักเรียนต้องได้อะไรบ้าง  เช่น         ตอบคำถาม  อภิปรายกับเรื่องที่อ่าน  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  ครูต้องแนะนำคำศัพท์หรือโครงสร้างใหม่ก่อนที่จะให้นักเรียนทำกิจกรรม  กิจกรรมสำหรับพัฒนาทักษะการอ่านจัดได้ทั้งกิจกรรมเดี่ยว  คู่  กลุ่มทั้งชั้น  ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหาที่อ่าน
             2.9.4  ทักษะการเขียน  (Writing) บิลาชย้ำว่า ทักษะการเขียนเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษาที่สอง การเรียนรู้การเขียนไม่ใช่ที่เกิดได้โดยธรรมชาติ  เหมือนการพูดสิ่งที่พูดบางครั้งผู้เรียนไม่สามารถเขียนได้  บิลาชได้ออกแบบการสอนเขียนเรียกว่า  แบบ   (Form)   เทคนิค “แบบ”  นี้  บิลาชออกแบบจากง่ายไปหายากเพื่อลดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้  (Affective  Filter)   ซึ่งได้แก่  เจตคติ  แรงจูงใจ  ความวิตกกังวล  เทคนิคการสอนเขียน  “แบบ”  ประกอบไปด้วย  4  ส่วน  ดังนี้
                      2.9.4.1  ส่วนเอ  (Quadrant  A)  เรียกว่าส่วน  “ศัพท์น้อยกฎน้อย”  เริ่มจากการฝึกเขียนในสิ่งที่ใช้คำศัพท์น้อยและกฎน้อย  เช่น  คำขวัญ  ใบสมัคร  เมนู  คำพังเพย  สุภาษิต  ข้อความ  ปริศนา  คำทาย  การ์ด  เป็นต้น
                     2.9.4.2  ส่วนบี  (Quadrant  B)  เรียกว่าส่วน  “ศัพท์มากกฎน้อย”  จำนวนคำศัพท์มีคำศัพท์มากแต่กฎเกณฑ์น้อย  เช่น  ไดอารี่  คำถาม  เพลง  ละครสั้น  จดหมายส่วนตัว  โปสเตอร์  แบบสอบถาม  เป็นต้น
                     2.9.4.3  ส่วนซี  (Quadrant  C)   เรียกว่าส่วน  “กฎมากคำศัพท์น้อย”  คือการเขียนต้องใช้กฎเกณฑ์มาก  แต่ใช้คำศัพท์น้อย ได้แก่ การเขียนเกี่ยวกับชีวประวัติ ปกนอกหนังสือ ปฏิทิน บัตรเชิญ  โฆษณา  โปสเตอร์  เกี่ยวกับการท่องเที่ยว  โฆษณาทางโทรทัศน์  เป็นต้น
                     2.9.4.4  ส่วนดี  (Quadrant  D)  เรียกว่าส่วน  “คำศัพท์มากกฎเกณฑ์มาก”  การเขียนในขั้นนี้จะยากขึ้น  เพราะสิ่งที่เขียนนั้นประกอบไปด้วยทั้งกฎเกณฑ์และคำศัพท์เป็นจำนวนมาก  ได้แก่  นิยายผจญภัย  นิทานเปรียบเทียบ  ตำนาน  กฎการเล่นเกม  เขียนบทกวี  การอธิบาย  หนังสือพิมพ์ประจำห้อง  เป็นต้น  ดังภาพประกอบ 

 

A  ศัพท์น้อยกฎน้อย  คำขวัญ  ใบสมัคร  เมนู  คำพังเพย  สุภาษิต  ข้อความ  ปริศนา  คำทาย  การ์ด B   ศัพท์มากกฎน้อย ไดอารี่  คำถาม  เพลง  ละครสั้น  จดหมายส่วนตัว  โปสเตอร์  แบบสอบถาม 

C   กฎมากคำศัพท์น้อย  ชีวประวัติ  ปกนอกหนังสือ  ปฏิทิน  บัตรเชิญ  โฆษณา  โปสเตอร์  เกี่ยวกับการท่องเที่ยว  โฆษณาทางโทรทัศน์ 
 D   นิยายผจญภัย  นิทานเปรียบเทียบ  ตำนาน  กฎการเล่นเกม  เขียนบทกวี  การอธิบาย  หนังสือพิมพ์ประจำห้อง 


ภาพประกอบ    แบบการสอนเขียนของบิลาช

    3.  ขั้นกิจกรรมเพื่อความเข้าใจและฝึกทักษะ  (Intake  Activity)  ขั้นนี้  หมายถึง  ช่วงเวลาที่ผู้เรียนรู้  เนื้อหาหรือตัวป้อน  (Input)  ผู้สอนพึงระลึกเสมอว่า  ผู้เรียนไม่สามารถเข้าใจข้อมูล  สาร หรือตัวป้อนทั้งหมดที่ผู้สอนป้อนในขั้นแรก ครูจึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมในขั้นนี้เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสทำสองประการคือ  ประการแรก  ครูต้องจัดกิจกรรมเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจตัวป้อน  เรียกว่า  กิจกรรมเพื่อความเข้าใจ (Intake - Getting) กิจกรรมเพื่อความเข้าใจนี้จะใช้เวลาจนกว่าครูจะแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจ  Input  ครูอาจจะออกแบบ  4-5  กิจกรรม  แล้วแต่ความยากง่ายของตัวป้อน  กิจกรรมเพื่อความเข้าใจเป็นกิจกรรมที่ง่ายต่อการปฏิบัติมีตัวอย่างแบบแผน  เพื่อช่วยให้ผู้เรียนลดความกังวลในการปฏิบัติ  ประการที่สอง  หลังจากที่นักเรียนเข้าใจตัวป้อนแล้ว  ครูต้องออกแบบกิจกรรมที่ยากและซับซ้อนมากขึ้น  เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสฝึก  เรียกว่า  กิจกรรมฝึกใช้ภาษา  (Intake – Using  It)  กิจกรรมฝึกใช้ภาษาเป็นกิจกรรมเพื่อการสื่อสารและเป็นธรรมชาติมากกว่ากิจกรรมเพื่อความเข้าใจ (Getting  It  Activity)
    4.  ขั้นผล  (Output)  กิจกรรมขั้นนี้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ภาษานอกห้องเรียนทั้งทักษะ  ฟัง  พูด  อ่านและเขียน  ลักษณะกิจกรรมขั้นนี้เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์และส่วนมากเป็นกิจกรรมเดี่ยว (Individual  Activity)  เช่น  โครงงาน  การเขียนไดอารี่  เรียงความ  เรื่องสั้น  เป็นต้น
    5.  ขั้นประเมินผล  (Evaluation)  ขั้นการสอนนี้ครูรวบรวมข้อมูลต่างๆจากการสังเกต  หรือซักถามผู้เรียนในขั้นต่างๆ  เพื่อต้องการทราบปัญหาต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาในการสอนครั้งต่อไป  ขั้นนี้เป็นขั้นการประเมินผลการเรียนของนักเรียน  ครูอาจใช้การประเมินทักษะตามสภาพจริง (Authentic  Assessment)  และการสอบเก็บคะแนนปลายภาคเรียน
ตัวอย่างแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ B-SLIM

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ  B-Slim Model
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ/วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
Unit 1: Myself   Topic : Sport  เวลา  3  ชั่วโมง
สอนวันที่ ............ เดือน .............................. พ.ศ. ........................................

1. จุดประสงค์
 1.1 จุดประสงค์ปลายทาง :  สนทนาถาม – ตอบ เกี่ยวกับกีฬาที่ตนเองเคยเล่นได้
 1.2 จุดประสงค์นำทาง
  1. หาคำศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในตารางได้
  2. เติมคำศัพท์ให้ตรงกับภาพได้อย่างถูกต้อง
  3. ถามและตอบตามบทสนทนาที่กำหนดให้ได้
  4. วาดภาพและเขียนอธิบายเกี่ยวกับกีฬาที่ตัวเองเคยเล่นได้
  5. สนทนาและจดบันทึกตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้
  6. สัมภาษณ์บุคคลตามที่หัวข้อที่กำหนดให้ได้
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
 1.1.1.3  เข้าใจและตีความเกี่ยวกับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงในรูปแบบต่างๆ
 1.1.1.4  เข้าใจและตีความเกี่ยวกับข้อมูลจากสื่อสิ่งพิมพ์
 1.1.2.3  ใช้ภาษาเพื่อขอและให้ข้อมูล
 1.1.3.1  นำเสนอข้อมูล  เรื่องราว  และเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์
 4.4.1.1  ใช้ภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ต่างๆ ในสถานศึกษา
 4.4.1.2  ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในรูปแบบต่างๆ กับบุคคล ในสถานศึกษาและชุมชน
3. เนื้อหา
 Vocabulary : windsurfing,  hang gliding,  judo,  karate,  weight training,  scuba diving
 Structures : Present Perfect
   A : Have you ever tried windsurfing / ……?
   B : Yes, I have.  I’ve tried it once / twice / a few times.
          No, I haven’t.  I’ve never tried it.  
4. สื่อการเรียนรู้
 4.1 VCD เกี่ยวกับกีฬา
 4.2 VCD บทสนทนา
 4.3 Power Point
 4.4 Text
 4.5 Work sheet
 4.6 Task 1
 4.7 Task 2
  4.8 Task 3
5. กิจกรรมการเรียนรู้

Teacher Student
ขั้นทำความเข้าใจ ตัวป้อน
(Comprehensible Input)
1 . ครูกล่าวทักทายนักเรียน
2 . ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
3 . ครูเปิด VCD เกี่ยวกับกีฬาเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน
4 . ครูเปิด  Power point และสอนคำศัพท์ให้นักเรียนฟังและสะกดคำ
5 . ครูเปิดภาพและถามคำถามเพื่อให้นักเรียนตอบโดยใช้ประโยคคำถามว่า Is this karate?
6 . ครูถามคำถามจากภาพ เช่น Judo ครูจะถามว่า What is this sport? ครูปฏิบัติเช่นเดียวกันจนครบทุกคำศัพท์
7 . ครูสอนไวยากรณ์ตาม Power point ให้นักเรียนอ่านและทำความเข้าใจ
8 . ครูเปิดบทสนทนาให้นักเรียนฟังและทำความเข้าใจและพูดตาม

 

ขั้นกิจกรรมเพื่อความเข้าใจและฝึก
(Intake – Getting It)
Getting 1
1. แบ่งกลุ่มให้นักเรียนทำกิจกรรม  กลุ่มละ 10 คน แล้วแจกตาราง Puzzle
2. ครูชี้แจงการทำกิจกรรมกลุ่ม  ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันหาคำศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในตาราง Puzzle
3. กลุ่มใดหาครบก่อนชนะและได้รับคะแนนพิเศษ 

1 . นักเรียนทักทายครู
2 . นักเรียนฟังและจดบันทึก

3 . นักเรียนดู VCD

4 . นักเรียนดูคำศัพท์ฟังและสะกดคำ

5 . นักเรียนตอบ Yes/No

6 . นักเรียนตอบ It is a …….


7 . นักเรียนอ่าน ฟัง และจดบันทึก

8 . นักเรียนฟังและจดบันทึกตาม

 

 

1. นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม

2. นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มโดยช่วยกันหาคำศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในตาราง
3. กลุ่มนักเรียนที่หาครบก่อน รีบรายงานหน้าชั้น

Teacher Student
Getting 2
1. ครูเตรียมบัตรภาพชนิดกีฬาและบัตรคำให้นักเรียน  แล้วแบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 6 คน
2. ครูจับบัตรภาพขึ้นมาแล้วให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มแข่งกันหาบัตรคำศัพท์  แล้วนำไปเติมลงบนชาร์ตหน้าห้องเรียน  กลุ่มไหนรวดเร็วและเติมคำศัพท์ได้ถูกต้องจะได้คะแนน
3. ดำเนินการเล่นเกมไปเรื่อยๆ จนครบทุกคำ แล้วตัดสินหาผู้ชนะในเกม
Getting 3
1. ให้นักเรียนจับคู่กัน แล้วถาม- ตอบจากโครงสร้างที่ได้เรียนมาแล้ว (แสดงบน Power point)
2. ครูเดินดูให้ความช่วยเหลือ
3. ครูให้นักเรียนออกมาถาม – ตอบหน้าชั้น 2-3 คู่
ขั้นกิจกรรมเพื่อความเข้าใจและฝึก
(Intake-Using It)
Using 1
1. แจก Task2 ให้นักเรียน  จากนั้นอธิบายคำสั่งโดยให้นักเรียนวาดรูปกีฬาที่ตนเองเคยเล่น แล้วเขียนบรรยายใต้ภาพ
2. ครบ 15 นาที ให้นักเรียนนำภาพของตนมานำเสนอหน้าห้อง
3. เก็บผลงานนักเรียนเพื่อนำไปจัดบอร์ด 
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมตามที่ครูกำหนด

2. นักเรียนแต่กลุ่มค้นหาบัตรคำ แล้วนำไปเติมลงบนชาร์ตหน้าห้องเรียน

 

 

1. จับคู่กัน แล้วฝึกถาม-ตอบ โดยใช้โครงสร้างประโยคและคำศัพท์ที่เรียน

2. นักเรียนฝึกถาม- ตอบ
3. นักเรียนออกไปนำเสนอหน้าห้อง

 


1.  ฟังคำสั่ง แล้วทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย


2. นำเสนอภาพของตนเอง

3. นักเรียนส่งผลงาน

 

Teacher Student
Using 2
1.แจก  Task 2  ให้กับนักเรียน หลังจากนั้นครูให้นักเรียนคิดกีฬาที่ตัวเองเคยเล่นแล้ว ถาม- ตอบ โดยใช้บทสนทนากับเพื่อนในห้อง เช่น
Q: Have you ever tried judo?
A: Yes, I have / No, I have not
2. ครูสุ่มตัวแทนออกมาหน้าชั้น เพื่ออธิบายให้เพื่อนฟังว่ามีคนเคยเล่นกีฬาประเภทนี้กี่คน  และใครบ้างที่เคยเล่น
Using 3
1. แจก Task 3 ให้กับนักเรียนแต่ละคน  โดยครูมอบหมายงานให้นักเรียนสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษหรือชาวต่างชาติ แล้วเขียนบันทึกบทสนทนาลงใน Task 3
2. ให้นักเรียนนำข้อมูลที่ได้มาเสนอหน้าชั้น
 
1. นักเรียนถาม ตอบโดยใช้คำถาม  แล้วจดบันทึกลงใน Task 2

 

2. ตัวแทนออกมาอธิบายให้เพื่อนฟังว่ากีฬาแต่ละชนิดมีคนเคยเล่นกี่คน  และใครบ้างที่เคยเล่นกีฬาประเภทนั้น

1. นักเรียนสัมภาษณ์อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ หรือชาวต่างชาติ แล้วบันทึกข้อมูล


2. นำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์มานำเสนอหน้าชั้น

 

 

 

6. การวัดผลและประเมินผล

ทักษะที่จะประเมิน วิธีการประเมิน เครื่องมือประเมิน
1. ความสามารถในการพูดสื่อสาร
2. ความสามารถในการพูดบทสนทนา
 1. สังเกต Task 1

2. สังเกต Task 2  1. แบบประเมินทักษะการพูด

2. แบบประเมินทักษะการพูดสนทนา

7. กิจกรรมเสนอแนะ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………….
 8. ความคิดเห็นของผู้บริหาร
................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................


9. บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
 9.1 ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
 ...........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
9.2 ปัญหาและอุปสรรค
 .............................................................................................................................................................................................................................................................................. 
9.3 ข้อเสนอแนะ
 .......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

 

 

Text

Listening 

 

 

 

 

 

Work sheet 1
Word Search Puzzle

KARATE     SCUBA DIVING
WINDSURFING    HANG GLIDING
WEIGHT TRAINING    JUDO

The words hidden in this gird may run horizontally from left to right and vertically from top to bottom.

M N H F Z J S B W I C A L D H
C L X K V Q W K E P R S O V A
W I N D S U R F I N G Z Y M N
G P A E T H K O G P S U L S G
Z F S Y X W E P H B V D M C G
V T C O M L K S T A B E L I L
A W U E Y M X N T W S F R D I
Q S B X B L G Y R Q P T W S D
M N A D R F B K A R A T E O I
T P D S L I Y P I N Q A S B N
V N I B C X U L N G R O N Y G
T B V D D T E P I D N Y T R P
C Y I J U D O R N W P A I R Y
W U N R W K L O G G O H T U K
A N G F S M T Y M A Y C A T R


 

 

 

 

 

 

Task 1
Draw a picture of yourself and describe about the sport that you have ever tried.

 

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

Task3
Interview English Teacher or foreigner and write the report card.

 

 

ที่มา  :  ษมาศิริ  โชติกลาง


ตอบคำถามที่ 2. วิธีสอนแบบ B-SLIM  มีวีการวัดและประเมินผลอย่างไร

 

 

 

บรรณานุกรม
ธูปทอง   กว้างสวาสดิ์.  (2544).  สัมมนาหลักสูตรการสอนภาษาอังกฤษ.  มหาสารคามคณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สุมิตรา  อังวัฒนกุล.  (2540).  กิจกรรมการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร.  กรุงเทพฯ :
   ภาควิชามัธยมศึกษา  คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

 

ที่มา  ษมาศิริ  โชติกลาง.  (2546)

 

 

 


แผนการจัดการเรียนรู้แบบ B- SLIM
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ/วิชา ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5
Unit : Places
Topic : Places for Vacation
                                                                        เวลา 2 ชั่วโมง


1. จุดประสงค์
1.1 จุดประสงค์ปลายทาง : ฟัง พูด อ่าน เขียน เกี่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดได้
1.2 จุดประสงค์นำทาง :
1.2.1 พูดและบอกความหมายคำศัพท์ได้
1.2.2 ฟังบทสนทนาเรื่อง Vacation in South Africa แล้วตอบคำถามได้
1.2.3 อ่านบทอ่านเรื่อง Touring the World แล้วตอบคำถามได้
1.2.4 อ่านไดอารี่ The great time in Prague แล้วเติมกริยาในช่องว่างได้ถูกต้อง
1.2.5 ถาม-ตอบเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจโดยใช้โครงสร้างที่เรียนมาได้
1.2.6 ถาม-ตอบเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดของตนเองโดยใช้โครงสร้างที่เรียนมาได้

2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
     ต.1.1.1.2 อ่านออกเสียงบทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการอ่านเสียงและเหมาะสมกับเนื้อหาที่อ่าน
     ต.1.1.2.4 ใช้ภาษาเพื่อแสดงความรู้ของตนเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต พร้อมทั้งให้เหตุผล โดยใช้ประโยชน์จากสื่อสารการเรียนทางภาษาและผลจากการฝึกทักษะต่างๆ รวมทั้งแสวงหาวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับตนเอง
    ต.1.1.3.1 นำเสนอข้อมูล เรื่องราว รายงานเกี่ยวกับประสบการณ์หรือเรื่องทั่วไป
    ต.2.2.1.1 ใช้ภาษาและท่าทางในการสื่อสารได้เหมาะสมกับระดับบุคคล กาลเทศนะและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
    ต.3.3.1.2 ใช้ภาษาอังกฤษในการแสวงหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นเพื่อขยายโลกทัศน์จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายในรูปแบบต่างๆ
    ต.4.4.1.2 ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในรูปแบบต่างๆกับบุคคลในสถานศึกษาและชุมชน
    3.    เนื้อหา
   3.1 Vocabulary: scenery, fantastic souvenirs, vocation, wildlife, mine
     3.2 Structure:        Past Simple Tense
        How was your vacation to ….(places)…..?
        It was ……….
         Example: How was your vacation to South Africa?
        It was great.
                             
                           Where did      you         go?
             he / she
                                                 they
    
                       I
                      He/She        went to …(places)…..
                     They
           
 3.3 Function: Asking and answering vacation (use past simple tense).

4.  สื่อการเรียนรู้
4.1 CD บทสนทนา
4.2 Power point
4.3 Text 1, 2, 3
4.4 Task 1
4.5 Exercise 1, 2


5. กิจกรรมการเรียนการสอน

ครู นักเรียน
ขั้นทำความเข้าใจ
1.แจก Text 1 คำศัพท์ scenery , fantastic , souvenir , vacation , wildlife , mine
2.ใช้ Power Point สอนคำศัพท์และอธิบายความหมายให้นักเรียนฟัง

1.แจก Text 2 ให้นักเรียน ครูอธิบายโครงสร้างการใช้ Past Simple Tense เช่น How was your vacation to ...(places)…? / Where did you, he/she, they go?


1.แจก Text 3 ให้นักเรีย

คำสำคัญ (Tags): #b-slim model
หมายเลขบันทึก: 332176เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2010 09:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ดีเยี่ยมค่ะ
  • มีทฤษฎีการเรียนรู้ที่ชัดเจน
  • เป็นกำลังใจ  จะติดตามอ่านต่อไปนะคะ

นำเสนอทฤษฎีการเรียนรู้ที่น่าสนใจได้ละเอียดชัดเจนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท