Special Colorful Korea เที่ยวแดนกิมจิเทศกาลปีใหม่ไทย (ตอนที่ 3)


กิมจิสูตรเด็ดและฮันบกชุดประจำชาติเกาหลี วิวสวยบนหอ Seoul Tower

กิมจิสูตรเด็ดและฮันบกชุดประจำชาติเกาหลี  / สวนสนุก Everland / 
ชมวิว ณ หอสูง
Seoul Tower

หลังอาหารเช้าออกเดินทางไปกิมจิแลนด์  เล่ากันว่า กิมจิเกิดขึ้นในสมัยโซซอน ( Choson) ชาวบ้านเก็บผักสดมาหมักไว้ในไห เก็บไว้กินทุกฤดูกาล  ชาวเกาหลีใส่กิมจิในอาหารทุกชนิด  นิยมทำกิมจิกินเองที่บ้าน สูตรจึงแตกต่างกันไป กว่า 100 ชนิด  ใช้เวลาทำไม่ถีง 10 นาทีเพราะมีเครื่องปรุงและเตรียมผักให้เรียบร้อยแล้ว  ต่อจากนั้นก็ให้ไปชิมของว่างที่มีกิมจิเป็นส่วนประกอบและนมโสม  ใครจะสั่งกิมจิกลับบ้านก็สั่งได้เลย  เขาจะนำไปส่งที่สนามบินในวันกลับ ราคาถุงละ 5000 วอน ( 1000วอน=44บาท) 

            

       

ไกด์ไล่ต้อนให้ไปใส่ชุดประจำชาติเกาหลีที่มีชื่อว่าฮันบก  ชุดฮันบกมีหลายรูปแบบ  ทั้งแบบผู้สูงอายุ 
สาวใหญ่และสาวน้อย  ขุนนาง  เสนาบดี  รุมกันแย่งชิงชุดสวยๆ กันอย่างสนุกสนาน  เราเองได้ใส่ชุด
ของผู้มีระดับโดยไม่ตั้งใจ  เลือกแต่สีไม่ได้คำนึงเรื่องอื่นจึงดูภูมิฐานสมตัว(แก่สมใจ)   กรุ๊ปเรามีผู้ชายอยู่
4 ท่าน  จึงต้องมีการขอยืมตัวกันหน่อย   ผู้ชายยิ่งหายาก  ยิ่งชายแท้เพศเดียวนี่ยิ่งหายากแท้ๆเชียว 

      

 

      

  ต่อจากนั้นก็ไปลุยไล่สตรอเบอรี่  เก็บสตรอเบอรี่สดๆจากไร่กันเลย   การปลูกสรอเบอรี่จะปลูกสลับกับโสม 
คือจะปลูกโสมอยู่ 6
ปีถึงจะได้คุณภาพ แต่ดินจะเสียมากเพราะโสมจะดูดซับแร่ธาตุดีๆ ไปหมด ต้องปลูก
สตรอเบอรี่เรียกความสมบูรณ์คืนอีก 6
ปี  การปลูกโสมรุ่นหนึ่งจึงใช้เวลานานถึง 12 ปี ราคาโสมจึงสูงมาก
ไกด์ย้ำว่าเก็บสตรอเบอรี่ได้คนละ 5
ผลเท่านั้นนะ  และให้นำมารับประทานข้างนอก  ปกติเขาจะไม่ฉีดสาร
ต่างๆ ถามว่ากินเลยโดยไม่ล้างได้ไหม  ตอบได้ว่ายังไม่มีใครเป็นอันตรายจากการกินสตรอเบอรี่ที่ไม่ได้ล้าง 
ฟังดีๆ มีนัยสำคัญนะเนี่ยยยย    มีกี่คนนะที่อดใจไม่เด็ดชิมระหว่างทางโดยไม่รวมกับ
5 ผลที่กำหนด 
ไกด์ตะโกนหยอกล้อถามมาจากด้านหน้าแปลงสตรอเบอรี่ที่มีพื้นที่ยาวลึกลงไปด้านในว่าได้สตรอเบอรี่
ครบหรือยัง   เราตอบไปว่า  ได้ครบแล้วแต่ยังไม่อิ่มจ้า    ระหว่างเดินทางกลับไปที่รถ  พบคนงานอยู่ 4-5
คน
เขาทักทายสวัสดีเป็นภาษาไทย  เราเลยถามกลับว่าใช่คนไทยหรือเปล่า คำถามนี้ความหมายคนละ
แบบกับนักวิชาการ/นักการเมือง ที่ถามอดีตนายกทักษิณว่า คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า
? ถึงได้ทำร้าย-ทำลาย
ประเทศชาติแสนสาหัสขนาดนี้   สรุปพวกเขาก็คือคนไทย  มาทำงานที่นี่ได้ 6
ปีแล้ว  ไม่ได้รับการต่อวีซ่า
จึงกลับประเทศไทยไม่ได้  คือจะกลับก็ได้แต่ไม่มีโอกาสได้กลับมาทำงานที่นี่อีกเพราะเขา
Backlist ไว้แล้ว 
รายได้เดือนละ 6
หมื่นบาท  มีที่พักและแก๊สให้ใช้  หักค่าใช้จ่ายก็เหลือ 5 หมื่นบาท ก็ต้องคิดหนักกันหน่อย
เพราะหากกลับไปประเทศไทยความรู้ระดับนี้จะหารายได้งามๆ แบบนี้ได้ที่ไหน  ข้าราชการอย่างเรายังได้ไม่
ถึงเลย  ให้กำลังใจไปว่า  อดทนเพื่ออนาคตก็แล้วกัน   

      

   อาหารกลางวันคือคาลบี้  หมูย่างเกาหลี เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงทั่วโลก รสชาติออกหวานกลมกล่อม
นำหมูที่ติดกับกระดูกไปย่างบนเตา  เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆและเครื่องเคียงต่างๆ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและน้ำซุป
สาหร่าย เวลารับประทานใช้ผักห่อคล้ายเมี่ยงคำของไทย จากนั้นไป
Everland Resort  สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่
ที่สุดของเกาหลี  ตั้งอยู่กลางหุบเขา  ฝนฟ้าช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลยตกทักทายแขกเหรื่ออย่างเราได้ไงเนี่ย 
ซ่ำแซะ ปรอยๆ ได้เป็นนานสองนาน  ส่งผลให้เกิดแฟชั่นชุดกันฝนอย่างที่เห็น ๆ เครื่องเล่นหลายชนิดพาลปิด
บริการ แม้แต่กระเช้ารับ-ส่ง นักท่องเที่ยว  ขาเที่ยวมืออาชีพอย่างเราหรือจะยอมแพ้  ดั้นด้นลงไปถึงสวนทิวลิป
และนั่งรถไฟวนรอบสวน   ได้ถ่ายภาพเล่นเล็กน้อย  และแวะชมสัตว์ป่าแอฟริกาใต้อยู่โซนหนึ่ง  ได้เท่านั้น
จริงๆ เพราะกว่าจะไต่จากเนินเขาลงไปได้เล่นเอาลิ้นห้อย  ขาลากไปตามๆกัน 

            

   จากนั้นขึ้นรถไปตะลุยต่อที่เขานัมซาน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล  สูง 247 เมตร และมีหอ Seoul Tower
เป็น 1ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูง 480 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลกว่าจะตะกายขึ้นเนินด้วยขา
และเท้าทั้ง 2
ข้างไปสู่จุดที่ตั้งของ Cable car เล่นเอาแทบขาดใจเนื่องจากความปวดร้าวที่วิ่งแล่นผ่านกล้ามเนื้อ
จากปลายเท้าขึ้นสู่ต้นขาเป็นระลอกๆ  เพราะเพิ่งผ่านศึกจากการไปสวนสนุกมานั่นเอง   ไกด์บอกว่าใครไม่ไหว
ก็ให้รอที่รถ  เรื่องอะไรจะยอมแพ้เล่า  นี่เป็น
Highlight ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน  จึงประคองสังขารไปเรื่อยๆ
จนถึงที่หมายและ ได้ขึ้นไปชมทัศนียภาพด้านบนที่ต้องเพ่งสายตามองเนื่องจากหมอกและละอองไอน้ำที่รวมตัว
กันอย่างหนาแน่น มีระยะทางเขียนบอกว่าตรงจุดนี้ห่างจากเมืองใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงทั่วโลกกี่กิโลเมตร 
อย่างกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเราก็ห่างเพียงแค่  3713.49  กิโลเมตรเองค่ะ   ซื้อกาแฟเย็นราคา 4000
วอน
(กาแฟร้อนขายราคา 3000
วอน ) ดื่มข้างบนในหอสูงก็ชื่นใจดี  แต่พอลงมาด้านล่างบริเวณ Teddy Bear Shop
ทำเอาหนาวสะท้านถึงทรวงใน  ชาวเกาหลีบางส่วนเชื่อว่าตนเองสืบเชื้อสายบรรพบุรุษมาจากหมีเลยยกย่องหมี
เล่ากันว่า  มีเสือกับหมีอยากเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จึงไปขอพรจากพระเจ้า  พระเจ้ากำหนดข้อ
ตกลงว่าต้องไปบำเพ็ญตะบะถือศีลอยู่ในสถานที่ที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง
เป็นเวลา 100 วั  ห้ามกินเนื้อ และให้
กระเทียมไป 21
กลีบและผักโขมอีก 1 มัด   เสือกับหมีจึงไปบำเพ็ญตนในถ้ำ กินผักและกระเทียม  เสืออยู่ได้แค่
3 วันก็ทนไม่ได้หนีออกมาข้างนอก  แต่หมีทนได้นานถึง  21 วัน  และออกมาเช่นกัน พระเจ้าได้มาพบกับสัตว์
ทั้งสอง และเห็นว่าหมีมีความอดทนจึงเสกให้เป็นมนุษย์สวยงาม และมีวิชารักษาโรคให้กับมนุษย์    อยู่ต่อมา
หมีอยากมีบุตร แต่ไม่มีใครยอมเป็นคู่ด้วย  พระเจ้าก็เลยสละตนเองมาอยู่ด้วยมีบุตรชายชื่อ ฮวาน และเป็น
บรรพบุรุษของชาวเกาหลีนั่นเอง   คณะของเรามาย้อนละครดังของเรื่อง
My Name is Kim Sam Soon  และ
ด้านข้างของ
Teddy Bear Shop มีที่ให้นั่งเล่นทั้งด้านนอกอาคารและในอาคาร  ประดับประดาด้วยกุญแจอัน
หลากหลายที่หนุ่มสาวพากันมาคล้องไว้ ณ สถานที่นี้  โอ้โฮ
…..คราวหน้าต้องพาหนุ่มมาคล้องกุญแจ
เสียหน่อยครั้งนี้พลาดได้ไง 
555555
    อาหารเย็นเป็นบุฟเฟ่ต์  ขาปูยักษ์ และอาหารทะเลอื่นๆ รวมทั้งอาหารญี่ปุ่นด้วย  มีมากมายหลากหลาย
เสียจนชิมไม่ทั่ว อร่อยถูกปากที่สุดหลังจากกินหมูมาหลายตัวแล้ว  เราไปพักโรงแรมระดับ
5 ดาว + ก็งั้นๆ
แหละ  ห้าดาวบ้านเขาไม่ต่างจาก
3 ดาวที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ ห้องก็แคบกว่า แค่มีเสื้อคลุมเพิ่มเท่านั้นแหละจ้ะ
นอกนั้นก็  Same Same !ไม่แตกต่างสักเท่าไหร่  กว่าจะอาบน้ำนอนก็เกือบเที่ยงคืน  ขืนอดนอนบ่อยๆ
และใช้พลังงานมากเกินมีหวังสุขภาพทรุดโทรมผอมแย่เลย   สาวอื่นๆต้องคอยระแวดระวังไม่ให้อ้วน  
แต่สาวอย่างเราต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ผอมค่ะ  

            

 

            

 

 

 

http://jkdramas.com/kdramas/06/MyNameIsKimSamSoon/index.htm

หมายเลขบันทึก: 256464เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 22:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2012 02:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท