บันทึกชุดนี้ทั้งชุด ติดตามได้ที่นี่
ที่ผ่านมา ผมเจตนาไม่แวะไปเรื่องการแก้ไขปัญหาโลกร้อนครับ มีหลายสาเหตุครับ
ปัญหาโลกร้อน เริ่มมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกเป็นก๊าซที่ประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอน ไฮโดรเจน และ/หรือออกซิเจน ก๊าซเหล่านี้ เพิ่มปริมาณขึ้นมากมาย เนื่องจากการเผาไหม้ เปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีของเชื้อเพลิงให้เป็นก๊าซ เพื่อให้เราเอาพลังงานไปใช้; การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลอันได้แก่น้ำมัน และการผลิตปิโตรเคมีต่างๆ
การแก้ไขภาวะโลกร้อน พูดง่าย แต่ทำยาก ในเมื่อต้นเหตุคือก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ วิธีแก้ไขก็คือเอาก๊าซเรือนกระจกออกจากบรรยากาศ; การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน ฯลฯ เป็นการบรรเทาปัญหาไม่ให้รุนแรงกว่าในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศลงเลย แต่ทำให้อัตราการเพิ่มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปในบรรยากาศน้อยลง ถึงยังไงก็ยังดีกว่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตั้งหน้าตั้งตาทำลายโลกต่อไป
เนื้อไม้ประกอบด้วยเซลลูโลส (C6H10O5)nโดยที่คาร์บอนในเซลลูโลส พืชได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงโดยดูดคาร์บอนไดอ็อกไซด์มาจากบรรยากาศ
พืชเอาคาร์บอนไดอ็อกไซด์จากอากาศ น้ำจากราก แสงแดดจากดวงอาทิตย์ มาสร้างกลูโคส (ก่อนนำกลูโคสไปสร้างเป็นเซลลูโลส) คายออกซิเจน และน้ำออกมาทางใบ
ถ้าเผาไม้ คาร์บอนที่พืชเก็บไว้ในรูปของเซลลูโลส ก็จะถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศในอัตรา ไม้แห้ง 1 ตัน ปล่อยคาร์บอนไดอ็อกไซด์ออกมา 1.833 ตัน
ในทำนองกลับกัน การปลูกต้นไม้ที่มีน้ำหนักไม้แห้ง 1 ตัน ก็จะดูดคาร์บอนไดอ็อกไซด์จากบรรยากาศเข้าไป 1.833 ตัน
นี่เป็นที่มาของการปลูกต้นไม้สามารถนำไปเคลมคาร์บอนเครดิต (และขึ้นเงินได้) ในบันทึกโลกร้อน (2.3.1)
จะปลูกอะไรก็ดีทั้งนั้น ตราบใดที่ไม่เผา
แต่เมื่อมองอรรถประโยชน์โดยรวมแล้ว ไม้ยืนต้นที่มีน้ำหนักมาก อายุยืนยาว จะดีกว่าไม้เล็ก ไม้ล้มลุก ซึ่งมีโอกาสถูกเผาทำลายมากกว่า
อ้าปากรอก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลอยมาเข้าปากแบบนางสวาหะ (แม่หนุมาน) ไม่เวิร์คครับ ไม่เวิร์ค
สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงคอนดักเตอร์
แวะมาด้วยความคิดถึง กอดดดดดดดดดดดดด โลกร้อน เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 55555555555+++ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --->น้องจิ ^_^
เครียดเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ปลูกต้นไม้เป็นเรื่องส่วนรวมครับ
ว่าแล้วก็ลิงก์บันทึกพี่หมอเจ๊มาไว้ในบันทึกผมเลยครับ
ทำอย่างนี้เป็นปกติ อิอิ เป็นการเชื่อมโยงความรู้ ซึ่งตามความเห็นผมคิดว่าใน GotoKnow นี้ยังไม่ค่อยทำกันทั้งๆที่เป็นเว็บ KM แท้ๆ เราไปพึ่งคำสำคัญ แต่ก็ไม่ได้มีการตกลงกันก่อนว่าจะใช้คำอะไร เลยทำให้ตั้งกันได้ตามสบาย ความรู้ไม่รวมกันเป็นหมวดหมู่
ขำค่ะ "อ้าปากรอก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลอยมาเข้าปากแบบนางสวาหะ (แม่หนุมาน) ไม่เวิร์คครับ ไม่เวิร์ค" กะว่าจะทำอยู่แล้วเชียว..ฮ่าๆๆๆ กลัวมีหนุมาน..อิอิ
ปลูกต้นไม้ดีกว่า..โครงการระหว่างคิด..อีกเดี๋ยวกลับเมืองไทยจะไปดำเนินการ ^ ^
ปลูกต้นไม้ที่บ้านแล้วค่ะ ... อ.ตุ๋ย คิดโครงการออกแล้วบอกด้วยนะค่ะ...เผื่อสามารถร่วมด้วยช่วยกันค่ะ... ^_^
ไม่ลอง ไม่รู้ครับ (แต่ไม่ต้องลองอ้าปากแบบนั้น)
อยากปลูกต้นไม้เหมือนกัน ทำมั้ย ทำเลย ไม่ค่อยอยากพูดโน่นนี่มากมาย ยังไปปลูกที่อื่นไม่ได้จะลองปลูกหน้าออฟฟิศตัวเองก่อน มีสวนสาธารณะอยู่
มีอีกโครงการที่พาเด็กๆ ไปปลูกป่าชายเลน ถ้าสนใจจะเอามาเขียนสั้นๆ ให้อ่าน ดีเหมือนกันนะ ผู้ใหญ่ก็ได้ปลูกด้วย มีพันธุ์ต้นไม้เตรียมให้เรียบร้อย มีคนดูแลต่อเนื่อง
ทำเลยครับ เรื่องนี้ ไม่ต้องคิดมาก ผู้ใหญ่นั่นแหละ เงื่อนไขเยอะ เหตุผลเยอะ ในที่สุดก็คิดมากจนไม่ทำเรื่องที่ต้องทำ เรียกว่าฉลาดเกินไป
เมื่อปี 1999 เด็กเกรด 8 ประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์แล้วชนะ (แม้จะสร้างไม่ได้จริง) โดยจะดักจับคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในอากาศเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (คุณพ่อ) นำความคิดนี้ไปพัฒนาต่อ
ปัญหาเดิม เท่าที่จำได้จากข่าวเก่า คือความหนาแน่นของคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในอากาศปัจจุบัน "ยังไม่มากนัก" ทำให้กระบวนการเคมีปกติ ไม่มีประสิทธิภาพพอ --> แปลว่าแพงเกินไป
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ สามารถทำได้ที่ต้นทุน $30-50 ต่อตันของคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่ดูดมาจากอากาศ
ถ้า commercialize จริงๆ ก็ดีนะคะ อย่างน้อยก็เป็นหนทางหนึ่ง..แล้วก็ปลูกต้นไม้ไปด้วย.. คิดว่าวิธีการที่ไม่ธรรมชาติ ทำขึ้นมามักจะมี side effect เสมอ ... ระหว่างนี้ก็ปลูกต้นไม้รอไปก่อน ^ ^
เมื่อจะทำอะไรสักอย่างที่ต้องมีการลงทุน และใช้พลังงาน ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน จะไม่มีใครทำอะไรให้ฟรีหรอกครับ ดังนันจึงมีความคิดเรื่อง CDM และ Carbon Credit/Carbon Exchange ขึ้นมาใน Kyoto Protocol เพื่อให้ผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รับผิดชอบต่อการกระทำของตน
จำได้ว่าราคา CDM อยู่ประมาณ $100 ต่อตันของคาร์บอกไดออกไซด์ (tCO2e) ดังนั้นหากทำต้นทุนได้ที่ $30-50/tCO2e ก็จะมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ส่วน side effect ก็คือดูดมาแล้ว จะเก็บอย่างไร จะใช้พลังงานอีกเท่าไหร่ คุ้มหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งต้องไปคิดต่อ
CDM ที่ศึกษา เค้าว่าไม่ใช่ 'business as usual' เช่นลาวมีป่าเยอะ จะเอา carbon credit ไปขายตรงๆ ก็ไม่ได้ แต่จะต้องทำโครงการใหม่ที่จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศ จึงจะขาย tCO2e ได้ -- ดังนั้น หากไทยปลูกป่าโดยคัดเลือกพันธุ์ไม้น้ำหนักสูงที่โตเร็ว ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีทางเศรษฐกิจครับ
ช่วงนี้ออกแบบการปลูกต้นไม้ในที่ดอน มีกระบวนการดังนี้
หมายเหตุ
วิธีปลูกแบบนี้เหมาะกับที่ดอนเท่านั้น ไม่แนะนำให้ปลูกวิธีนี้ในที่ลุ่ม
อ้าว แล้วคนปลูกในที่ลุ่มละ จะปลูกอย่างไร?
ใครอยู่ในที่ลุ่ม ก็คิดวิธีปลูกต้นไม้ที่ดีที่สุดในที่ลุ่ม สิครับ
จะให้คนที่ดอนไปเสนอแนะ..ไม่อาจเอื้อม ครับผ๊ม อิอิ
ไม้ไผ่ เตรียมไว้เป็นหลักมัดต้นไม้ กันลมโยก
เห็นประโยชน์ของไม้ไผ่แล้วไหมละ
..ตั้งเกิดมาไม่เห็นใครขาดทุนเพราะการปลูกต้นไม้
ใครอยากมีกำไรชีวิต รีบปลูก ปลูก เดี๋ยวจะว่าหล่อไม่เตือน
มีบางประเด็นที่ผมไม่มีข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ซึ่งหากเป็นจริง คงไม่ใช่ข่าวดีนัก
ผมไม่ได้มองว่า การที่เราทำอะไร จะเป็นการช่วยโลก เพราะว่ามันใหญ่ไป ช่วยชาติ? ก็ยังใหญ่ไป ช่วยเราต่างหาก แม้ว่าเราจะคิดอย่างนั้น แต่สิ่งที่เราทำจริง ๆ ก็แค่ช่วยเรา
คงใช้เวลานิดเดียวในการอ่านบันทึกนี้
ขอบคุณครับ