การทำปุ๋ยหมัก ( Composting ) ตอนที่ 1


คนสมัยปู่ย่าตายายของเราก็รู้วิธีและทำปุ๋ยหมักกันมานานแล้ว แต่ปัจจุบันเราทอดทิ้งภูมิปัญญาพื้นบ้านแล้วหันไปพึ่งพาปุ๋ยเคมี ซึ่งก่อปัญหาอื่นๆตามมาอีก เช่นดินเสื่อมสภาพ การขาดดุลการค้า ฯ

           การทำปุ๋ยหมักก็เป็นการที่มนุษย์สังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  แล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้   คนสมัยปู่ย่าตายายของเราก็รู้วิธีและทำกันมานานแล้ว  แต่ปัจจุบันเราทอดทิ้งภูมิปัญญาพื้นบ้านแล้วหันไปพึ่งพาปุ๋ยเคมี  ซึ่งก่อปัญหาอื่นๆตามมาอีก  เช่นดินเสื่อมสภาพ  การขาดดุลการค้า ฯ
           เราสามารถทำปุ๋ยหมักใช้เองที่บ้าน  หรือแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะทั่วไปตั้งแต่ครัวเรือนเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนกับสารหรือวัตถุอันตรายต่างๆ  แล้วให้ท้องถิ่นเก็บไปทำปุ๋ยหมักที่โรงงานทำปุ๋ย (  กรณีที่ท้องถิ่นมีโรงงานทำปุ๋ยหมัก )  ก็จะสามารถลดปริมาณขยะที่ต้องเก็บ  ขนส่งและนำไปกำจัดลงได้เกือบครึ่ง  ซึ่งก็หมายถึงการลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะมูลฝอยลงได้ด้วย

ศัพท์ที่ควรทราบ
      ขยะอินทรีย์หรือขยะชีวภาพ ( Organic Waste )  คือขยะที่เกิดจากสิ่งที่มีชีวิตและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ  ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม  เช่น  เศษผัก  เศษผลไม้  เศษอาหาร  กิ่งไม้  ใบหญ้า  ดอกไม้  เป็นต้น  แบ่งออกเป็น 
      วัสดุสีน้ำตาล ( Brown material )  คือขยะอินทรีย์ที่มีสีน้ำตาล  ลักษณะทั่วไปจะแห้ง  มีองค์ประกอบของคาร์บอนมาก  ( Carbon- rich materials )  เช่น  กิ่งไม้แห้ง  ใบไม้แห้ง  ฟางข้าว  แกลบ  ดอกไม้แห้ง  หญ้าแห้ง  ขี้เลื่อย  เปลือกถั่ว  เป็นต้น
      วัสดุสีเขียว  ( Green material ) คือขยะอินทรีย์ที่มีสีเขียว  ลักษณะทั่วไปจะชื้น  มีองค์ประกอบของไนโตรเจนสูง (  Nitrogen-rich materials )  เช่น  หญ้าที่ตัดใหม่ๆ  ดอกไม้สด   เศษผักเศษผลไม้สด  ขยะจากครัว  เศษอาหาร  มูลสัตว์ เป็นต้น

                            
 
 ปัจจัยที่สนับสนุนการหมัก

       1. สัดส่วนวัสดุสีน้ำตาล : วัสดุสีเขียว
       2. อากาศ
       3. ความชื้น
       4. ขนาดของกอง  ( ช่วยควบคุมอุณหภูมิ )

ถ้าพูดในเชิงทฤษฎีก็คือ  Optimum Composting Conditions 

       1.  Carbon : Nitrogen  <> 30 : 1

       2.  Oxygen  > 5 %

       3.  Moisture   40-60 %

       4.  Temperature  90-140 F 

              
 
           ในธรรมชาติ  กองกิ่งไม้ใบหญ้าและวัสดุธรรมชาติก็จะเกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติหรือเกิดการหมักอยู่แล้ว  เช่นการที่ชาวสวนกวาดเอาใบไม้  เศษหญ้า  มาสุมที่โคนต้นแล้วปล่อยให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติ  แต่อาจใช้เวลานานหน่อย   แต่ถ้าเราควบคุมสภาพแวดล้อมให้ปัจจัยที่สนับสนุนการหมักเหมาะสมก็จะใช้เวลาน้อยลง  จะอธิบายละเอียดในตอนต่อไปครับ  โปรดติดตาม

 

 

หมายเลขบันทึก: 123183เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2007 21:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

การหมักมี ๒ วิธีใหญ่ๆครับ คือ

หมักกอง (ชื้น) และ หมักเป็นน้ำ ที่มีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน คือ

สารที่ย่อยสลายง่ายควรหมักเป็นน้ำ เพื่อไม่ให้ธาตุอาหารสูญหายได้ง่าย

แต่พวกที่ย่อยสลายยากเช่นใบไม้และเปลือกผลไม้ ควรหมักชื้นให้ย่อยสลายได้เร็ว

หรือถ้าไม่มีปัญหาเชิงสิ่งแวดล้อม ก็สามารถนำไปใช้ได้โดยตรงดดยไม่หมักจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะพลังงานที่มีจะนำไปสร้างระบบนิเวศได้ดีกว่าให้พลังงานสูญหายไปเฉยๆ ในกระบวนการหมัก

 

ขอบพระคุณ ดร. แสวง รวยสูงเนิน มากครับที่มาเยี่ยมและช่วยแนะนำ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท