Art therapy ศิลปบำบัด


บำบัดความแข็งๆ ในศาสตร์ทางด้านเทคโนฯ โดยเราหันมาทำอะไรที่เป็นศิลป์ดูบ้าง ลองลดกรอบ สลัดกรอบ ทำอะไรที่ไม่มีกรอบ ไม่มีทฤษฎี ใช้ใจทำดูบ้าง

        เสียงดนตรี ศิลปะ  สมาธิ เป็นสิ่งคู่กัน ยิ่งถ้าอยู่ในบรรยากาศที่มีป่าไม้ล้อมรอบ ผิงไฟจากกองพืน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น มีเสียงหริ่งหรีดเรไร ขับร้องเสียงประสานเป็นแบคกราวด์ แล้วจะมีความสุขแค่ไหน ถ้าเราได้ จิบเครื่องดื่ม Lกฮ. สรวญเสเฮฮา อยู่ท่ามกลางหมู่มิตรที่รู้ใจ จิบกันไป ขับร้องบรรเลงเพลงที่ชื่นชอบ อิงแอบหยอกล้อ เสียดสี หยิกแกมหยอก แล้วได้สร้างสรรค์งานศิลปะ บนผืนผ้าใบ ผ่านปลายนิ้วและจิตนาการ อันบรรเจิด จะมีความสุขแค่ไหน

Art therapy

        สิ่งเหล่านี้คือกิจกรรมที่ นิสิตปริญญาโทเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา รุ่นที่ 10 ได้พากันไปทำกิจกรรม "โครงการการจัดการความรู้สร้างสมดุลระหว่างไอที สิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ"  โดยพวกเราวางแผนกันไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการเรียน วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารการศึกษา ว่าเราจะเรียนวิชานี้อย่างมีความสุข ความสุขของพวกเราที่ได้พูดคุยกัน คือการได้ ถ่ายภาพ ร้องเพลง วาดภาพ ระบายสี

นิ้วโป้งแต้มสีแดง นิ้วชี้แต้มสีเหลือง นิ้วกลางแต้มสีฟ้า นิ้วนางแต้มสีชมพู นิ้วก้อยแต้มสีเขียว

         ผมก็เลยอาสาที่จะประสาน เชิญวิทยากร รองศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ช่วยมาจัดกิจกรรม ศิลปบำบัด นี้ให้ ฟังดูแล้ว เหมือนจะบำบัดรักษา อะไรสักอย่าง แต่ความจริงแล้วผมก็อยากจะบำบัดนิสิตเทคโนโลยีและสื่อสารเหมือนกัน คือบำบัดความแข็งๆ ในศาสตร์ทางด้านเทคโนฯ โดยเราหันมาทำอะไรที่เป็นศิลป์ดูบ้าง ลองลดกรอบ สลัดกรอบ ทำอะไรที่ไม่มีกรอบ ไม่มีทฤษฎี ใช้ใจทำดูบ้าง  

         งานนี้เราไปจัดกิจกรรมกันที่  อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว  เขื่อนแควน้อย อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก (แอบโปรโมทบ้านตัวเอง) งานนี้ต้องบอกว่าเป็นการลองของให้นิสิตเป็นคนจัดกิจกรรม โดยการผลักดันอยู่เบื้องหลังของอาจารย์ ตอนแรกๆ ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาอุสรรคอยู่บ้าง ความจริงแล้วผมก็ไปสำรวจเส้นทางมาบ้างแล้ว ทางที่จะขึ้นอุทยาน ค่อนข้างโหดพอดู แต่โชคดีหน่อยตรงที่ก่อนที่พวกเราจะไป สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดเขื่อนแควน้อย ก่อนแล้วสองวัน ทำให้เส้นทางที่เป็นร่องน้ำ รถเก๋งขึ้นไม่ได้ถูกกลบเรียบร้อยดี

ผลงานศิลปของผมและจาว่า

       งานนี้ อ.โก๋ พี่อ้าย ของห้องเทคโนฯ ประสานงานกับ พี่อิ๋ว รุ่นพี่เทคโน ป.โท คนพื้นที่ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง พี่อิ๋วก็ดีใจหาย จัดรถมูลนิธิกู้ภัยบูรพา เปิดหวอนำหน้า เปิดหวอปิดท้าย และสั่งให้รถพวกเราที่อยู่ในขบวน เปิดไฟหน้าวิ่งตามกัน เข้าไป แหมบรรยากาศช่างยิ่งใหญ่อลังการ เหมือนรถขบวนรัฐมนตรีไปทอดกฐินอะไรอย่างนั้น เสียอย่างเดียว รถที่นำหน้าดันเป็นรถมูลนิธิซะนี่ เลยรู้สึกแม่งๆ อยู่เหมือนกัน

      รถพวกเราวิ่งตามกันผ่านโค้งแล้วโค้งเล่ายิ่งใกล้ถึงอุทยานความทุรกันดาร ของพื้นถนนและฝุ่นละอองก็คละคลุ้งจนแทบจะมองไม่เห็นรถคันหน้า รถหลายคันปีนเขากระตุกดับด้วยฝีมือการขับของสาวๆ ที่ชำนาญแต่การขับในเมือง ครั้นต้องแรลลี่คลุกดินแดงแบบนี้ต้องทิ้งระยะห่างกันคันหน้าวิ่งถอยหลังพอสมควร

 

        เราถึงที่พักอุทยานเวลาโพล้เพล้พอดี นับว่านิสิตเรามีฝีมือกางเตนท์ใช้ได้ทีเดียว หลังจากกางเต้นท์ อาบน้ำอาบที่ กับอุณหภูมิที่ยังไม่เย็นมากนัก พวกเราก็มาล้อมรอบกองไฟพร้อมกันในเวลาทุ่มหนี่ง หลายคนเริ่มหน้าแดงๆ จากน้ำเปลี่ยนนิสัยไปบ้างแล้ว

         ผู้นำทีมแจกธูปให้พวกเราคนละดอก ทำพิธีขอขมาเจ้าป่า เจ้าเขา ผีสางนางไม้ ณ ที่นั้น ทำให้บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นดูศักดิ์สิทธิ

          พิธีกรหนุ่ม โก๋ เริ่มรายการอย่างตะกุกตะกัก เพราะไม่ได้เตี๋ยมกันมาว่าจะดำเนินงานอย่างไรดี สุดท้ายโยนไมค์มาที่ผม หลังจากกล่าวที่มาที่ไปของโครงการนี้แล้ว ผมก็ส่งต่อไมค์ให้กับ อ.จิรวัฒน์ ซึ่งอาจารย์ ก็ได้เริ่มโดยการแจกเฟรมผ้าสีขาวขนาด 30 x 40 นิ้วให้พวกเราคนละอัน อาจารย์บอกว่า "ตอนนี้เฟรมเป็นของเราแล้ว ให้เรารักเฟรมของเรา ใช้ใจของเราดูที่เฟรมว่าเป็นภาพอะไร" หลังจากนั้น อาจารย์ให้พวกเราหลับตาพร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ เพื่อสร้างสมาธิกับพวกเรา

       จากบทเพลงบรรเลง ติดตามด้วยเสียงเพลง ที่พวกเราคุ้นหู อาจารย์ก็แจกจานสี ซึ่งก็คือจานกระดาษ ผ้าผืนเล็กสำหรับเช็ดมือ และเทสีแดงให้พวกเรา ซึ่งแต่ละคนงงว่าแล้วไม่ได้ซื้อพู่กันมาจะใช้อะไรระบาย สุดท้ายถึงบางอ้อ นิ้วโป้งแต้มสีแดงจิ้มๆ ป้ายๆ ไปตามส่วนต่างๆ บนเฟรมหลังจากนั้น นิ้วชี้แต้มสีเหลือง นิ้วกลางแต้มสีฟ้า นิ้วนางแต้มสีชมพู นิ้วก้อยแต้มสีเขียวจนผืนผ้าใบเต็มไปด้วยสี

        ร้องเพลง จิบเครื่องดื่ม หยอกล้อกันไป จนพวกเราได้ภาพศิลปตามจินตนาการ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายคนประทับใจว่าไม่เคยคิดว่าตนเองจะทำงานศิลปะ ได้ เพราะตอนเรียน ศิลปะ วาดภาพ ตกแล้ว ตกอีก แต่ตอนนี้ อ.จิรวัฒน์ ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ว่า ศิลปะเป็นอะไรที่ใช้ใจในการทำก็จะเป็นเรื่องง่าย

 
หมายเลขบันทึก: 227025เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2008 10:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • เป็นกิจกรรมที่เยี่ยมจริงๆ...ดนตรี ศิลปะ สมาธิ นั่นสินะ ชีวิตทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อยู่แต่หน้าจอคอม และเสพข่าวสารผ่านสื่อ
  • ต้องหาโอกาสไปอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติบ้างน่าจะดี
  • แต่พี่ว่าน้องจาว่า มีแววเป็นศิลปินนะจ๊ะ
  • แวะมาเรียนรู้ครับ ศิลปบำบัด
  • เราเชื่อมโยงกันอีกครั้งจาก UKM8 สู่ จิตตปัญาศึกษา นะครับ
  • ยังคิดถึงงาน แสงสีเสียง ที่อุทยานประวัติศาสตร์ ครับ
จิตรินทร์ แก้วเหลี่ยม

*****ดูภาพบรรยากาศการเดินทางนะคะ http://jitarin.multiply.com/photos/album/4/4

วัชรินทร์ (แหม่มเล็ก เทคโนฯ 10 )

เข้ามาเยี่ยมอาจารย์ค่ะ จะได้ไปอัพเดรต bl0g ตัวเองบ้าง

ขอขอบคุณอาจารย์นะค่ะที่ให้ความรู้ในวิชานี้ ได้อะไรที่หลากหลาย

แล้วก็ happy โดยเฉพาะวาดภาพตามเพลงท่ามกลางธรรมชาติ..

แวะมาเยี่ยมอาจารย์ครับ ผม ป.โท เทคโนฯรุ่น 2 รุ่น อายัติ จรัญ ไพฑูรย์) เห็นภาพกิจกรรมแล้วนึกถึงความหลังครับ จะหาโอกาสจะไปเยี่ยมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท