ฉันชอบอ่านวรรณคดีไทย วรรณคดีไทยหลายต่อหลายเรื่อง ที่ผู้ประพันธ์บรรยายถึงความรักระหว่างแม่กับลูกได้ซาบซึ้งกินใจ จนบางครั้งสามารถเรียกน้ำตาจากผู้อ่าน อย่างเช่น ความรักของนางจันเทวีที่มีต่อพระสังข์ หรือแม้แต่แม่ที่เป็นนางยักษ์อย่างนางพันธุรัต ที่มีต่อพระสังข์ จนต้องขาดใจตายในวันที่พระสังข์จากลาไป ความรักของพระนางมัทรี ที่มีต่อกัณหาชาลี เป็นต้น ถ้าได้อ่านแล้วจะรู้สึกซาบซึ้งใจในความรักของแม่
วรรณคดีอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงความรักความผูกพันระหว่างแม่ลูก และมีบทกลอนติดอันดับวรรคทอง ที่หลายคนคุ้นหู จนจำกันได้ดี คือเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม เมื่อพลายงามถูกขุนช้างลวงไปฆ่า บทนี้ค่ะ
ผู้ประพันธ์ได้บรรยายถึงความรู้สึกของนางวันทองไว้ดังนี้ค่ะ
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป
โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด
พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย
ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
ฤาล้มตายควายขวิดงูพิษขบ
ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว
ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน
จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน
เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด
เสียงจิ้งหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลัง
ฤาผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุราร่ำว่าครบ
ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย
โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท
ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา
สกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า
โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ
ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแว่วแว่วแจ้วเสียงสำเนียงเรียก
นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง
เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว
แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช
แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป
เจ้าพลายงานผู้เป็นลูก ก็แสนจะเศร้าใจ เมื่อต้องจากแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก ๆ โดยผู้ประพันธ์ได้บรรยายถึงความรู้สึกของพลายงามผู้เป็นลูกไว้ดังนี้ค่ะ
เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่
ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย
ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก
ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ
ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน
จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน
เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว
แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ
นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน
อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย
จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ
เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน
จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก
ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย
แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น
แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์
โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
ท่านหล่ะ ประทับใจความรักของแม่จากวรรณคดีไทยเรื่องใดบ้างคะ นำมาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะคะ
แด่แม่
ก๊อต จักรพรรณ์ อาบครบุรี
แม่มีพระคุณ อุ่นในหัวใจ
โลกนี้ไม่มีแล้วใคร เหมือนดังแม่
ความรักใครไหนที่ว่าแน่
ยังไม่เที่ยงแท้
รักของแม่เสมือนทอง
แม่มีน้ำใจใหญ่เกินนที
เปี่ยมขลัง ด้วยความหวังดี
ล้นเต็มห้อง
อันทุกข์ภัย ไหนจะมาต้อง
ทรวงแม่กั้นผอง
ทุกข์ภัยมิให้บีฑา
แผ่นดิน ยังมีถึงที่สิ้นสุด
มหาสมุทร ยังมีฝั่งกักขังคงคา
อันพระคุณแม่ ประดุจดังห้วงเวหา
ไม่มีขอบฟ้า
เขตสวรรค์ กั้นรักจากแม่
แม่คือพระพรหม อุดมพระคุณ
เสมือนร่มโพธิ์ค้ำจุน
หนุนนำเผื่อแผ่
คุณของใคร ไหนเกินคุณแม่
บริสุทธิ์เที่ยงแท้
รักแม่ต้องกตัญญู
แม่คือพระพรหม
อุดมพระคุณ
เสมือนร่มโพธิ์ค้ำจุน
หนุนนำเผื่อแผ่
คุณของใคร ไหนเกินคุณแม่
บริสุทธิ์เที่ยงแท้
รักแม่ต้องกตัญญู
ความรักลูกของพระนางมัทรี
“ขึ้นชื่อว่าบุตรเป็นที่สุดแสนเสน่หาถึงชั่วช้าประการใด ใจสามารถเป็นหนามเสี้ยนเบียดประชาราษฎร์ควรห้ามเฝ้า จะตัดจากลูกเต้านั้นไม่ขาด เกล้ากระหม่อมเหมือนฝ่าละอองธุลีพระบาทก็คงจะตัดพระลูกขาดได้คล่อง ๆ ... ข้ามัทรียังมีอาลัยเป็นล้นพ้นกว่าจะเลี้ยงได้ตะละคน ๆ สุดแสนยาก ทูลกระหม่อมจะมาพรากไปจากอก ดั่งจะหยิบยกเอาดวงใจไปจากกาย”
ขอบคุณพี่อิงนะคะ ขอมาฝึกร้องเพลงนี้ด้วยคนค่ะ
สวัสดีค่ะตาล
วันนี้จะนอนดึก รอชมสวางามไทยแลนด์เวิล์ดค่ะ เพลงะของก็อตเคยฟังและเคยนึกชอบนะคะ ดูอบอุ่นดี
คิดถึงค่ะ