๑๖.ความสงสัย


                 ช่วงปิดเทอมฤดูแล้ง สมัยเรียน ม.๓-๖ มีโอกาสไปช่วย

ปู่ขาบ สุชาติวุฒิ สามีของพี่สาวปู่ผม  บดยาด้วยโกร่งราง ซึ่งเป็นเครื่องบดยาแบบโบราณบ้าง  เป็นบางโอกาส      

               

                              (ภาพจาก Food memo.blogspot.com)

             ปู่ขาบเป็นหมอสมุนไพรพื้นบ้านชนบท ที่เชี่ยวชาญการผลิตยาแก้ลมวิงเวียน จำหน่ายแถบจังหวัดชัยนาท/บ้านไร่ อุทัยธานีเมื่อหลายปีมาแล้ว ทำให้ผมซึมซับและพอจะรู้จักต้นไม้ใบหญ้าเพิ่มขึ้น กว่าที่ควรจะเป็นโดยทั่วไป

         ต้นไม้บางชนิด เขียนในตำรายาเพียง๑ ชื่อ.. แต่ปรากฏว่า มีชื่อเรียกพ้องกันมากมายหลายชนิด...ถ้าไร้ซึ่งประสบการณ์ ด้านการปรุงยาชนิดนั้นๆ  จะทำให้ผิดต้น ผิดสรรพคุณ..ไปเลยทีเดียว

          คงเหมือนกับคนเรา..ที่จะต้องมีชื่อ มีนามสกุล  แต่ก็ไม่วายที่จะซ้ำกัน เช่นชื่อนายเสนาะ เทียนทอง ในประเทศไทย มีตั้งหลายคน..เป็นต้น

         ดังนั้น งานธุรกรรมและนิติกรรมบางเรื่อง จึงจำเป็นต้องใช้การพิมพ์ลายนิ้วมือประกอบด้วย...

          ต้นไม้ก็เช่นเดียวกัน..ครับ  ชื่อภาษาไทย ภาษาอังกฤษ  ก็มีชื่อพ้องกันมากมาย การจะแยกชนิดต้นไม้ ไม่ให้ผิดต้น ผิดชนิดก็คือ การกำกับด้วยชื่อวิทยาศาสตร์ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ต้นไม้ชนิดนั้นๆ มีชื่อพ้อง/ซ้ำกัน

          เมื่อพูดถึงเรื่องนี้  ทำให้นึกถึงคุณณัฐรดา กัลยาณมิตรที่แสนดีชาวGotoknow ท่านได้กรุณา เผยแพร่ต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา ที่ผมไม่รู้ประสาเลย ว่ามีอะไรบ้าง จนเมื่อคุณณัฐรดาเติมให้ จึงรู้และสว่างขึ้นมา.....

           แต่ก็นั่นแหละ..เกิดอาการสงสัยขึ้นมา ๒ ประการ อีกจนได้คือ

          ประการแรก ต้นไม้ ที่บอกกล่าวในพุทธศาสนา บอกเลิศนัยอะไรหรือเปล่า..เพราะผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งกับกุศโลบายบรรพชน..ก็คือ ความเนียน ลุ่มลึก แฝง ซ่อนเร้นได้อย่างละเมียด ละมัยยิ่งนัก เช่น..กำลังจะบอกถึงสภาพความเป็นอยู่ การทำมาหากินของประชาราษฏร์และสุขภาพร่างกายของพุทธองค์..หรือเปล่า..

          ประการที่ ๒ ต้นไม้ในพุทธศาสนา..เป็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน กับที่มีชื่อเรียก อยู่ในปัจจุบันหรือไม่...มีชื่อพ้อง/ซ้ำกัน แต่เป็นต้นไม้คนละชนิด..ใช่หรือไม่..

           หากต้นไม้นั้น..เป็นชนิดเดียวกัน..ผมคิดเลยเถิดไปว่า..น่าจะบอกสุขภาพร่างกายของพุทธองค์แต่ละช่วง.ว่าเป็นอย่างไรได้บ้าง เช่น พระอินทร์  ถวายผลสมอแก่พุทธองค์หลังตรัสรู้ ..ทำไมต้องเป็นสมอ ผลไม้อื่นที่ดีๆมีมากมาย ..ทำไมไม่ถวาย จะบอกว่า ผลไม้อื่นไม่มี  คงจะฟังไม่ขึ้น...ผมจึงคิด/สันนิษฐานไปว่า..พุทธองค์ในขณะนั้น ..สุขภาพร่างกายเป็นอะไรหรือเปล่า.....เอ..เรื่องนี้ คงจะต้องไปดูที่สรรพคุณของสมอ....

            อ้าว..แล้วสมอนั้น..เป็นสมออะไร..และสมอแต่ละชนิด มีสรรพคุณทางยาอะไรบ้าง..ใช้รักษาหรือส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างไรหรือไม่.....เพื่อที่จะได้คำตอบว่า...พุทธองค์ในขณะนั้น มีสุขภาพเป็นอย่างไร..เท่านั้นเอง

              ไม่ได้มีเจตนา..ที่จะให้กัลยาณมิตรผู้ใจบุญอย่างคุณณัฐรดา ต้องลำบากกาย-ใจไปค้นคว้าหาชื่อไทย ชื่อเทศ ชื่อวงศ์ของต้นไม้สำคัญทางพุทธศาสนา.อย่างรีบเร่ง เพื่อมาเผยแพร่บอกกล่าว.แต่อย่างใดไม่

               นี่ไง..ความสงสัยผม..จนทำให้กัลยาณมิตรดีๆ ต้องเดือดร้อน อยู่ดึกดื่น....ต้องบันทึกเตือนตนเอง..เอาไว้เป็นหลักฐาน

 

                                                     สามสัก

                                               ๑๕ ก.ย.๒๕๕๒

                                                  ๑๓.๑๐ น

คำสำคัญ (Tags): #โกร่งบดยา
หมายเลขบันทึก: 297795เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2009 13:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

สวัสดีค่ะ

ไม่เดือดร้อนหรอกค่ะ ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง

ดีใจเสียอีกค่ะ เพราะแสดงถึงการมีชีวิตของสิ่งที่เรากำลังสนใจกันค่ะ

ส่วนเรื่องสุขภาพของพระพุทธองค์ เป็นเพราะทรงกระทำทุกกรกิริยา จึงทำให้ประชวรเป็นโรคประจำคือ "ปักขันทิกาพาธ" เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงโรคเกี่ยวกับกระเพาะหรือทางเดินอาหารนะคะ อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ

เพราะมีการกล่าวว่าพระสารีบุตรก็นิพพานด้วยโรคนี้ แต่มีการให้คำบรรยายว่าพระสารีบุตรนิพพานด้วยโรคท้องร่วง

เลยยังงงอยู่ค่ะ เพราะโรคท้องร่วง ไม่น่าจะจัดเป็นโรคประจำตัวได้ค่ะ

เดี๋ยวถ้ามีพระคุณเจ้าท่านใด หรือผู้รู้ท่านใดผ่านเข้ามา ท่านคงอธิบายได้มังคะ

สมัยผมเป็นพระได้ฉันสมอเป็นยประจำ

ทั้งดิบและดองด้วยมูตรเน่า

สมอสำหรับพระถือเป็นโอสถ มิใช่อาหาร

พระจึงรับประเคนและเก็บไว้ได้ถึง ๗ วัน รวมทั้งสามารถฉันหลังเพลได้

เดี๋ยวนี้ค่อนข้างหายากขึ้น เพราะเป็นไม้ป่า ป่าถูกทำลาย สมอก็ถูกทำลายไปด้วย

คู่กับสมอยังมีมะขามป้อมด้วยครับ

เช่นเดียวกับสมอ มะขามป้อมเป็นโอสถเช่นเดียวกัน

สวัสดีครับคุณสามสัก

        มาเรียนรู้ด้วยคนครับ.

  • ไม่รู้..เกิดไม่ทัน.....โอ้ยยยยย..
  • แฮะ ๆ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง..ทำเอา...แงงงงงงง

เพิ่งรู้ว่าเขาเรียกเครื่องบดตัวนี้ว่าโกร่งราง

เคยเห็นบ้านหมอยาที่พาพี่ชายเป็นอัมพฤกษ์ (เขียนถูกไหมเนี่ย)

นึกว่าเป็นครกบดยา

ขอบคุณค่ะ

  • จำได้ว่าตอนเด็กๆ
  • เคยซื้อสมอให้พระฉัน
  • ท่านฉันได้ตลอดเวลา
  • ไม่อาบัติครับ
  • น่าสนใจนะครับ เรื่องยาสมุนไพร

สวัสดีค่ะ

แวะมาเยี่ยมค่ะ

ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยมเยียนกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณสามสัก

แวะมาอ่านบันทึกดี ๆ ค่ะ

คืนนี้ฝันดีนะคะ^^

คุณสามสัก ก็เป็นคนช่างคิดเหมือนกันเนาะ ขอบคุณนะคะที่เข้าไปเยี่ยมบล้อคธรรมะคะ

ดึกแล้ว ลานอนก่อน นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์คะ

สวัสดีค่ะ

หาคำอธิบาย "ปักขันทิกาพาธ" ได้แล้วค่ะ คือโรคถ่ายเป็นเลือดค่ะ

ผมได้อ่านแล้วรู้สึกดีที่มีบุคคลให้ความสำคัญเรื่องโบราญ ผมว่าเป็นจริงที่พระพุทธศาสนาจะมีกุศโลบายต่างๆ ทุกคำต้องคิด

ทุกคำพูดต้องติดตาม แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ "ต้นไม้มนุษย์"เมื่อเราปรากฎขึ้นบนโลกใบนี้แล้วเราได้ดูแลมันดีหรือเปล่า ใส่ปุ๋ย

รดน้ำหรือไม่ แต่ในทางกลับกัน ปัจจุบันผมได้เห็นใส่แต่พิษลงไปในต้นไม้มนุษย์กันมากยิ่งขึ้น

  • ขอบคุณน้องต้นเฟริน ที่แวะมาทักทาย
  • โอ้โฮ...พยายามหาจนได้
  • ขอบพระคุณคุณณัฐรดาจริงๆ ครับ
  • ได้ความรู้เพิ่มมาอีกแล้ว
  • ขอบพระคุณมากครับ
  • ขอบพระคุณคุณชนะ ที่คอมเมนท์ให้ไว้
  • เป็นข้อคิดที่ดีและควรแก้ไข ตามคุณว่ามาครับ

สมอไทยชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia Chebuia Retz

    ในสมัยพุทธกาล เวลาพระพุทธเจ้าประชวรหรือพระสงฆ์อาพาธก็มักเสวยหรือฉันผลสมอไทยเป็นยาหลัก จนได้รับยกย่องว่าเป็นพุทธโอสถ ดังมีพระพุทธรูปปางทรงสมอปรากฏเป็นหลักฐาน ถ้าใครอ่านพระราชประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราช ชาวพุทธก็จะทราบว่าตอนที่พระองค์ประชวรครั้งสุดท้าย ก็ทรงเสวยผลสมอไทยเหลือไว้ครึ่งลูก และทรงพระราชทานผลสมอไทยครึ่งลูกนั้นแด่พระสงฆ์เป็นทานครั้งสุดท้าย

ดังนั้น ลูกสมอไทยที่ใส่กระทงวางขายอยู่แถวข้างวัด ข้างถนนจึงไม่ใช่สมุนไพรธรรมดาๆ อย่างที่คิด ถึงกับมีตำนานขานเล่าถึงกำเนิดของสมอไทยอันศักดิ์สิทธิ์ว่า ครั้งหนึ่งพระอินทร์กำลังทรงเสวยน้ำอมฤต บังเอิญน้ำอมฤตหยดหนึ่งหกลงมาบนพื้นโลก กลายเป็นต้นสมอไทย มีสรรพคุณแก้ได้สารพัดโรคและมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "โอสถทิพย์" หรือ "ผู้ให้กำเนิดชีวิต"

สมอไทยก็มีความพิเศษเหนือสมุนไพรอื่นๆ สมตำนานเล่าขาน คือเป็นสมุนไพรที่มีเกือบครบทุกรส ได้แก่ รสเปรี้ยว ฝาด หวาน ขม เผ็ด แถมยังมีรสเค็มและรสเมาแทรกอีกต่างหาก ตามตำรายาไทยกล่าวว่า รสของยาบ่งบอกสรรพคุณของยา อย่างกรณีของสมอนี้

รสเปรี้ยว มีสรรพคุณกัดเสมหะ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ ฟอกโลหิต แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้โรคท้องผูก ชำระล้างเมือกมันในลำไส้

รสฝาด ช่วยสมานแผลในปาก ไปจนถึงแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ท้องเสีย แก้บิด ซึ่งสรรพคุณของรสฝาดนั้นช่วยระงับการถ่าย (รู้ปิด) ตรงกันข้ามกับรสเปรี้ยวซึ่งช่วยให้ถ่าย (รู้เปิด) เมื่อลูกสมอไทยมีรสเปรี้ยวและรสฝาดผสานกัน จึงมีสรรพคุณเป็นทั้งยาระบายและยาระงับการถ่าย คือ รู้เปิด รู้ปิด ไปในตัว

รสหวาน บำรุงเนื้อ บำรุงกำลัง

รสขม แก้ไข้ บำรุงน้ำดี ถอนพิษผิดสำแดง ช่วยเจริญอาหาร

รสเผ็ด ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้ปวดท้องจุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร

รสเค็ม ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้ประดงน้ำเหลืองเสีย

รสเมา แก้พิษฝี พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พยาธิต่างๆ แก้ริดสีดวง ระงับประสาท ทำให้นอนหลับสบาย

เนื่องจากสมอไทยมีหลายรสนี่เอง เมื่อกินสมอไทยอย่างเดียวก็เท่ากับกินสมุนไพรหลายๆ อย่าง

กล่าวกันว่า ถ้าใครกินสมอไทยวันละ 1 ลูก เป็นประจำทุกวัน โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะไม่มากล้ำกรายเลย

วิธีกิน เอาสมอไทย 1 ลูก แช่ในน้ำ 1 แก้ว เป็นเวลา 1 คืน ตื่นเช้ากินทั้งน้ำและเนื้อ เป็นยาบำรุงกำลัง โดยทั่วไปมักจะมีสรรพคุณบำรุงกำหนัดควบคู่กันไป แต่สมอไทยกลับตรงกันข้าม คือ แทนที่จะเพิ่มกลับลดกำหนัด ด้วยเหตุนี้เองกระมัง พระพุทธเจ้าจึงทรงเลือกสมอไทยเป็นยาสำหรับพระสงฆ์สาวกฉันบำรุงร่างกาย แก้อ่อนเพลีย โดยช่วยลดความกำหนัดไปในตัว

บรรดานักการเมืองที่กำหนัดในกามและอำนาจน่าจะลองกินลูกสมอไทยดูบ้าง จะได้มีกำลังทุ่มเททำงานเพื่อบ้านเมืองโดยปราศจากความกำหนัด

สรรพคุณเด่นอีกข้อของสมอไทยที่ควรขยายความในที่นี้คือ แก้โรคท้องผูก ยาทั่วไปอาจจะช่วยถ่ายท้องได้ แต่แก้โรคท้องผูกไม่ได้ มิหนำซ้ำถ้าหยุดยากลับจะทำให้ท้องผูกหนักขึ้น ในคนที่ท้องผูกเรื้อรังมักจะมีอาการร้อนใน ปากเปื่อย ตาไม่มีประกาย แม้จะกินผักผลไม้ กินน้ำ ออกกำลังกาย แล้วก็ยังไม่หายท้องผูก ควรจะหันมากินสมอไทยเพื่อช่วยให้โรคท้องผูกเรื้อรังหายไป เพราะสมอไทยไม่ใช่ยาถ่ายเท่านั้นแต่ยังช่วยชำระล้างลำไส้ให้สะอาด มีสมรรถภาพในการบีบตัว ขับถ่ายได้คล่องตัว

วิธีกินสมอไทย แก้โรคท้องผูกต้องกินวันละ 3-5 ลูกทุกวัน จนอาการท้องผูกหายไป จึงหยุดกินยา คนที่ผูกขาดอำนาจจนท้องผูกลองกินสมอไทย วิธีนี้ดูอาจจะได้ผล

ขอแถมอีกนิดว่าสำหรับผู้ที่มีอาการไอ เจ็บคอ เสียงแห้ง มีเสมหะติดคอ คันคอยิบๆ ให้เอาเนื้อลูกสมอไทยมาผสมเกลือและข่าแก่พอสมควร ตำสามสิ่งนี้ให้แหลกเข้ากันดี แล้วแบ่งอมขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ที่เหลือเก็บแช่ตู้เย็นไว้ใช้ต่อ อาการไอคันคอยิบๆ จะหายไป หลังจากอมยาต่อเนื่องราว 1 อาทิตย์ แถมยังได้เสียงใสๆ เล่นลูกคอร้องเพลงได้เหมือนเดิม

  • ชะอุ้ย! ..ได้รู้.สมอขึ้นมาอีกเยอะเลย
  • ขอบพระคุณ มากน๊ะครับ

ไม่เป็นไร เต็มใจเสมอค่ะ

You Are A Great Friend

ขี้สงสัย มีที่มา และมีที่ไป ให้ผู้อื่นได้รู้ด้วย

  • ขอบพระคุณ ในข้อสังเกตุของคุณครูอ้อยครับ
  • P

ขบวนการ คิดส์ ค้น หาคำตอบ...แจ๋วจริงๆ ว่าแต่..สมอมีขายที่ไหนบ้างเนี่ย..

  • ขอบพระคุณครับคุณป้า ที่แวะทักทาย

ต้องการฃื้อรางบดยา ไว้ทำยาโบรานไว้ช่วยเหลือคน รบกวนแน่ะนำหน่อยน่ะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท