คุณ poo ครับ ...การตายก่อนตาย... เป็นข้อคิดที่งดงาม ข้อคิดหนึ่งที่ผม หวนคิดอยู่บ่อย ๆ
เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เพื่อ อะไร....
แก่นแท้ของชีวิตอยู่ตรงไหน.....
เมื่อรู้....แค่นี้ก็สุขใจ
ขอบคุณ นะครับ
พุทธทาสภิกขุ
"ปริญญาแห่งสวนโมกข์" วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลมบัณฑิตไม่หวั่นไหวเพราะนินทาหรือสรรเสริญแม้ถูกทุกข์กระทบ ถึงพลาดพลั้งลงบัณฑิตก็คงสงบได้และไม่ทิ้งธรรม เพราะชอบหรือชัง
|
สวัสดีค่ะพี่แสง
กอเคยบอกพี่ซวงว่า
กอใช้ชีวิตโดยคิดว่า เป็นชีวิตหลังความตาย
แต่พี่ซวงพูดคำนี้เหมือนในบันทึกนี้ของพี่แสงเลยค่ะ
ตายก่อนตาย
มันเหมือนกันหรือต่างกันยังไงค่ะ
ชีวิตหลังความตาย กับตายก่อนตาย
ทักทายยามฝนกระหน่ำก่อนอาหารเทียงค่ะคุณแสง
.... เคยอ่านหนังสือ หลายๆ เล่มที่กล่าวถึง ความตาย ... มาอ่านบันทึกนี้ เหมือนได้ทบทวน เตือนสติค่ะ
... คิดถึงหลายๆ ท่าน เช่นติช นัท ฮันน์ ท่านคานธี กอ่นนี้จะไม่กล้าแม้กระทั่งจะ พูดถึง เรื่องทำนองนี้ค่ะ
แบบกลัวๆ มากๆ ตอนนี้พูดถึงได้ แต่ก็ยังไม่อยากตายค่ะ เพราะโลกนี้มหัศจรรย์ และยังมีเรื่องรื่นรมย์ อีกมากมาย
ความฝันหลายอย่าง ยังไม่ได้เริ่ม J … ... ให้ เพลิดเพลินทุกโมงยาม มีความสุขวันกลางสัปดาห์นะคะ J
ท่านพุทธทาสประดิษฐ์คิดคำสอนธรรมะได้ดีมากเลยนะครับ
- ตายก่อยตาย
- เช่นนั้นเอง
- กูไม่เอากับมึงอีกแล้วโว้ย
- ตัวกูของกู
- ไม่ยึดมั่นถือมั่น
สวัสดี ครับ คุณก้านกอ
ผมอาจไม่ใช่ผู้รู้ว่า
ชีวิตหลังความตาย กับ การตายก่อนตายต่างหรือเหมือนกันอย่างไร
แต่วันนี้ ผมรู้แต่เพียงว่า... ผมจะทำอย่างไร ให้ชีวิต มีค่า
โดย ยึดหลักธรรม คำสอนในสิ่งที่ผมยึดน้อมมาใช้ เพียงให้รู้ว่า
ไม่ว่าเราจะตายก่อนตาย หรือการอยู่หลังความตาย นั้นต่างกันหรือไม่
แก่น หรือกะพี้ ...จะแตกต่างกัน ตรงที่ เรานำไปใช้และปฏิบัติอย่างไร
ให้เกิดคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น
เอาเป็นว่า...ทุกวันนี้เราอยู่ร่วมกับเค้า....เดินไปด้วยกัน
คุณก้านกอ กับผม มาทิ้งร่องรอยของเค้าให้มีคุณค่ากันดีมั้ย ครับ
สวัสดีค่ะ อ่านบันทึกนี้แล้ว รู้สึกว่าเราต้องทำตัวเราให้มีคุณค่า เพื่อคุณค่าแห่งชีวิตของเราเอง
สวัสดีครับ คุณ
*******************************
ผมภูมิใจในตัวคุณ แทนใครหลายๆ คนละแวกนั้น ด้วยครับ
รูปลักษณ์ภายใน เป็นสิ่งประเสริฐสุด แต่รูปลักษณ์ภายนอก อาจบ่งบอกคำเชื้อเชิญ... ให้ศรัทธายิ่งขึ้น
ไม่เสียดายเลย...กับวันเวลาที่ล่วงเลยไป
เพราะ คุณเหรียญชัย...บอกผมเพียงว่า ความตายก็เช่นกันถ้าเราทำความดีไว้แล้วเราก็พร้อมตายและก็มั่นใจว่าก่อนไกล้ตายจะไม่ต้องเสียดายเวลาที่จะทำความดี
และผมอยากบอกต่อ...ในบันทึกนี้ว่า...ผมศรัทธาในจริต ของคุณ
ไม่เรียกร้องให้ท่านอื่น ศรัทธาตาม...เพราะการทำความดี มีความหมายอยู่ในตัว
รูปธรรม.... เกิดจากนามธรรม ดี ๆ ที่อยู่ในหัวจิตหัวใจ
การเรียกร้อง สิ่งนี้ได้ ต้องเกิดจากจิตใจที่ถวิลหา....
ฝนตก...ไม่ทั่วฟ้า เวลาไม่รอใคร หว่านพืชใยต้องหวังผล
ปริญญาไหน ๆ ก็สู้ปริญญาชีวิตไม่ได้
แต่....ปริญญาแห่งสวนโมกข์.... บอกขอบเขตถึงแก่นแท้ ๆ ของใบเบิกทาง
สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี... ตายก่อนตาย ก่อนตายทำอะไรอยู่ อยากบอกว่าก่อนตายเราควรค้นหาความสุขที่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครแต่มีคุณค่ากับผู้อื่นแสดงว่าการที่ไม่เดือดร้อนแก่ใครๆเป็นการทำความดีใช่ไหมคะ อาจจะดีสำหรับเรา.. ขอบคุณธรรมโอวาทดีดี..อ่านแล้วชวนคิดดีจริงๆ ฝากกำลังใจมาพร้อมหัวใจดวงนี้นะคะ
สวัสดีค่ะ มีความสุขนะคะ
สวัสดีจ๊ะ ตามมาขอบคุณบทความดีดีที่ส่งไปให้
เป็นอะไรที่ทำให้รู้ว่า ใช่เลยจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู เดี๋ยวจะนำไปเปิดให้นักเรียนอ่านนะจ๊ะ เค้าจะได้รู้ว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสเท่าพวกเค้า จะได้ฮึกเหิมตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้จ๊ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านค่ะ
ตายก่อนตาย
ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ถ้าหลายๆคนปฏิบัติได้...มีความสุขสงบเป็นแน่แท้
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีจ๊ะ แวะมาให้กำลังใจจ๊ะ
อ่านแล้วอนุโมทนาสาธุค่ะ
เราควรหัดที่จะตาย ก่อนตาย...
ฝากกาแฟหอมกรุ่นไว้...ดื่มตอนบ่ายนะคะ
(^___^)
เข้ามาอ่านข้อคิดดีๆค่ะ
ขอให้มีชีวิตที่ตื่นรู้และทำความดีได้ดั่งที่ตั้งใจค่ะ
สวัสดี ครับ คุณ
คุณ poo ครับ ...การตายก่อนตาย... เป็นข้อคิดที่งดงาม ข้อคิดหนึ่งที่ผม หวนคิดอยู่บ่อย ๆ
เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เพื่อ อะไร....
แก่นแท้ของชีวิตอยู่ตรงไหน.....
เมื่อรู้....แค่นี้ก็สุขใจ
ขอบคุณ นะครับ
นึกถึง การตายก่อนตาย----กวีนิพนธ์ของท่านพุทธทาสภิกขุ
ก็คือเรื่อง การบรรลุนิพพานได้ในชีวิตนี้นั่นเองนะคะ
แต่ก่อนนี้ คนไทยที่เป็นชาวพุทธมีความเชื่อว่า การบรรลุพระนิพพานคงต้องรอหลังจากตายแล้ว และต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีกหลายภพชาติจึงจะลุถึงภาวะพระนิพพาน ดังเมื่อมีการทำบุญเสร็จแล้ว และจะตั้งจิตอธิษฐานก็มักอธิษฐานกันว่า 'นิพพานปัจจโย โหตุ เม อนาคตกาเล' (ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าทำไว้จงเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ)
แต่ท่านพุทธทาส บอกว่า คนสมัยพระพุทธเจ้าท่านไม่อธิษฐานกันอย่างนี้ หากแต่อธิษฐานว่า 'ตุมเหหิ ทิฏฐธัมมัสสะ ภาคี โหมิ' (ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีส่วนได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมที่ท่านได้บรรลุแล้วด้วยเถิด) พระนิพพานอันเป็นบรมธรรมและอุดมการณ์สูงสุดของพุทธศาสนานั้นอาจเกิดขึ้นได้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ และกับคนทุกคนโดยไม่เกี่ยวกับการบวชหรือไม่บวชแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อ่านบันทึกนี้แล้ว เกิดปัญญาเลยค่ะ...
สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี
กลับมารื้ออ่านบันทึกเก่า ๆ ที่ทรงคุณค่านี้อีกครั้ง...
ยังชอบและติดใจ ด้วย ธรรมะเป็นอกาลิโก ไม่มีวันล้าสมัย ตกยุค...
อ่านแล้วได้ยิ้มอย่างมีความสุข ด้วยรับรสของ "ความจริง" คนเรานั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยกับ "โลกธรรม" ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ... การได้อ่านข้อธรรมนี้ ช่วยเตือนสติได้เป็นอย่างดีค่ะ
ขอบคุณกับน้ำใจ ความปรารถนาดีที่มีให้เสมอค่ะ
ทำงานให้สนุก รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
(^___^)
มาชวนไปเดินเล่นในเส้นทางอันแสนสงบ อบอุ่นค่ะ...
สวัสดี ครับ อาจารย์