น้องบิ๊ก : ลูกแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่เกิดในประเทศไทย


เมื่อบิ๊กอายุได้ ๖ ขวบ แม่ซึ่งเป็นคนสัญชาติพม่าเชื้อสายกะเหรี่ยง ได้ทิ้งบิ๊กไว้กับพ่อตามลำพังและไปแต่งงานอยู่กับสามีใหม่ พ่อบิ๊กพยายามเลี้ยงลูกชายอย่างดี อยากให้เรียนหนังสือไทย แต่ดูเหมือนเป็นไปได้ยากมาก

ชีวิตสองพ่อลูกที่เป็นลูกแรงงานต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย คิดอย่างไรต่อดี??

              คณะนักวิจัยได้รับทราบเรื่องราวของบิ๊กจากคุณโมผู้อุปการะ ซึ่งเล่าให้ฟังว่าได้พบบิ๊กครั้งแรกตอนบิ๊กอายุประมาณ ๕-๖ ขวบ กำลังเดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าโบสถ์ ที่จังหวัดระนอง เมื่อเข้าไปคุยด้วยก็พบว่าบิ๊กแขนบวม เนื่องจากถูกเพื่อนเตะแขนหัก จึงได้พาไปหาหมอ เมื่อได้คุยกับครอบครัวจึงทราบว่าบิ๊กกำพร้าแม่ อยู่กับพ่อซึ่งมีฐานะยากจน อยากให้ลูกเรียนหนังสือก็ไม่มีโอกาส จึงได้ขอให้คุณโมช่วยให้ลูกได้เรียนหนังสือ  คุณโมจึงได้ฝากให้บิ๊กมาเรียนหนังสือและพักอยู่กับบ้านอุปการะเด็กยากจน และกำพร้า ของเอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดนนทบุรี จนถึงปัจจุบัน

 

                เมื่อเราติดตามไปคุยกับพ่อบิ๊กเพื่อสืบค้นประวัติบิ๊กเพิ่มเติม จึงได้ทราบว่าบิ๊ก หรือชื่อจริงว่าเด็กชายสมชาย ไม่มีนามสกุล เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ ที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เนื่องจากขณะนั้นตนและภรรยาทำงานอยู่กับนายจ้าง ที่จังหวัดพังงา โดยตอนเกิดได้แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่า พ่อเด็กชื่อนายลอง แม่เด็กชื่อนางซิน

 

                พ่อบิ๊ก มีชื่อตามบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยว่า นายซอมีทอ เป็นคนเชื้อสายกะเหรี่ยง เกิดเมื่อปี ๒๕๐๐ ที่จังหวัดย่างกุ้ง ประเทศพม่า เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนพม่าแต่ได้สูญหายไป เนื่องจากไต้ก๋งเรือคนก่อนเอาติดไป  เข้ามาทำงานในประเทศไทยครั้งแรกประมาณ ๒๐ ปีก่อน โดยเข้ามาทางด้านเกาะสอง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พ่อบิ๊กเล่าว่าเหตุที่เข้ามาเพราะอยู่ที่พม่าถูกกดขี่เรื่องการทำงาน ต้องส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่ บางครั้งก็ถูกชาวพม่าบางกลุ่มที่เกาะสองรังแก

 

                ภายหลังจากที่บิ๊กอายุได้ ๖ ขวบ แม่ซึ่งเป็นคนสัญชาติพม่าเชื้อสายกะเหรี่ยง ได้ทิ้งบิ๊กไว้กับพ่อตามลำพังและไปแต่งงานอยู่กับสามีใหม่  พ่อบิ๊กพยายามเลี้ยงลูกชายอย่างดี อยากให้เรียนหนังสือไทย แต่เมื่อเป็นไปได้ยากมากเพราะฐานะยากจน ดังนั้นจึงได้ฝากคนรู้จักที่เคยช่วยเหลือตนและลูกยามเจ็บป่วย ให้ลูกได้มีโอกาสเข้าโรงเรียน บิ๊กจึงได้มีโอกาสเข้าเรียนหนังสือ จนถึงปัจจุบันกำลังเรียนชั้น ป.๔  แต่ก็ยังไม่มีเอกสารประจำตัวใดๆ แม้สูติบัตร ทั้งที่เกิดในโรงพยาบาล

 
หมายเลขบันทึก: 46217เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2006 22:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

พ่อเป็นแรงงานขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงานหรือไม่ ?

พ่อมี "บัตรประจำตัวผู้ไม่มีสัญชาติไทย" ก็แสดงว่า เป็นแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนนะ ลูกจึงน่าจะมีสิทธิในการร้องขอ "สูติบัตร" ได้นะ

ตรงนี้ สำคัญต้องเช็คนะ

ถ้าเป็นแรงงานจดทะเบียน ก็ต้องมีชื่อใน ทร.๓๘/๑ ซิ

ปัจจุบันพ่อบิ๊กได้รับการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา ๑๕ (ตามมติ ค.ร.ม.๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙) แล้ว โดยจะหมดอายุในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐

กรณีใบเกิดผมมีประเด็นนิดหนึ่งครับ

แม้ว่าพ่อบิ๊กจะมีใบอนุญาตทำงานและขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยก็จริง แต่หากไม่ได้นำชื่อลูกมาแจ้งว่าเป็นผู้ติดตามและลูกเกิดก่อนมีมติครม. เรื่องนี้ในปี 2547 หลายพื้นที่ (รวมถึงตัวสำนักงานทะเบียนราษฎร์ด้วยนะครับ) จะไม่รับแจ้งเกิดให้แก่เด็ก

ประเด็นนี้ผมติดใจมาก เพราะทางทะเบียนราษฎร์บอกว่าที่ทำไม่ได้เพราะเกรงว่าเด็กจะไม่เกิดในไทย (ทั้งที่มีใบรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล?) และพ่อแม่ก็ควรพาลูกมาขึ้นทะเบียนแต่ต้น แต่ในความเป็นจริง เวลาภาครัฐมีนโยบายก็ไม่เคยทำความเข้าใจกับตัวแรงงานอย่างจริงจัง พวกเราก็ทำได้ไม่ทั่วถึง (อันนี้ยอมรับจริง ๆ ครับ) แต่หากหลักฐานใบรับรองการเกิดจากโรงพยาบาลยังยืนยันไม่ได้ว่าเด็กเกิดเมืองไทย แล้วจะเอาหลักฐานอันไหนที่น่าเชื่อถือได้หละครับ

กรณีบิ๊กอยากให้เช็คว่าพ่อพาไปจดทะเบียนเป็นผู้ติดตามด้วยหรือไม่ 

การสืบค้นเอกสารหนังสือรับรองการเกิด  กรณี  น้องบิ๊ก  ครั้งที่ 1  ·       เมื่อวันที่  31  สิงหาคม  เราได้ไปที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า  อำเภอตะกั่วป่า  จังหวัดพังงา  เราได้พบกับ  คุณพรรณี  เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าห้องคลอด (ไม่ทราบตำแหน่ง)  ·       ได้แจ้งกับคุณพรรณี  ว่าขอสืบค้นเอกสารของบิ๊ก  โดยบอกรายละเอียดไปว่า   เด็กเกิดเมื่อวันที่  24  พฤศจิกายน  พ.ศ.2537  ซึ่งทางพ่อของเด็กเป็นคนยืนยัน   และได้แจ้งชื่อแม่  ว่านางซิน  และแจ้งชื่อพ่อ  นายลอง  เราได้ให้ชื่อจริงของแม่และพ่อไว้ด้วย   และพ่อของเด็กยืนยันว่ามีหมอคนหนึ่งตั้งชื่อลูกให้    ด.ช.สมชาย   ไม่มีนามสกุล  เรานั่งคอยรอและคุณพรรณีบอกว่า  วันนี้คงไม่มีเวลาที่จะค้นเอกสารดังกล่าวให้ได้   แล้วคุณพรรณีก็ได้ให้เบอร์โทรติดต่อกับเรา  เพื่อให้โทรมาอีกครั้งในเย็นวันพรุ่งนี้  ครั้งที่ 2·       ตามที่คุณพรรณีนัดให้โทรประสานได้  ประมาณเวลา 4 โมงเย็น  -  เราได้รับคำตอบว่าไม่พบ  และคุณพรรณี กล่าวต่อว่า   วันนี้พี่มีเวลาดูให้จึงค้นทั้งปี พ.ศ.36 , 37 และปี 38  ให้แต่ก็ไม่เจอ  และช่วงสามปีนั้นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนต่างชาติมาก  ·       พี่แหม่ม  มูลนิธิเด็ก  -  แนะนำกับเราว่า   ถ้าเด็กเกิดนานแล้วลองไปดูอีกโรงพยาบาลหนึ่ง  ในตัวเมืองเก่าตะกั่วป่าดู  เพราะเขาอาจจำโรงพยาบาลผิดก็ได้   ชื่อโรงพยาบาลบางไทร  ตะกั่วป่าครั้งที่  3·       เช้ารุ่งขึ้น  เรารีบเตรียมออกเดินทางไปที่เมืองเก่าตะกั่วป่า  เมื่อถึงพบว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กพอสมควร  มีคนไข้น้อยมาก  และดูวังเวงชอบกล  ชื่อโรงพยาบาลบางไทรตะกั่วป่า  เราพบเจ้าหน้าที่พยาบาลสาวท่านหนึ่ง  เราจึงแจ้งความจำนงค์ เช่นเดียวกับที่แจ้งกับคุณพรรณี    คุณพยาบาลแจ้งว่า  จริงๆแล้วเอกสารถ้าเกิน 10 ปี  ทางโรงพยาบาลจะโละทิ้ง  แต่ก็จะไปดูให้ละกัน  ·       สักครู่ใหญ่  คุณพยาบาลก็ได้นำเอกสารหลายชิ้นมา  เป็นเอกสารที่เก่ามากขาดรุ่งริ่ง  เราเริ่มค้นเอกสารร่วมกับคุณพยาบาล   .............  ไม่พบเลยที่จะใกล้คียงจากข้อมูลที่เรามี  แต่เราพบว่ามีพี่น้องแรงงานมาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลหลายราย  มีทั้ง  มอญ  และ  พม่า  ที่ระบุไว้ในเอกสารนั้น·       เราจึงโทรถามกับพ่อบิ๊กทันทีเพื่อย้ำว่าข้อเท็จจริงเช่นเดิมหรือไม่  ปรากฏก็เช่นเดิม   เราจึงฉุกคิดว่าแล้วแม่ของบิ๊กตอนนี้อยู่ที่ไหน   เราได้รายละเอียดจากพ่อบิ๊กเพียงว่า  แม่บิ๊กอยู่ร้านไต๋กง  แถวนางย่อน  สะพานปลา  อำเภอคุระบุรี  จังหวัดพังงา   ครั้งที่  4·       หลังจากนั้นหนึ่งวัน   เราได้ไปที่อำเภอคุระบุรี  จังหวัดพังงา  โดยรถจักรยานยนต์เช่าจากอำเภอตะกั่วป่าระยะทาง  50  กิโลเมตร   เมื่อถึงแยกอำเภอคุระบุรี   เราก็ไต่ถามผู้คนแถวนั้นว่าร้านไต๋กงอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่มีใครทราบ  เฃและเราได้เห็นป้ายมูลนิธิผู้หญิงเราจึงตรงไป   โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่อยู่แม้จะในวันอาทิตย์เช่นนี้   ·       เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ให้ความร่วมมือกับเราอย่างดีทีเดียว  โดยการแนะนำกับเราว่าดีแล้วที่ยังไม่ไปแถวสะพานปลาตรงๆเพราะถ้าคนแปลกหน้าเข้าไป  เขาจะหนีหายกันปิดประตูบ้านหมด  (จริงๆก็เป็นยังที่เจ้าหน้าที่เขาว่าเราลองไปดูทีแรกเงียบเลย)  เขาเลยโทรศัพท์ประสานกับอาสมัครของมูลนิธิซึ่งเป็นชาวบ้านพม่า  ให้ลองไปสอบถามดูว่ามีตามสถานที่ และชื่อที่เราได้บอก   ปรากฎว่าไม่มีคนชื่อนี้  แต่มีสถานที่ดังกล่าวจริง  และน้องเจ้าหน้าที่บอกกับเราว่าถ้าป็นร้านๆแถวสะพานปลาที่นี่  ส่วนใหญ่เขาจะเปิดไว้บังหน้า  แต่ด้านในร้านเป็นแหล่งค้าประเวณี  .......·       เราจึงโทรไปบอกพ่อของบิ๊กดูเพื่อจะได้ถามชื่อที่อาจจะใกล้เคียงกว่านี้  พ่อบิ๊กแนะนำเราว่าเมื่อไปถึงร้านไต๋กงให้โทรไปอีกทีและพ่อบิ๊กจะขอคุยกับเจ้าของร้านเอง  เพราะดูเหมือนจะรู้จักกัน·       เรามุ่งไปที่สะพานปลา  (ทางเข้าท่าเรือเกาะสุรินทร์)  ประมาณสักครึ่งระยะทางได้เราเห็นว่าสภาพแต่ละแวกสะพานปลาละแวกนี้เหมือนๆกัน  เราหยุดรถและถามคนแถวนั้นว่า  เราจึงพบกับร้าน  .....ประมงคาราโอเกะ......  เมื่ออยู่หน้าร้านนุชเห็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคุ้นหน้า  เหมือนกับพี่สาวของบิ๊กที่เคยดูจากรูปถ่ายที่พ่อบิ๊กเคยให้เราดู   เราเรียกน้องคนนั้น  แต่เขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจภาษาที่นุชจะพยายามสื่อสารเลย  น้องเขาจึงชี้ให้ไปคุยกับเจ้าของร้าน·       เราพบกับ  คุณมงคล  เจ้าของร้านประมงคาราโอเกะ  เราบอกกับเขาในทีแรกเพียงว่าเรามาหาแม่ของบิ๊ก   คุยไปคุยมาสักพักใหญ่กว่าเขาจะรู้สึกไว้ใจเรา  และประกอบกับเสียงเพลงในร้านที่ดังมาก   เขาจึงได้ให้น้องผู้หญิงไปเรียก  คนชื่อ  เซ  มาหาเรา  ......  เราถามไปมา  กว่าจะทราบว่าเป็นแม่ของบิ๊กจริงหรือไม่  นางเซ  ได้หยิบภาพของบิ๊กมาให้เราดู  สักพักเราเห็นน้ำตาของนางซินไหล  ......  จึงวกกลับไปคุยกับคุณมงคลอีกครั้ง  คุณมงคลให้เราดูเอกสารแรงงานที่เขาได้ทำไว้ให้กับ  แม่ของบิ๊กและพี่สาวของบิ๊ก  และเมื่อเราถามถึงวันเดือนปีเกิดของบิ๊ก  แม่ของบิ๊กบอกว่าเคยจดเอาไว้  (แต่ดูคุณมงคลพยายามเหมือนกับว่าไม่ให้นุชไปที่บ้านพักของนางซิน)   เมื่อแม่ของบิ๊กนำมาให้เราดู  จึงได้ทราบว่าเอกสารที่โรงพยาบาลนั้นสูญหายนานแล้ว  และบอกกับเราอย่างยืนยันหนักแน่นว่า  น้องบิ๊กชื่อสมชาย  และเกิดที่โรงพยาบาลจริงๆ  แต่รายละเอียดที่แม่บิ๊กให้เราดูนั้น  ปรากฎว่าที่นางซินจดนั้น  ระบุว่าน้องบิ๊กเกิดเมื่อ  9 / 7 / 1995  และนางซินบอกว่าจำได้คร่าวๆเท่านั้น  และให้ข้อมูลเพิ่มกับเราต่อว่า  จำหมอที่ทำคลอดได้ด้วย  เพราะตอนคลอดน้องบิ๊กนั้น  ได้ผ่าท้องคลอด  หมอชื่อ  สม-บุญ   ·       เราลากลับเมื่อได้คุยกันสักพักใหญ่  ก่อนกลับเราขออนุญาตคุณมงคลถ่ายรูปแม่และพี่สาวของบิ๊ก  ที่ต้องขอเพราะคุณมงคล  ไม่ได้ปล่อยให้เราคุยกับนางซินตามลำพังเลยครั้งที่  5·       เราได้ไปโรงพยาบาลตะกั่วป่าอีกครั้ง  แต่วันนี้มีคนไข้ที่ตั้งครรภ์มาคลอดมากเหลือเกิน  แต่เราก็ได้พบคุณพรรณี    เราแจ้งความจำนงอีกครั้ง  รบกวนให้คุณพรรณีช่วยค้นอีกครั้ง   ดังนี้·       เด็กชื่อ  ด.ช.สมชาย  ไม่มีนามสกุล  ยืนยันว่า  มีหมอชื่อสมบูรณ์  เป็นคนทำคลอด  และ  ชิ่อแม่เด็ก  อาจเป็น  ซิน / เซ  / เซะ / ZIN  / มามาเซะ    และพ่อเด็กอาจแจ้งชื่อเป็น  LONG  /  ลอง  /  เลา  / หลง / โกเหลา / โกเลา  / โกหลง   และเด็กอาจเกิด  24  พฤศจิกายน  2537 หรืออาจเกิด  9  กรกฎาคม  2538  ·       และแล้วคุณพรรณี  บอกเราว่า  อยากให้โทรมาเย็นๆพรุ่งนี้หรืออีกวัน  เพราะว่าวันนี้คนไข้เยอะมากๆ   ครั้งที่  6เราโทรประสานคุณพรรณี ตามเวลาเย็นเช่นเดิม  แต่คุณพรรณี  ก็ยืนยันว่า  ไม่พบเลย  พยายามค้นให้ทั้งปี 2537  และ  พ.ศ.2538  จนสุดท้ายคุรพรรณี  บอกว่า  ตามระเบียบโรงพยาบาลไม่ให้ค้นเอกสารนอกอาคาร  แต่ก็ไง  พรุ่งนี้ลองมาค้นเอกสารเอาเองละกัน  เดี๋ยวจะหาว่ามาเชื่อพี่  
  • ขออภัยคะที่ไม่ได้จัดหน้ากระดาษก่อนเซท
  • ได้อ่านจากพี่บอม  นุชคิดว่า อย่างไรก็ดี  เครสลักษณะน้องบิ๊กมีมากมายเหลือเกิน  นุชคิดว่าจะต้องมีสิทธิในการจดทะเบียนการเกิดได้อย่างงถูกต้อง ถ้าเราร่วมมือกันหลายๆฝ่าย  วันที่ 11  นี้อาจต้องร้องขอให้  พี่ไกรราศแก้ไขหนังสือฉบับหนึ่ง  ที่ว่าไม่อนุญาติให้คนต่างชาติที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่ไม่มีเลข 13 หลัก แจ้งเกิด  เราว่าต้องทบทวน 
  • แต่อย่างไรก็ดี  โชคดีของเด็กๆที่เกิดในสถานพยาบาล  ยังมีเอกสารยืนยัน  ที่เป็นเอกสารราขชการยืนยัน  แต่ในพื้นที่ห่างไกลอีกหลายแห่ง  เด็กที่เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของชุมชนมีพยานบุคคลมากมาย  อันนี้ต้องมีอะไรซักอย่างหนึ่ง มาการันตีให้ชัดว่า   ระหว่างพยานบุคคล  กับ  เอกสารราชการเพียงชิ้นเดียว  อย่างไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน

ครั้งที่ 7 

วันนี้ นุชได้ไปตามเอกสารของบิ๊กอีกครั้ง  และคิดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว  คราวนี้คุณพรรณี เจ้าหน้าที่พยาบาล  เปิดโอกาสให้นุชได้ตรวจเอกสารทะเบียนการคลอด  ทั้งปี 2536 ถึง ปี 2538  อย่างละเอียดเลย 

พบที่ใกล้เคีนงที่สุด 1 คน  ปรากฏชื่อ แม่เด็ก  เป็น  "นางมามาซีน"  ชื่อพ่อเด็ก  "นายจอง"  เด็กเกิด 18 พฤจิกายน 2536  โดยมีหมอชื่อ  พรหม์บูรณ์เป็นคนทำคลอด   ในทะเบียนคลอดของโรงพยาบาลตะกั่วป่าที่ดูแล้วใกล้เคียงที่สุด  ถึงแม้ว่าวันเดือนปีเกิดจะไม่ตรงกันกับที่พ่อและแม่ของบิ๊กได้แจ้งกับเรา  ก็ตาม

และนุชพบว่า  ในปี พ.ศ.2536-2538 นั้นมีคนต่างชาติที่มาคลอดในโรงพยาบาลเพียง 30 รายเท่านั้น  และก็เป็นคนเชื้อสาย  พม่า  และมอญ  เป็นหลัก  นอกนั้นเป็นคนที่ระบุว่าเป็นไทย  ถึงจะไม่ได้ระบุสัญชาติก็ตาม

เมื่อสอบถามกับคุณพรรณี  ว่าจะสามารถขอคัดสำเนาชิ้นนี้ได้อย่างไร  คุณพรรณีแจ้งว่า  ถ้าพ่อแม่มีเอกสารถึงแม้ตอนนี้ชื่อไม่ตรงกันก็ลองนำมาก่อน  เดี๋ยวจะดูให้

และคุณพรรณีบอกต่อเราอีกว่า  ถึงตอนนี้พ่อหรือแม่จะไม่มีเอกสารก็ตาม  ทางโรงพยาบาลก็ออกให้ได้  แต่ถ้าเป็นคนพม่าหรือมอญหรือใครฯนั้น  ถ้าเขาสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องเขาก็ไปติดต่อทางอำเภอไม่เข้าใจ  แต่ถ้ามีคนมาช่วยติดต่อขอหนังสือรับรองการเกิดแทนพ่อหรือแม่เด็กนั้นก็ได้ 

และนุชถามต่อประเด็นทีว้า  เอกสารของ ร.พ.จะมีการทำลายหรือไม่ได้นั้น  คุณพรรณี- ตามหลักถ้าเกิน 10 ปี ร.พ.ก็จะทำลายเอกสารปกติ  แต่เรื่องรับรองเกิด  ก็ยังไม่ทำลายหรอก  เพราะจริๆแล้วก็สงสารเหมือนกัน  บางคนไม่มีความรู้  ยังไม่เอาเอกสรนี้ไปแจ้งเกิดที่อำเภอ  เพราะบางรายเขาคิดว่า  หนังสือรับรองการเกิดเป็นใบเกิดของลูกเขา 

เดี๋ยวมาต่อคะ

ต่อ

เรากลับไปนำเอกสารของพ่อและแม่บิ๊กมาให้ คุณพรรณี  คุณพรรณีจึงบอกว่างั้นเอาตามเอกสารจริงปัจจุบันของแม่พ่อเด็กนะ  แล้วคุณก็ลองไปติดต่อที่อำเภอดูแล้วกันว่าเขาจะทำให้หรือเปล่า   ทางโรงพยาบาลออกเอกสารให้อยู่แล้วไม่มีปัญหาอะไร  .........แล้วจะใช้ชื่อเด็กว่าอย่างไร   นุชจึงโทรประสานกับพี่ต้อง  สรุปว่า  ให้ใช้ชื่อ  เด็กชายสมชาย  ไม่มีนามสกุล   และแล้วคุณพรรณี   ก็ได้ออกเอกสาร  ท.ร.1/1  ตอน 1  ให้กับเราโดยนุชเซ็นชื่อเป็นผู้รับเอกสารดังกล่าว  ......มาคิดๆดูแล้ว  ไม่เสียเวลาเลยที่สืบค้นเจอเอกสารเจ้าบิ๊กจนได้มา  ถึงแม้ตอนที่เราแจ้งกับคุณพรรณีครั้งแรก  คุณพรรณี  ให้สัญญานว่าไม่พบก็ตาม  เราเข้าใจเพราะเมื่อเราได้มีโอกาสตรวจดูแฟ้มทะเบียนการคลอดของโรงพยาบาล  ดูแล้วแถบจะมีรายละเอียดที่ไม่ใกล้เคียงเท่าใดนัก  ที่จะทำให้คุณพรรณีหาเจอได้ประสานงานอำเภอตะกั่วป่าในบ่ายวันเดียวกันนั้น  หลังจากที่เราได้รับเอกสารหนังสือรับรองการเกิดจากทางโรงพยาบาล  ของเด็กชายสมชาย  ไม่มีนามสกุล  ไม่ระบุสัญชาติ   โดยความร่วมมือจากคุณพรรณี  นุ้ยสินธุ์  เจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลตะกั่วป่า  อำเภอตะกั่วป่า  จังหวัดพังงา  เรามุ่งตรงไปยังที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า  ซึ่งระยะทางไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก  เราพบกับท่านปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร  อำเภอตะกั่วป่า  นายนิรุทธ์  เกรียงไกร   หลังจากที่เราได้ยื่นเอกสารของบิ๊ก  ดังนี้ให้กับปลัดดู                1.  หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.1/1)  ตอน 1 เลขที่  919/36  ออกให้วันที่  6  กันยายน  2549  สถานที่ออกหนังสือรับรอง  สถานพยาบาลโรงพยาบาลตะกั่วป่า  ระบุ  ชื่อ  ด.ช.สมชาย  -     เกิดเมื่อวันที่  18  พฤศจิกายน  2536   ตรงกับวันพฤหัสบดี  เวลา 15.28  น.  ขึ้น 6 ค่ำ  เดือน 12  ปีระกา   เป็นบุตรลำดับที่ 4   ระบุชื่อบิดา  นายซอมีทอ  -  ระบุชื่อมารดา  นางเซ -  ระบุชื่อผู้ทำคลอด  นายแพทย์สมบูรณ์  สุขุมคัมภีร์   -  โดยมีผู้รับอำนาจมอบให้ไปดำเนินการแจ้งการเกิด  คือ  น.ส.รุจิราพร  โชคพิพัฒน์พร                2.  หนังสือแจ้งอำเภอตะกัวป่า  เรื่องการแจ้งเกิด ที่ พง 0027.2.2/1067  ลงวันที่  6  กันยายน  2549  ออกโดย  โรงพยาบาลตะกั่วป่า  ฝ่ายงานบริหารทั่วไป                3.  สำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติ  ของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ  ( ท.ร.38/1)  ของ  นางเซ   -   เลขประชาชน  00-8206-105176-6   ออกให้โดย  อำเภอคุระบุรี   เมื่อวันที่  24  มีนาคม  2549   ซึ่งเป็นมารดาของ  เด็กชายสมชาย  -                  4.  สำเนาบัตรประจำตัวผู้ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย   นายซอมีทอ   -   เลขประชาชน  00-8501-127148-0  ออกให้โดย  อำเภอเมืองระนอง  เมื่อวันที่  10  กันยายน  2548  เราจึงได้ข้อคิดเห็นจากท่านปลัดว่า1.  เด็กเกิดตั้งแต่ปี 36  แต่ทะเบียนแรงงานพึ่งมี ปี 47  คิดว่าแจ้งเกิดไม่ได้  ระเบียบทะเบียนแรงงานเขาก็ไม่มีให้แจ้งเกิดได้  2.  น่าจะให้รอสำรวจ ระเบียบผู้ไม่มีสถานะฯ แบบ 89 3.  อาจให้รอสำรวจเพิ่ม  เป็นผู้ติดตามกับพ่อหรือแม่  เหมือนกับคำสั่งเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา4.  ลองไปดูว่าตอนพ่อหรือแม่สำรวจ  ได้เคยแจ้งว่ามีบุตรเป็นผู้ติดตามหรือไม่ และทำไมไม่บอกว่ามีบุตร5.  ทำไมเมื่อเดือนเมษา ที่ผ่านมาไม่มาแจ้ง  6.  ที่สำคัญตัวของเด็กไม่ได้อาศัยอยู่ที่อำเภอตะกั่วป่า 7.   จริงๆแล้วถ้าเด็กเกิดปกติ  คือไม่เกินกำหนด  อำเภอรับแจ้งทุกกรณีทั้งมีบัตรและไม่มีบัตร  และถ้าเกินกำหนดก็ไม่ต้องสอบพยานบุคคลมาก  เพราะมีเอกสารชัดเจน   (ปลัดเปรยว่า  จริงๆก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร  )

 

จากข้อความเบื้องต้น  ขออภัยอีกครั้งคะที่ไม่จัดหน้ากระดาษ

ประเด็นเรื่องที่ประสานกับท่านปลัดอำเภอท่านนี้  ท่านก็บอกกับนุชตรงๆว่า   คิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไร  เพราะไม่มีหนังสือหรือระเบียบที่ชี้ชัดว่าให้แจ้งการเกิดเกินกำหนดได้  ถ้าเป็นเด็กที่เกิดปี 47 แล้วมายื่นคำร้องปี 49  ตามปกติน่าจะทำได้  และปลัดชี้แจงต่อว่า  แต่เด็กเกิดปี 36 ก่อนที่จะมีระเบียนแรงงานนี่สิ  ผมยังไม่แนใจว่าจะทำได้หรือเปล่า  ขอเวลาไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน 

เห็นได้ชัดคะ

 

ในฐานะเพื่อนร่วมห้องครูไม่เคยทวงใบเกิดเพราะทราบว่าไม่มี แล้วก็ออกใบเกรดให้ทุกคน ไม่ทราบว่าคุณเอามาจากไหนเรื่องที่ไม่ออกใบเกรดให้คุณได้ไปถามเค้ามาเหรอ

เพื่อนร่วมห้องจะบอกครุดูแลอย่างดีมีอะไรก็ช่วยเหลือ และยังผลักดันให้ไปสอบหอวังนน แล้วไม่ทราบที่คุณโพสอย่างนี้ต้องการอะไร

เราชื่อหมิวและจิจำได้ก็ช่วยออกมาคอมเม้นอะำไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าครูออกใบเกรดให้อยู่แล้วไม่งั้นจะเข้าร.ร.อื่นได้เหรอ

อย่ากให้คนพม่ามีบัต


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท