นั่ง Search หาข้อมูลทางวิชาการ เกี่ยวกับ โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อใช้ในการให้ความรู้ กับกลุ่มอสม. เทศบาลตำบลวิชิต คราวนี้เป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างหนึ่งคือ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเป็นผู้เข้ามาติดต่อ และขอความร่วมมือ กล่าวคือ เริ่มต้นและเกิดจากความต้องการของกลุ่ม อาสาสมัครสาธารณสุขเอง โดยการติดต่อของบประมาณ จากหน่วยงานภายนอก และประสานให้ผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายทอดข้อมูล เป็นวิทยากรให้ความรู้ >> ติดอาวุธทางปัญญาให้กับ อสม. เพื่อนำความรู้เหล่านั้นไปดูแลตนเองและครอบครัว ตลอดจนถ่ายทอด สู่ ชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลวิชิตต่อไป
ต้องยอมรับว่า ความรู้และข้อปฏิบัติตัวเบื้องต้น ณ ปัจจุบัน มีให้พบเห็นทั่วไป ผ่านทาง โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ท แผ่นพับ ใบปลิว บอร์ดนิทรรศการ ตลอดจน ข้อความผ่านโทรศัพท์ มือถือ (SMS) และล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกคู่มือ การป้องกันโรคไข้หวัด 2009 สำหรับประชาชน (http://www.moph.go.th/hot/moph.pdf) แต่ในทางตรงข้าม ประชาชนกลับยังตื่นกลัว และยังปฏิเสธ การรับรู้ข้อมูลผ่านทางสื่อ เหล่านี้ เห็นที นักวิชาการ หรือผู้ทำงานเกี่ยวข้องด้านสุขภาพ อย่างเรา-เรา คงต้องหันกลับมาทบทวนดูแล้วว่า การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการให้สุขศึกษา รูปแบบไหนที่จะเข้าถึงประชาชนและได้รับความสนใจ และนำไปปฏิบัติ ได้ในที่สุด
สำหรับงานที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ ผู้เขียน คงต้องนั่งตีโจทย์สอนอย่างไร ให้เข้าใจ.. "ไข้หวัดใหญ่ 2009" และทำความเข้าใจ ประเด็นสำคัญ ที่จะนำและเชื่อมโยงไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่ม อสม. กลุ่มคน และแรงกำลังสำคัญของงานสาธารณสุข แทบทุกงาน
ใจความสำคัญ ก็ คงมีไม่มาก .. "หากร่างกายเราได้รับเชื้อโรคชนิดนี้แล้วจะมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ ไอ จาม เจ็บคอ ปวดเมื่อย หรือรุนแรงถึงปอดบวม แต่จากสถิตินั้นหากผู้ได้รับเชื้อมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างกลุ่มคนวัยกลางคนก็จะไม่อันตรายถึงเสียชีวิต แต่หากผู้ที่ได้รับเชื้อเป็นเด็ก ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง ทั้งนี้หากเราจะหลีกเลี่ยงต่อเชื้อชนิดนี้เราจะต้องหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ เวลาไอหรือจามต้องป้องกันไม่ให้เชื้อกระจายออกไป และสุดท้ายหลีกเลี่ยงจากผู้ป่วยด้วยการอย่าสัมผัสตา ปาก และจมูก"
คิดว่า คงจะยกตัวอย่างผู้ป่วย .. ทั้งที่รักษาหาย และ ที่เสียชีวิต มาพูดคุย ในครั้งนี้ด้วย .. ช่วงนี้ก็ต้องนั่งหาข้อมูลและกรณีศึกษา ต่อไป ยอมรับว่า ห่างหายจากการเป็นวิยากรมาซักระยะ และตั้งแต่โอนย้ายมา ก็หาโอกาสเข้าไปรับข้อมูลเชิงวิชาการเหล่านี้เท่ากับตอนที่ทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุข จึงต้องอาศัย ครู-ข้อมูล จากอินเตอร์เน็ต และ คงต้องรบกวน พี่-พี่ ชาว gotoknow ที่พอมีสไลด์ให้ความรู้ .. และแนวทาง/กระบวนการ กิจกรรม ถ่ายทอดความรู้ทั้งในกลุ่มอสม. นักเรียน หรือประชาชนทั่วไป ให้ข้อมูลด้วยนะคะ ร่วมกันให้ความรู้ เป็น วิทยาทาน บุญรักษา ทุกท่านคะ
อรุฎา นาคฤทธิ์
มาเจิมให้คนแรกเลย ...
ขอให้มีคนมาอ่านเยอะๆ