ผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาครับ
โมเดลการจัดการความรู้ในโลกนี้ มีหลายแบบ ที่แต่ละแบบเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป
เช่น ในระบบ KM ที่มีการกำกับควบคุมดูแล ก็อาจมี
แต่ ในระบบที่เป็นการจัดการใช้ความรู้แบบธรรมชาติ ที่ผมเคยเห็น “แบบ KM ธรรมชาติ” นั้น
· จะมีการดำเนินงานที่กลมกลืน “เนียน” อยู่ในเนื้องาน ชีวิต และการประกอบอาชีพ
· พบว่า เป็นหลักในการดำรงชีวิตของคนโดยทั่วไป
ที่เรียกได้ว่าเป็น KM ธรรมชาติ
ในแนวคิดนี้คนชอบถามว่า KM ธรรมชาติ แปลว่าอะไร
ผมจึงขอแปลเป็นภาษาที่ฟังง่ายที่สุดคือ
KM ธรรมชาติ คือ การใช้ความรู้ในการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละภูมินิเวศ และสิ่งแวดล้อม
ในการดำเนินการนี้ ไม่มีใครที่จะรู้อย่างลึกซึ้ง ว่าใครรู้เรื่องอะไร หรือ ไม่รู้เรื่องอะไร และกำลังต้องการความรู้อะไร
มีแต่คนที่กำลังดำรงชีวิตเท่านั้นที่น่าจะรู้ชัดเจนที่สุดในประเด็นนี้
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ก็อาจมีคนมากมายที่ ยังต้องการแรงกระตุ้นให้ “ได้คิด” ก่อนที่จะ “คิดได้”
แต่คนที่ช่วยกระตุ้น (คุณอำนวย) ก็จะต้องเข้าใจตัวเองและผู้ที่เราจะไปช่วยว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ของความรู้แบบไหน
เขา (คนที่ช่วยกระตุ้น) จึงจำเป็นต้องเป็นคนดำเนินกิจกรรมในมุมของตัวเองให้ชัด ก่อนที่จะไปช่วยใคร ในรูปแบบ
“จะพัฒนาใคร ต้องพัฒนาตัวเองก่อน”
ในทำนองเดียวกัน
ผู้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม (คุณประสาน) ก็ต้องทำหน้าที่ทั้งคุณกิจ (ในมุมของตนเอง) และคุณอำนวย (ให้กับคุณกิจ และคุณอำนวย) ไปพร้อมๆกัน
จึงทำให้เป็นกิจกรรมที่ซ้อนทับกันอยู่แบบ “เนียน”
และความจำเป็นนี้ เลี่ยงได้ยาก
และ ในทางกลับกัน ตัวคุณกิจเองก็ต้องเป็นทั้งคุณอำนวย และประสานการสร้าง และการใช้ความรู้ ทั้งของตัวเองและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น
และยังอาจต้องทำหน้าที่คุณอำนวย และคุณประสานให้กับสมาชิกท่านอื่นที่ร่วมกิจกรรม ในด้านต่างๆ
ดังนั้นการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ในด้านการจัดการความรู้เพื่อการใช้ความรู้ในการดำรงชีวิตนั้นจะไม่สามารถแยกบทบาทต่างๆ ออกจากกันได้ ในทุกระดับ
เปรียบเสมือนการทำน้ำพริกปลาทูแบบอีสาน ที่เรียกว่า “ป่นปลาทู”
ที่
· นำปลาทูทั้งตัว มาแกะเป็นชิ้นเล็กๆ
· แล้วตำให้ละเอียด
· ผสม เครื่องปรุง น้ำปลา พริก มะนาว หรือมะขาม หรือมะเขือเทศ (แล้วแต่มี และตามความนิยม)
· และผสมน้ำให้ข้น จาง ตามความชอบ
· รับประทานกับผักได้ทุกชนิด ไม่จำกัด ไม่ว่าจะสด หรือลวก หรือต้ม
เอกลักษณ์ก็คือ
· เนื้อปลาทูจะปนกันหมด ไม่ว่าหัวปลา (คุณกิจ) ตัวปลา (คุณอำนวย) หางปลา (คุณประสาน) เครื่องปรุง (คุณเอื้อ)
· ตักแต่ละครั้งได้ทุกอย่าง
· ได้รสชาติกลมกลืน กลมกล่อม ไม่แยกรับรู้ทีละรส ให้อึดอัด
· เสมอภาค ไม่มีหัว ไม่มีหาง กลืนกัน “เนียน” ไปทั้งกระบวน
· รับประทานได้ทั่วถึงแม้จะมีปลาน้อยตัว หรือตัวเล็ก เหมาะกับครอบครัว (ประเทศ) ยากจน ถ้ามีคนมาก ก็ใส่น้ำมากหน่อย แบ่งๆกันไป
หมายความว่าอย่างไร
· เป็นการจัดการความรู้ที่ทุกคนทำหน้าที่ทุกอย่าง
· แม้บางทีจะต้องนำก็ต้องกลับเป็นผู้ตาม
· และการทำตามก็จะกลับเป็นผู้นำในการดำเนินการจัดการความรู้ได้ อย่างเป็นธรรมชาติ
· ทำได้จริง ในชีวิตจริงของแต่ละคน
· เสมอภาค รู้พอๆกัน เป็นพันธมิตรการเรียนรู้ แบบขาซ้ายขาขวา ผลัดกันนำบ้างในบางสถานการณ์
· ใครทำ คนนั้นได้ ไม่มีใครต้องทำให้ใคร แต่ทำไปแลกกันไป พร้อมๆกัน คนทำเป็นคนรู้ คนรู้เป็นคนทำ แบบ ธรรมชาติของการเรียนรู้
· บูรณาการทางความคิด ทั้งภายในของตนเอง และกับผู้อื่น
· ทำเป็นกระบวน พร้อมเพรียงทั้งในตัวเอง และในกลุ่มที่ต้องใช้ความรู้
· วิเคราะห์ปัญหา ข้อดี ข้อด้อย ด้วยตัวเอง ร่วมกัน
· หาสาเหตุ ทางเลือก ทางออกจากการทดลองปฏิบัติจริง ทั้งส่วนตัวและร่วมกัน
· หาวิธีการทำงานของตนเอง หาจุดรวม และจุดร่วมอย่างเป็นจริง
และเป็นการทำงานแบบบูรณาการ และมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน
ดังนั้น สูตร KM ธรรมชาติ แบบของการทำน้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู) จึงเป็นการสื่อความหมายของ
· น้ำพริกปลาทู ที่ตัวน้ำพริกนั้น ทำจาก ปลาทูจริงๆ
o ไม่ใช่เอาน้ำพริกกะปิ มาทานกับปลาทู แบบแยกส่วนๆ ไม่บูรณาการ
· เหมาะสมกับระบบการจัดการความรู้ที่ไม่แยกส่วน ว่าต้องมีใครทำให้ใคร
· ความเหมาะสมกับบ้าน(ประเทศ) ยากจน
เพราะ
· ผู้ทำทุกคนเป็นผู้ได้ความรู้ และผู้มีความรู้ทุกคนเป็นผู้ทำ แบบกลมกลืน “เนียน”
· คนภายนอกเป็นเพียงเครื่องปรุงให้รสชาตกลมกล่อม ถูกใจแต่ละพื้นที่เท่านั้น
การจัดการความรู้ KM แบบ น้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู)
จึงเป็น KM ธรรมชาติ แบบไทยแท้ ครับ
สวัสดีคะท่านอาจารย์แสวง
KMป่นปลาทูของท่านเข้าใจลึกซึ้งได้เป็นอย่างดีมากคะ ขอบพระคุณท่านอาจารย์จากหัวใจจริงๆ
สวัสดีครับท่านอาจารย์
ขอบคุณมากๆ เลยครับ ทำให้เข้าใจเรื่องการบูรณาการน้ำพริกปลาทูได้ดีเลยครับ
แต่เหนือและลึกๆ เข้าไปข้างในนั้น ไม่ว่าจะแยกหรือรวม หากเรากินเข้าไปแล้ว จะมีระบบย่อยตั้งแต่ปาก กระเพาะ ลำไส้ ช่วยกันปั่นภายในเช่นกันครับ ภายในก็บูรณาการแบบ KM ธรรมชาติด้วยครับ
วันก่อนไปซื้อข้าวสารมาหนึ่งกระสอบ ยี่สิบกิโลกรัมครับ
ราคาข้าวหัก ราคา 16 ยูโร
ราคาข้าวเต็มเม็ด ราคา 24 ยูโร
เราเลือกกินกันหักหรือเต็มเม็ด ถามว่าอร่อยตรงไหน อร่อยที่ปากลิ้นกระเพาะ หรืออร่อยที่ใจครับ
แต่กระเพาะรับรู้แล้วทำหน้าที่ย่อยเหมือนกันครับ
ผมเลยซื้อข้าวหักมาลองหุงดู อร่อยดีครับ
ยังไงไปเข้าถึงกระเพาะก็ละเอียดแหลกเหลวช่วยให้ดูดซึมได้เช่นกันครับ
ในการแบ่งแยกกัน ก็มีการรวมอยู่ภายใน... แต่คนเรามักแยกกันครับ
ผมว่าจริงๆ แล้วบางทีการทำ KM จำเป็นไหมว่าเราต้องแยกว่าใครเป็นคุณลิขิต คุณเอื้อ คุณอำนวย...และคุณอื่นๆ
คุณๆ เหล่านี้ ลึกๆ แล้วก็อยู่ในตัวคนคนเดียวกันได้ด้วยใช่ไหมครับ เพียงอาจจะเน้นไปทางคุณไหนมากกว่ากันในแต่ละโอกาส บางโอกาสนะครับ แต่ลึกๆ น่าจะรวมกัน
มีอะไรแตกต่างๆ รบกวนชี้แนะด้วยครับผม อิอิ
ขอบคุณมากครับ อิอิ(คำสร้องในเฮฮาศาสตร์ อิอิ)
สวัสดีค่ะอาจารย์
อาจารย์ได้อธิบายเรื่องป่นปลาทูได้ชัดเจนค่ะไม่สงสัยเลยค่ะเข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ อาจารย์ค่ะหนูได้ทำหน้าที่ที่อาจารย์แนะนำแล้วค่ะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้นำและเป็นผู้ตามค่ะ เป็นทั้งผู้สอนและเป็นทั้งผู้เรียน สอนในเรื่องที่หนูถนัดหนูเรียนเพื่อเพิ่มเติมความรู้ค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
ว้า...ว่าจะเข้ามากิน ปลาทู ทอดกรอบๆ ทำไมเจอแต่ ป่นปลาทู น๊อ..
อิอิ แต่ก็หมดไปแล้วหนึ่งถ้วยกับผักอีกระจาดอ่ะค่ะ
ขอบคุณครับพันธมิตร
ประเด็นของคุณออดน่าสนใจมาก
เมื่อคนน้อยเราก็ทำเข้มข้นได้ แต่คนมากเราก็ทำจางๆ กันไม่ให้เขาเบื่อ (หรือบางคนไม่ชอบรสจัด)
ผมคิดว่าทาง สคส น่าจะนำไปปรับใช้ในการทำงานได้นะครับ
ขอบคุณหลายเด้อค่ะ...อาจารย์ อธิบายได้กินใจทีเดียว
อาจารย์ คะ
ขอบคุณนะคะคำอธิบาย เพราะตอนนี้กำลังจะเป็นทั้งคุณกิจ คุณลิขิต เรียนรู้ร่วมกันกับทีมพยาบาล Med เรื่องการดูแลผู้ป่วยเชื้อดื้อยา ขออนุญาตนำเนื้อหาไปอธิบายให้น้องฟังนะคะ
ด้วยความยินดีครับ
-เรียนท่านอาจารย์
-น้ำพริกปลาทูป่นของท่านลึกซึ้งจริงๆ
-เมื่อเป็นเด็ก คุณแม่เตรียมเครื่องทุกอย่าง
-หอม กระเทียม ข่า ปลาทู พริก ทั้งเล็ก ใหญ่ และอื่นๆที่ต้องใส่รวมทั่งมะนาว น้ำปลา นำตาล มะนาว
-เอาจำพวกที่ย่างไฟได้ไปย่างไฟให้มีกลิ่นหอม
-เอาเครื่องที่ย่างจนหอมมาตำ รวมทั้งปลาย่างด้วย
-พอได้ที่ก็เติมนำสุกลงไป คนผสม เติมรสชาติให้อร่อยตามใจปากคนกิน ตักส่วนไหนของน้ำพริก ก็อร่อยทุกส่วน ทุกครั้ง แถมเสริมวิตามิน และกระตุ่น การทำงานของลำไส้ด้วยผักพื้นบ้าน อร่อยเหาะ กินไม่รู้เบื่อ
-หากเบื่อคุณแม่ก็ทำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนพริกสดเป็นพริกแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำสุก เป็นน้ำพริกแห้งๆ ดีที่พกพาติดตัวไปได้ทุกที่
-อร่อยที่สุดเลย ไม่ต้องบังคับให้ทาน ต้องลอง ทานอร่อยก็อยากทำเป็น ทำได้ก็แจกจ่ายเพื่อนบ้าน อร่อยพูดเป็นเสียงเดียวกัน ค่ะ
ครับ ผมพยายามสื่อเชิงหลักการที่เหมือนกัน ในการดำเนินการ และการใช้งานครับ