KM โมเดล น้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู): KM ธรรมชาติ เพื่อความเป็นไท


เป็นการจัดการความรู้ที่ทุกคนทำหน้าที่ทุกอย่าง เสมอภาค รู้พอๆกัน เป็นพันธมิตรการเรียนรู้ แบบขาซ้ายขาขวา ผลัดกันนำบ้างในบางสถานการณ์
  อนุสนธิจาก ผมได้รับ email จาก สคส ให้อธิบาย โมเดลการจัดการความรู้แบบ KM ธรรมชาติ ในโมเดล น้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู)   

ผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาครับ

  

โมเดลการจัดการความรู้ในโลกนี้ มีหลายแบบ ที่แต่ละแบบเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป

  

เช่น ในระบบ KM ที่มีการกำกับควบคุมดูแล ก็อาจมี

  • ผู้ดำเนินการ (คุณกิจ)
  • ผู้กระตุ้น (คุณอำนวย)
  • ผู้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม (คุณประสาน)
  • ผู้สนับสนุนทรัพยากร (คุณเอื้อ)
  • ผู้คอยจดบันทึก (คุณลิขิต) และ
  • หน่วยดำเนินการสนับสนุน อีกหลาย คุณ
  

แต่ ในระบบที่เป็นการจัดการใช้ความรู้แบบธรรมชาติ ที่ผมเคยเห็น แบบ KM ธรรมชาติ นั้น

  

·        จะมีการดำเนินงานที่กลมกลืน เนียน อยู่ในเนื้องาน ชีวิต และการประกอบอาชีพ

 

·        พบว่า เป็นหลักในการดำรงชีวิตของคนโดยทั่วไป

  

ที่เรียกได้ว่าเป็น KM ธรรมชาติ

  

ในแนวคิดนี้คนชอบถามว่า KM ธรรมชาติ แปลว่าอะไร

  

ผมจึงขอแปลเป็นภาษาที่ฟังง่ายที่สุดคือ

  

KM ธรรมชาติ คือ การใช้ความรู้ในการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละภูมินิเวศ และสิ่งแวดล้อม

  ในการดำเนินการนี้ ไม่มีใครที่จะรู้อย่างลึกซึ้ง ว่าใครรู้เรื่องอะไร หรือ ไม่รู้เรื่องอะไร และกำลังต้องการความรู้อะไร  

 

มีแต่คนที่กำลังดำรงชีวิตเท่านั้นที่น่าจะรู้ชัดเจนที่สุดในประเด็นนี้

  

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ก็อาจมีคนมากมายที่ ยังต้องการแรงกระตุ้นให้ ได้คิด ก่อนที่จะ คิดได้

  

แต่คนที่ช่วยกระตุ้น (คุณอำนวย) ก็จะต้องเข้าใจตัวเองและผู้ที่เราจะไปช่วยว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ของความรู้แบบไหน

  เขา (คนที่ช่วยกระตุ้น) จึงจำเป็นต้องเป็นคนดำเนินกิจกรรมในมุมของตัวเองให้ชัด ก่อนที่จะไปช่วยใคร ในรูปแบบ

  จะพัฒนาใคร ต้องพัฒนาตัวเองก่อน  

 

ในทำนองเดียวกัน

ผู้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม (คุณประสาน) ก็ต้องทำหน้าที่ทั้งคุณกิจ (ในมุมของตนเอง) และคุณอำนวย (ให้กับคุณกิจ และคุณอำนวย) ไปพร้อมๆกัน

จึงทำให้เป็นกิจกรรมที่ซ้อนทับกันอยู่แบบ เนียน   

 

และความจำเป็นนี้ เลี่ยงได้ยาก  

และ ในทางกลับกัน ตัวคุณกิจเองก็ต้องเป็นทั้งคุณอำนวย และประสานการสร้าง และการใช้ความรู้ ทั้งของตัวเองและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น

และยังอาจต้องทำหน้าที่คุณอำนวย และคุณประสานให้กับสมาชิกท่านอื่นที่ร่วมกิจกรรม ในด้านต่างๆ

  ดังนั้นการดำเนินกิจกรรมต่างๆ   

 

ในด้านการจัดการความรู้เพื่อการใช้ความรู้ในการดำรงชีวิตนั้นจะไม่สามารถแยกบทบาทต่างๆ ออกจากกันได้ ในทุกระดับ

  เปรียบเสมือนการทำน้ำพริกปลาทูแบบอีสาน ที่เรียกว่า ป่นปลาทู  

 

ที่

 

·        นำปลาทูทั้งตัว มาแกะเป็นชิ้นเล็กๆ

 

·        แล้วตำให้ละเอียด

 

·        ผสม เครื่องปรุง น้ำปลา พริก มะนาว หรือมะขาม หรือมะเขือเทศ (แล้วแต่มี และตามความนิยม)

 

·        และผสมน้ำให้ข้น จาง ตามความชอบ

 

·        รับประทานกับผักได้ทุกชนิด ไม่จำกัด ไม่ว่าจะสด หรือลวก หรือต้ม

  

เอกลักษณ์ก็คือ

 

·        เนื้อปลาทูจะปนกันหมด ไม่ว่าหัวปลา (คุณกิจ) ตัวปลา (คุณอำนวย) หางปลา (คุณประสาน) เครื่องปรุง (คุณเอื้อ)

 

·        ตักแต่ละครั้งได้ทุกอย่าง

 

·        ได้รสชาติกลมกลืน กลมกล่อม ไม่แยกรับรู้ทีละรส ให้อึดอัด

 

·        เสมอภาค ไม่มีหัว ไม่มีหาง กลืนกัน เนียน ไปทั้งกระบวน

 

·        รับประทานได้ทั่วถึงแม้จะมีปลาน้อยตัว หรือตัวเล็ก เหมาะกับครอบครัว (ประเทศ) ยากจน ถ้ามีคนมาก ก็ใส่น้ำมากหน่อย แบ่งๆกันไป

  

หมายความว่าอย่างไร

 

·        เป็นการจัดการความรู้ที่ทุกคนทำหน้าที่ทุกอย่าง

 

·        แม้บางทีจะต้องนำก็ต้องกลับเป็นผู้ตาม

 

·        และการทำตามก็จะกลับเป็นผู้นำในการดำเนินการจัดการความรู้ได้ อย่างเป็นธรรมชาติ

 

·        ทำได้จริง ในชีวิตจริงของแต่ละคน

 

·        เสมอภาค รู้พอๆกัน เป็นพันธมิตรการเรียนรู้ แบบขาซ้ายขาขวา ผลัดกันนำบ้างในบางสถานการณ์

 

·        ใครทำ คนนั้นได้ ไม่มีใครต้องทำให้ใคร แต่ทำไปแลกกันไป พร้อมๆกัน คนทำเป็นคนรู้ คนรู้เป็นคนทำ แบบ ธรรมชาติของการเรียนรู้

 

·        บูรณาการทางความคิด ทั้งภายในของตนเอง และกับผู้อื่น

 

·        ทำเป็นกระบวน พร้อมเพรียงทั้งในตัวเอง และในกลุ่มที่ต้องใช้ความรู้

 

·        วิเคราะห์ปัญหา ข้อดี ข้อด้อย ด้วยตัวเอง ร่วมกัน

 

·        หาสาเหตุ ทางเลือก ทางออกจากการทดลองปฏิบัติจริง ทั้งส่วนตัวและร่วมกัน

 ·        หาวิธีการทำงานของตนเอง หาจุดรวม และจุดร่วมอย่างเป็นจริง  

 

และเป็นการทำงานแบบบูรณาการ และมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน

  

ดังนั้น สูตร KM ธรรมชาติ แบบของการทำน้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู) จึงเป็นการสื่อความหมายของ

 

·        น้ำพริกปลาทู ที่ตัวน้ำพริกนั้น ทำจาก ปลาทูจริงๆ

 

o       ไม่ใช่เอาน้ำพริกกะปิ มาทานกับปลาทู แบบแยกส่วนๆ ไม่บูรณาการ

 

·        เหมาะสมกับระบบการจัดการความรู้ที่ไม่แยกส่วน ว่าต้องมีใครทำให้ใคร

 

·        ความเหมาะสมกับบ้าน(ประเทศ) ยากจน

   

เพราะ

 

·       ผู้ทำทุกคนเป็นผู้ได้ความรู้ และผู้มีความรู้ทุกคนเป็นผู้ทำ แบบกลมกลืน เนียน

 

·       คนภายนอกเป็นเพียงเครื่องปรุงให้รสชาตกลมกล่อม ถูกใจแต่ละพื้นที่เท่านั้น

  การจัดการความรู้ KM แบบ น้ำพริกปลาทูอีสาน (ป่นปลาทู)

จึงเป็น KM ธรรมชาติ แบบไทยแท้ ครับ  

หมายเลขบันทึก: 135998เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2007 20:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
  • ป้าดอาจารย์ครับ อธิบายได้แจ้งจ่างป่างอีหลี
  • เพิ่มเติมประเด็นอาจารย์ครับ เพื่อให้อาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มครับ
  • การป่นปลาแบบอีสานต้องดูประชากรที่จะร่วมกินด้วยนะครับ
  • คนร่วมพาข้าวมาก ก็ป่นเหลวหน่อย(หมายถึงใส่น้ำมากหน่อย)
  • คนร่วมพาข้าวน้อย ก็ป่นข้นหน่อย(หมายถึงใส่น้ำน้อยหน่อย)
  • บางทีผมกินคนเดียวทำเป็นป่นแห้งก็เคยครับ
  • ส่วนน้ำแกงที่จะใส่ ไทอีสานนิยมต้มจากปลาร้าครับเพราะน้ำจะ นัว แซบ ถูกปากคนอีสานคักๆๆ

สวัสดีคะท่านอาจารย์แสวง

KMป่นปลาทูของท่านเข้าใจลึกซึ้งได้เป็นอย่างดีมากคะ  ขอบพระคุณท่านอาจารย์จากหัวใจจริงๆ

สวัสดีครับท่านอาจารย์

ขอบคุณมากๆ เลยครับ ทำให้เข้าใจเรื่องการบูรณาการน้ำพริกปลาทูได้ดีเลยครับ

แต่เหนือและลึกๆ เข้าไปข้างในนั้น ไม่ว่าจะแยกหรือรวม หากเรากินเข้าไปแล้ว จะมีระบบย่อยตั้งแต่ปาก กระเพาะ ลำไส้ ช่วยกันปั่นภายในเช่นกันครับ ภายในก็บูรณาการแบบ KM ธรรมชาติด้วยครับ

วันก่อนไปซื้อข้าวสารมาหนึ่งกระสอบ ยี่สิบกิโลกรัมครับ

ราคาข้าวหัก ราคา 16 ยูโร

ราคาข้าวเต็มเม็ด ราคา 24 ยูโร

เราเลือกกินกันหักหรือเต็มเม็ด ถามว่าอร่อยตรงไหน อร่อยที่ปากลิ้นกระเพาะ หรืออร่อยที่ใจครับ

แต่กระเพาะรับรู้แล้วทำหน้าที่ย่อยเหมือนกันครับ

ผมเลยซื้อข้าวหักมาลองหุงดู อร่อยดีครับ

ยังไงไปเข้าถึงกระเพาะก็ละเอียดแหลกเหลวช่วยให้ดูดซึมได้เช่นกันครับ

ในการแบ่งแยกกัน ก็มีการรวมอยู่ภายใน... แต่คนเรามักแยกกันครับ

ผมว่าจริงๆ แล้วบางทีการทำ KM จำเป็นไหมว่าเราต้องแยกว่าใครเป็นคุณลิขิต คุณเอื้อ คุณอำนวย...และคุณอื่นๆ

คุณๆ เหล่านี้ ลึกๆ แล้วก็อยู่ในตัวคนคนเดียวกันได้ด้วยใช่ไหมครับ เพียงอาจจะเน้นไปทางคุณไหนมากกว่ากันในแต่ละโอกาส บางโอกาสนะครับ แต่ลึกๆ น่าจะรวมกัน

มีอะไรแตกต่างๆ รบกวนชี้แนะด้วยครับผม อิอิ

ขอบคุณมากครับ อิอิ(คำสร้องในเฮฮาศาสตร์ อิอิ) 

สวัสดีค่ะอาจารย์

อาจารย์ได้อธิบายเรื่องป่นปลาทูได้ชัดเจนค่ะไม่สงสัยเลยค่ะเข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ อาจารย์ค่ะหนูได้ทำหน้าที่ที่อาจารย์แนะนำแล้วค่ะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้นำและเป็นผู้ตามค่ะ เป็นทั้งผู้สอนและเป็นทั้งผู้เรียน สอนในเรื่องที่หนูถนัดหนูเรียนเพื่อเพิ่มเติมความรู้ค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

  • อ. วรภัทร์ว่าผิดหมดแหละครับ  แต่ก็ต้องลองทำดู  แล้วไปเริ่มที่ สุ  ใหม่  อิอิ
  • km สูตรนี้  กินกี่ทีๆก็ไม่เบื่อ  ผักจิ้ม(คุณเติม) จะช่วยให้ได้รสชาติที่ลงตัวในแต่ละคำที่หม่ำเข้าไป ซึ่งแน่นอนครับ  แม้ผักจิ้มจะขม แต่ความกลมกล่อมของรสชาติก็จะยังคงลงตัวดีแน่นอน (ถ้าคนกินชอบ)
  • สวัสดีครับ

ว้า...ว่าจะเข้ามากิน ปลาทู ทอดกรอบๆ  ทำไมเจอแต่ ป่นปลาทู น๊อ.. 

 อิอิ  แต่ก็หมดไปแล้วหนึ่งถ้วยกับผักอีกระจาดอ่ะค่ะ

ขอบคุณครับพันธมิตร

ประเด็นของคุณออดน่าสนใจมาก

เมื่อคนน้อยเราก็ทำเข้มข้นได้ แต่คนมากเราก็ทำจางๆ กันไม่ให้เขาเบื่อ (หรือบางคนไม่ชอบรสจัด)

ผมคิดว่าทาง สคส น่าจะนำไปปรับใช้ในการทำงานได้นะครับ

ขอบคุณหลายเด้อค่ะ...อาจารย์  อธิบายได้กินใจทีเดียว

อาจารย์ คะ

ขอบคุณนะคะคำอธิบาย เพราะตอนนี้กำลังจะเป็นทั้งคุณกิจ คุณลิขิต เรียนรู้ร่วมกันกับทีมพยาบาล Med เรื่องการดูแลผู้ป่วยเชื้อดื้อยา ขออนุญาตนำเนื้อหาไปอธิบายให้น้องฟังนะคะ

-เรียนท่านอาจารย์

-น้ำพริกปลาทูป่นของท่านลึกซึ้งจริงๆ

-เมื่อเป็นเด็ก คุณแม่เตรียมเครื่องทุกอย่าง

-หอม กระเทียม ข่า ปลาทู พริก ทั้งเล็ก ใหญ่ และอื่นๆที่ต้องใส่รวมทั่งมะนาว น้ำปลา นำตาล มะนาว

-เอาจำพวกที่ย่างไฟได้ไปย่างไฟให้มีกลิ่นหอม

-เอาเครื่องที่ย่างจนหอมมาตำ รวมทั้งปลาย่างด้วย

-พอได้ที่ก็เติมนำสุกลงไป คนผสม เติมรสชาติให้อร่อยตามใจปากคนกิน  ตักส่วนไหนของน้ำพริก ก็อร่อยทุกส่วน ทุกครั้ง แถมเสริมวิตามิน และกระตุ่น การทำงานของลำไส้ด้วยผักพื้นบ้าน อร่อยเหาะ กินไม่รู้เบื่อ

-หากเบื่อคุณแม่ก็ทำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนพริกสดเป็นพริกแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำสุก เป็นน้ำพริกแห้งๆ ดีที่พกพาติดตัวไปได้ทุกที่

-อร่อยที่สุดเลย ไม่ต้องบังคับให้ทาน ต้องลอง ทานอร่อยก็อยากทำเป็น ทำได้ก็แจกจ่ายเพื่อนบ้าน  อร่อยพูดเป็นเสียงเดียวกัน ค่ะ

ครับ ผมพยายามสื่อเชิงหลักการที่เหมือนกัน ในการดำเนินการ และการใช้งานครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท