วันนี้ผมได้รับโทรศัพท์จากครูบาสุทธินันท์เรื่องการมาเยือนของทีมบริษัทปูนซีเมนต์ไทย ในช่วงต้นเดือนเมษายน และขอให้ผมเข้าร่วมประชุม เพื่อเน้นการพัฒนาแนวคิด “คุณอำนวย” ทั้งในระบบ KM แบบมีโครงสร้างการสนับสนุนที่ชัดเจน และในรูปแบบของ KMธรรมชาติ
ด้วยความที่ผมไม่เคยแยกคิดมาก่อน ว่าใน KMธรรมชาติ นั้นต้องมีคุณอำนวยในรูปแบบใด ก็เลยต้องมาพิจารณาว่า คุณอำนวยในบริบทของ KMธรรมชาตินั้น น่าจะเป็นอย่างไร
จากประสบการณ์การทำงานแบบ KMธรรมชาติ ผมพบว่า ผู้ที่ทำให้เกิดการพัฒนาได้มากที่สุดนั้น จะต้องเป็นต้นแบบให้คนอื่นได้ดูเป็นตัวอย่างตั้งต้น แต่ใครจะเลียนแบบได้มากขนาดไหนนั้นก็คงขึ้นอยู่กับบุคคลผู้นั้นเอง แต่ถ้าเป็นแค่พูดให้คนอื่นฟัง มักจะไม่ค่อยประสพผลสำเร็จ เนื่องด้วย
1. การพูดแบบไม่เห็นของจริงนั้น เข้าใจยาก และไม่มีตัวอย่างให้ปฏิบัติตาม หรือ แม้จะเห็นของจริง แต่ไม่อยู่ในบริบทจริง ก็เข้าใจยาก
2. คนที่ไม่ได้ทำ หรือแค่ไปจำเขามาเล่า และต้องมาอธิบายถึงวิธีการทำนั้น ยากที่จะเกิดความชัดเจนในแทบทุกกรณี
3. การอธิบายไป ปฏิบัติไปจะทำให้ได้การพัฒนาความรู้ได้ง่ายที่สุด
4. คุณอำนวย ใน KMธรรมชาติ ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในทุกๆด้านในรูปแบบของ “ครูชุมชน” จึงจะได้ผลดีที่สุด
ดังนั้น “คุณอำนวย” ในระบบ KMธรรมชาติ จึงต้องเป็นคุณกิจที่ทำจนสำเร็จมาก่อน สามารถทำให้ดูได้ มีทั้งความรู้ฝังลึก และความรู้ชัดแจ้งในตัวมากพอ ที่จะเป็น “ต้นแบบ” ให้คนอื่นได้ดูเป็นแบบอย่าง จึงจะสามารถบอกให้ผู้สนใจ ให้เข้าใจและพัฒนาตนได้
ซึ่งแตกต่างจากคุณอำนวยในระบบที่มีลำดับชั้นการทำงานหรือการสั่งการ และพัฒนายากกว่า ใช้เวลาและทรัพยากรมากกว่า จึงต้องทุ่มเททั้งตัวและหัวใจครับ จึงจะได้ผล
เช่นเดียวกับการพัฒนาต้นแบบในเครือข่ายปราชญ์ นั่นแหละครับ
ด้วยความเคารพ
อุทัย อันพมพ์
ครับ
เหมือนกับที่มีผู้รู้กล่าวไว้ว่า
"ครูที่ดีต้องเป็นนักเรียนที่ดี(มาก่อน)" นะครับ