เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสาย..ในเวลาเดียวกัน (ท่านชุติปัญโญ)


เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายในเวลาเดียวกันได้ เราจึงควรเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เพราะหลงทางนั้นเสียเวลา แต่หลงคุณค่าที่จะเกิดมีสำหรับชีวิต เราจะเสียใจตลอดกาล

วันนี้เป็นวันเสาร์ (1 มีนาคม 2551) .. ชีวิตของผมช่วงนี้คือการตรวจรายงาน รวมคะแนน และตีคุณค่าของเกรดให้กับนักศึกษาว่า คะแนนของพวกเขาควรได้เท่าไหร่กันแน่ หรือ จะต้องติดภาระผูกพันกับผมในภาคเรียนฤดูร้อนนี้

หลังเที่ยง ผมหาเวลาไปเดินดูหนังสือที่ร้านหนังสือประจำตัว คือ สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ที่ช่วงนี้ลดราคาหนังสือให้กับสมาชิก 20 %

ผมเดินหาหนังสือของท่านชุติปัญโญ  ผมพยายามเปิดและเลือกดูว่า มีข้อเขียนใดที่สามารถช่วยบรรเทาความรู้สึก และอาจจะเป็นคำตอบให้เพื่อนผมคนหนึ่งได้บ้าง เพื่อนคนนั้นก็คือ คนที่เขียนบันทึกนี้ ... วันนี้ผมได้"เลือก" อีกแล้ว : บนเส้นทางฝันที่ผมก้าวเดิน 

 

ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ... ผมยังไม่มีข้อเขียน หรือ ความคิดที่จะบรรเทาความรู้สึกในบันทึกนี้ได้ ผมจึงเลือกที่จะไม่เขียนอะไรลงไปในกรอบความคิดเห็นนั้น แน่นอน ผมไม่ทราบหรอกว่า ความทุกข์ หรือ ความสุข ที่ต้องเลือกนั้น คืออะไร ...

  • ทุกข์ที่ต้องเลือก
  • ทุกข์ที่ไม่ต้องเลือก
  • สุขที่ต้องเลือก
  • สุขที่ไม่ต้องเลือก

(มีคำว่า "ต้อง" อีกแล้ว .. กลัวท่าน Conductor จะเข้ามาเตือน อิ อิ :)

ผมไม่ทราบ ...

 

แล้วผมก็พบข้อเขียน เรื่อง "เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายในเวลาเดียวกัน" ชื่อกินใจดีครับ ของท่าน "ชุติปัญโญ" ในหนังสือ ชื่อ "จะยากอะไร ถ้าอยากให้ใจมีสุข"

 

" ...

ไม่มีการเดินทางใดที่จะยาวนานเท่ากับการเดินทางของชีวิต เพราะการเดินทางที่มีเส้นชัยเป็นเครื่องวัดการไปถึง ผู้เดินตามยังรู้ได้ว่า จะต้องก้าวไปให้ถึงตรงไหน จึงชื่อว่า ถึงจุดนัดพบที่รับรู้กัน

แต่การเดินทางของชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ ทุกก้าวย่างล้วนมีคำถามคอยให้ตอบอยู่ทุกขณะ แม้จะรู้ว่าเส้นชัยของการไปถึงในแง่ของสังขารร่างกายคือ ความตาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ชีวิตที่มีอยู่จึงจะรู้สึกเชื่อมั่น

เพราะเมื่อมองวิถีชีวิตของผู้คนที่ดำเนินไปแต่ละขณะ สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ล้วนแฝงไว้ด้วยความสงสัยตลอดเวลา ตั้งแต่อดีตก่อนมาเกิด ขณะที่เกิดมาแล้ว กระทั่งอนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้า ทุกความรู้สึกช่างมืดมนเกินกว่าที่จะทำให้สว่างไสวได้ในเวลาอันสั้น

เมื่อชีวิตตกอยู่ท่ามกลางความสับสน สิ่งที่เราต้องแสวงหาให้ตัวเองก็คือ การทำความเข้าใจในชีวิตที่ได้มา และการรู้จักเลือกสิ่งที่สำคัญให้กับตัวเอง เพื่อให้ชีวิตที่น้อยนิดนี้มีความหมายก่อนจะตายไป

เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายในเวลาเดียวกันได้ เราไม่สามารถที่จะให้ชีวิตมีสิทธิ์เลือกหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเลือกสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตัวของเราเอง

ยิ่งเวลาที่ใช้เดินทางไปพร้อมกับชีวิตนั้นมีจำกัด เรายิ่งต้องเลือกว่าจะมอบสิ่งใดเป็นกำไรให้กับตัวเราดี ชีวิตที่ได้มาจึงจะมีคุณค่าที่น่าจดจำ เพราะบ่อยครั้งเรามักจะมองออกไปนอกตัว ไกลเสียจนน่าตกใจว่า กำลังตามหาอะไรกันอยู่

ยิ่งการเรียนรู้นั้นอยู่นอกกายและใจมากเกินไป ยิ่งถือว่า เป็นชีวิตที่ไร้อุดมคติในการเป็นอยู่ ประหนึ่งว่า ได้ชีวิตมาแต่กลับปล่อยให้ผ่านไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง เป็นความไร้ค่าสำหรับการเกิดของเรา

 

สมเด็จเท็นซิน กยัตโส องค์ทะไลลามะที่ ๑๔ แห่งประเทศทิเบต ตรัสไว้ว่า

"อุดมคติเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตของบุคคล หากปราศจากอุดมคติแล้ว ท่านไม่อาจเคลื่อนไหวสิ่งใดได้ แต่ไม่ว่าท่านจะบรรลุในอุดมคติหรือไม่ หาใช่สิ่งสำคัญ แต่บุคคลต้องทดลอง และทำให้ใกล้เคียงอุดมคติมากที่สุด"

 

ถ้าเรารู้จักตีกรอบชีวิตอย่างสั้น ๆ แต่ได้สาระ เป็นชีวิตที่เปี่ยมด้วยอุดมคติที่ดีงาม และดำรงอยู่ท่ามกลางความจริงที่ควรใฝ่หา ย่อมทำให้เรารู้ว่า ความจริงของชีวิตนั้น ไม่ได้ต้องการวิธีเรียนรู้ที่มากจนเกินไป แต่อยู่ที่กายกับใจที่คอยประคองร่วมกัน เพื่อค้นหาคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในชีวิตให้เจอต่างหาก

ทว่าคนเราเมื่อเห็นว่า สิ่งที่มีอยู่น้อยนิด ก็มักคิดว่า สิ่งที่น้อยจนเกินไป ไม่สามารถทำให้ชีวิตมีความสุขได้ เพราะเรามักตั้งเป้าหมายของสิ่งที่ต้องการเป็นความหลากหลายและมีสีสันที่ละลานตา จึงทำให้ใจปลิวว่อนตามสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป

แต่เชื่อไหมว่า การตามหาสิ่งที่ไกลเกินในวิถี ที่ไม่ใช่ แทนที่จะรู้ว่าคุณค่าแท้จริงนั้นอยู่ที่ใด กลับเป็นว่ายิ่งตามหายิ่งว่างเปล่าจากคำตอบที่ต้องการ รังแต่จะเพิ่มความเหนื่อยล้าเพราะวิธีแสวงหานั้นไร้ความชัดเจน

แต่สำหรับคนที่ฉลาด จะตีกรอบชีวิตให้แคบลงแต่ชัดเจนในวิธีการค้นหาคุณค่ามอบให้ตัวเอง โดยรู้จักตั้งข้อสังเกตว่า ชีวิตนั้นมีกี่อย่าง มีอะไรบ้างที่ควรใช้เวลาให้น้อยที่สุดแต่คุ้มค่ากับการทำความเข้าใจ

คำตอบที่น่าจะใช่ในชีวิต มักจะมาบรรจบที่เรื่องของกายกับใจที่สอดคล้องกันเป็นสำคัญ ซึ่งดูเหมือนเป็นคำตอบให้เลือกที่น้อยนิด แต่ก็เพียงพอที่จะพบคุณค่าที่มาจากภายใน มิใช่เพียงเปลือกที่ห่อหุ้มแต่ไร้แก่นที่ควรจะได้เชยชม

การรู้จักสร้างกายและใจให้สมดุลต่อกัน ดูเผิน ๆ ช่างเป็นความลำบากที่จะประสานกันได้ แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่เพราะกายกับใจที่เกิดมาร่วมกัน เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันเพียงรูปลักษณ์ของสมมติเท่านั้น

หากมีกายแต่ไร้จิตใจควบคุม กายที่มีอยู่ก็เป็นเพียงสิ่งที่เคลื่อนไหวแต่ไร้ความรู้สึก ส่วนจิตใจที่ไม่มีกายให้อาศัย ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่ล่องลอยไปมา แต่ไม่สามารถสื่อสัมพันธ์กับสิ่งใดได้

การสร้างกายกับใจให้สอดคล้องกัน จึงเป็นเรื่องที่สามารถเชื่อมโยงให้เป็นหนึ่งเดียวได้ เป็นเส้นทางสายเดียวกันที่ชีวิตควรทำความเข้าใจ มิใช่มัวแต่หลงพะวงกับสิ่งที่ไร้ค่าแต่ถูกมองว่า จำเป็นเช่นอย่างอื่นที่ผ่านเข้ามา

เพราะเรามักจะคิดว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุขแบบชาวโลกที่หลากหลาย คือ คำตอบที่ใครหลายคนต้องการเป็นภาวะสากลที่ทุกคนให้การชื่นชม ด้วยวิธีคิดเช่นนี้ เราจึงหลงประเด็นในการเลือกว่าจะให้ชีวิตของตัวเองก้าวไปอย่างไร

ทำให้การเลือกแต่ละครั้ง ตกอยู่ในภาวะที่ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะทุกเส้นทางที่เราปรุงแต่งขึ้นในจินตนาการล้วนสวยหรู และเป็นสิ่งที่คิดว่า จะช่วยเชิดชูตัวเราให้สูงขึ้น พร้อมกับนำไปสู่ความสุขที่น่าจะยั่งยืนต่อไป

ทางเดินที่ควรจะเหลือน้อยจึงถ่างกว้างออกไป แต่เป็นการถ่างกว้างแล้วทำให้เราหลงได้ง่ายขึ้น ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลานานจนเกิดความจำเป็น กว่าจะถึงจุดหมายที่วางไว้เวลาของชีวิตก็เหลือน้อยเต็มทน

ดังนั้น เมื่อรู้จักเรียนรู้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ก็ต้องรู้จักที่จะถามตัวเองเพิ่มขึ้นว่า จะให้ชีวิตนี้เป็นไปอย่างไร กำไรที่จะเพิ่มเป็นความงอกงามจึงจะเกิดมี มิใช่สักแต่ว่าเลือกทุกอย่างที่ขวางหน้า จนไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรสำคัญที่สุด และอะไรสำคัญรองลงมา

เพราะชีวิตไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายด้วยเวลาที่สั้นได้ แต่ชีวิตสามารถเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่มีคุณค่าได้ แม้ทางที่เดินอาจจะไม่หลากหลาย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เราค้นพบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในระหว่างทางและปลายทางที่ไปถึง

เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายในเวลาเดียวกันได้ เราจึงควรเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เพราะหลงทางนั้นเสียเวลา แต่หลงคุณค่าที่จะเกิดมีสำหรับชีวิต เราจะเสียใจตลอดกาล

 

... "

 

ข้อเขียนนี้มีข้อคิดแอบซ่อนอยู่ ขึ้นอยู่กับว่า ท่านจะตีค่าอย่างไรเท่านั้น

ขอบคุณที่เพื่อน กัลยาณมิตร และผู้ผ่านทางแวะมาเยี่ยมเยือนบันทึกนี้

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้นะครับ

บุญรักษา ทุกท่านครับ :)

หมายเลขบันทึก: 168559เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2008 23:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (30)

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ Wasawat

        เปรียบเทียบกับตัวผมเองแล้ว  ผมมีเส้นทางอยู่สองเส้นครับ    ระหว่างเส้นทางสายที่มีคุณค่าจริง  กับเส้นทางสายที่มีคุณค่าเทียม

        การเดินทางของผมก็สลับกันใช้ทั้งสองเส้นทางครับ

        ตั้งใจว่าจะใช้เส้นทางสายที่มีคุณค่าจริง

        แต่สายที่มีคุณค่าเทียม มันก็มีสิ่งเย้ายวนใจให้หลงทางไปบ่อยๆ

       ตอนนี้ในแต่ละวันก็ต้องมาตรวจสอบตัวเองครับ ว่าวันนี้เดินไปทางใหนมากกว่ากัน

      ส่วนใหญ่ก็มักจะเผลอไปสายคุณค่าเทียม

                                     ขอบคุณครับ

    

  • แวะมาเยี่ยมค่ะ
  • อยากบอกว่าเป็นคนคอหนังสือประเภทเดียวกันหลายเรื่องเลยค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ ท่าน ผอ.วิชชา small man

  • นอนดึกเหมือนกันนะครับเนี่ย :)
  • เส้นทางคุณค่าเทียมนั้น มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา เดินหลงกันบ่อยอยู่แล้วล่ะครับ
  • ดึงตัวเองกลับมาให้เร็วมากเท่าไหร่ ก็เป็นประโยชน์กับชีวิตตัวเองมากเท่านั้นครับ

ขอบคุณครับ ที่แวะมาแลกเปลี่ยนกันครับ :)

สวัสดีครับ คุณ หมอเจ๊

  • จริงหรือครับว่า เราเป็นคอหนังสือเดียวกัน ติ๊กต๊อก ๆ ๆ ๆ
  • ผมแค่คนห่างวัด วัดไม่ค่อยเข้า เลยต้องมาอ่านหนังสือแทน

ขอบคุณนะครับ คุณหมอ :)

สวัสดีค่ะ อาจารย์

เส้นทางของคนเรามีทางเดียวเสมอ ใครจะแยกทางเดินได้สองทางล่ะค่ะ  นอกจากจะมีสองร่าง และจะเลือกเดินทางด้านมืดหรือด้านสว่าง

สหรับครูเอมีทางเดินทางเดียว  แต่แวะเลี้ยว พักตามร่ายทาง เพื่อแสวงหาความสุข ชื่นชม กับธรรมชาติแวดล้อม ก่อนหน้านี้ก็เคยตั้งหน้าตั้งตาเดินๆๆก้มหน้าก้มตา มองหาแต่ทางเดินที่จะให้ถึงจุดหมาย   แบกทุกอย่างไว้ วางลงไปไม่ได้ และพบว่าระหว่างทางฉันเครียด ไม่มีความสุข และกลายเป็นความทุกข์ ทุกข์เพราะตัวเองคิด ว่าเป็นทุกข์

ผมเข้ามาอ่านสองรอบครับ ขอซึมซับบันทึกดีๆนี้เต็มที่

จะขอเข้ามาอีกรอบครับพร้อมความคิดของผม- - -กับสิ่งที่ผมกำลังจะเลือก

แต่อยากบอกว่า "สุขที่จะได้เลือก" และ "สุขที่เป็นผู้ถูกเลือก"

ขอบคุณกัลยาณมิตรในโลกเสมือน เป็นกำลังใจที่ดีให้กันเสมอครับ :)

 

สวัสดีค่ะอาจารย์P  Wasawat Deemarn

มีความสุขทุกครั้งที่แวะมา หอมกลิ่นหนังสือของอาจารย์ค่ะ

แอบติดตามอาจารย์มาตั้งแต่ปลายปีก่อนโน้นแล้ว อาศัยอยู่ในรั้วช้างกับอาจารย์ค่ะ แล้วก็มีทางเดินที่อยากเลือกพร้อม ๆ กันตั้งสามทางสี่ทาง โลภมากอยากให้ตัวเองมีความสุขพร้อมกัน ทุกทางเลือกในเวลาเดียวกันด้วยค่ะ

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไป สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ จะลดราคาหนังสือให้กับสมาชิก 20 % ถึงเมื่อไรคะ เป็นสมาชิกจนได้ต่ออายุฟรี แต่ใช้ไม่คุ้มกับที่เค้าให้เลยค่ะ

สวัสดีครับ อ. Wasawat Deemarnและ กัลยาณมิตรทุกท่านครับ

อ่านบันทึกนี้เสร็จเหมือนเรากำลังนั่งมองดู พระอาทิตย์กำลังทอแสงประกายที่ขอบฟ้า ใกล้รุ่งแล้ว แสงสีขลิบทองเปล่งประกาย ให้ความสว่างสดใส และอบอุ่น

นั่นหมายถึง การเห็นเส้นทางที่เราจะเดินต่อจากนี้ไป รวมถึงพลังความเชื่อมั่นที่มีอยู่เต็มเปี่ยม พร้อมแล้วสำหรับการเลือกเส้นทางของชีวิต เส้นนี้ที่เลือก

ผมตอบโจทย์ชีวิตของตัวเองเสมอเมื่อตระหนักว่า "เวลาที่เหลือน้อย" เราควรทำอะไรเพื่อให้เกิดคุณค่าให้กับสังคม ครอบครัวและตัวตน การเดินทางของผมจึงใช้ปัญญาในการชี้นำ และผมเชื่อว่าพลังความดีที่เราเพียรสะสมและสร้างขึ้นมาเรื่อยๆเป็นกุศลยิ่งใหญ่ให้เราพบพานสิ่งดีงามในชีวิต

เมื่อถึงทางแยก แน่นอนว่าใครก็ใครก็ต้องลังเล ทุกคนมีชุดความรู้อยู่ชุดหนึ่ง และเราต่างก็ใช้เหตุผลที่อ้างขึ้นมาจากการสังเคราะห์ชุดความรู้นั้นสนับสนุนสิ่งที่คิดพร้อมกับพลังปัญญาที่ช่วยตัดสินใจ หรือใช้อารมณ์ความพึงพอใจด้วยก็แล้วแต่วิถีคน

ผมตัดสินใจด้วยความเชื่อมั่น และเมื่อตัดสินใจแล้ว หน้าที่ต่อไปคือ การทำให้ดีที่สุด ทำให้สุดของความตั้งใจ เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดีเสมอ..เราเองต่างหากเป็นผู้ควบคุมประวัติศาสตร์นั้น

ผมเขียนถ้อยความนี้บ่อยๆว่า "เราเป็นคนสร้างประวัติศาสตร์" ดังนั้นมหากาพย์เรื่องยาวว่าด้วย "ชีวิต" เราทดลองมาด้วยตนเอง ผลึกผลที่ได้มาจากประวัติศาสตร์ที่เลือกแล้ว

"...ดังนั้น เมื่อรู้จักเรียนรู้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ก็ต้องรู้จักที่จะถามตัวเองเพิ่มขึ้นว่า จะให้ชีวิตนี้เป็นไปอย่างไร กำไรที่จะเพิ่มเป็นความงอกงามจึงจะเกิดมี มิใช่สักแต่ว่าเลือกทุกอย่างที่ขวางหน้า จนไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรสำคัญที่สุด และอะไรสำคัญรองลงมา

เพราะชีวิตไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายด้วยเวลาที่สั้นได้ แต่ชีวิตสามารถเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่มีคุณค่าได้ แม้ทางที่เดินอาจจะไม่หลากหลาย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เราค้นพบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในระหว่างทางและปลายทางที่ไปถึง

เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสายในเวลาเดียวกันได้ เราจึงควรเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เพราะหลงทางนั้นเสียเวลา แต่หลงคุณค่าที่จะเกิดมีสำหรับชีวิต เราจะเสียใจตลอดกาล..."

ผมขอใช้ความรู้สึกของผมร้อยเรียงเชื่อมโยงบทบันทึกงามนี้ครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับบันทึกและความรู้สึกดีๆที่มีให้กันตลอดเวลาครับ

:)

สวัสดีครับ คุณ ครูเอ

  • คุณครูได้นำการเดินทางของตัวเองมาเล่าให้ฟัง
  • ได้ความรู้สึกที่ชัดเจนมาก ครับ
  • เหนื่อยนัก ก็ พักหน่อย ครับ

บุญรักษา ครับ :)

สวัสดีครับ คุณพี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี :)

  • พี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี  แอบดูสมุดบันทึก "หอมกลิ่นหนังสือ" หรือครับ แหม ! .. ห้ามอ่านเฉย ๆ ครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลยครับ ... ประตูเปิดรอแล้ว
  • ผมเคยอยู่ "รั้วมหาวิทยาลัยช้าง" เกือบ 10 ปีครับ อิ อิ เพียงแต่ผมมีเส้นทางเดินของผมที่ผมตั้งมั่นไว้นานมาแล้ว จึงต้องขอไปทำตามความฝันนั้นครับ
  • และผมคิดว่า ผมเคยร่วมประชุมสัมมนากับพี่หลายครั้ง แต่พี่ไม่ทราบหรอกว่า ผมอยู่แถว ๆ นั้น ครับ ผมชอบเล่นซ่อนแอบ แปะโป้ง อะไรพวกนี้ครับ
  • สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ลดราคาหนังสือถึง 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ว่าง ๆ ไปดูหนังสือนะครับ เพราะเดี๋ยวหนังสือที่อยากอ่านจะหมดเสียก่อน
  • จะอ่านเล่มเดียวกับผมก็ได้นะครับ ของท่าน ชุติปัญโญ ... :)

ยินดีที่พี่ให้เกียรติเข้ามาสม่ำเสมอ แต่ไม่แสดงตัวนะครับ อิ อิ คราวหน้า ต้องแสดงนะ จะบอกให้ :)

สวัสดีครับ คุณเอก :)

  • แล้วบันทึกนี้ ก็ถึง "กัลยาณมิตรที่ผมตั้งใจมอบให้"
  • ยินดีมากครับที่คุณเอกได้รับสิ่งดี ๆ จากบันทึกนี้ จากท่านชุติปัญโญ พระคุณเจ้าที่เขียนหนังสือด้วยความเข้าใจแก่นธรรม ทำให้คนที่อยู่ทางโลกอย่างผม เข้าใจไปด้วย
  • ชีวิตเป็นของเรา ครับคุณเอก ... เลือกเส้นทางที่เรามีความสุข ถึงแม้หนทางอาจไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ แต่ถ้าเราเลือกแล้ว ก็ต้องไป ครับ

บุญรักษา ครับ :)

แวะเข้ามาอ่านค่ะ อิอิ

ตัวอักษร...ล้วนมีเสน่ห์

ส่งกลิ่นอบอวลไปไกล...แสนไกล...

และคุณค่าของแต่ล่ะสิ่ง...อยู่ที่มุมมอง..

ของแต่ละคน จริงไหมค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียน...เขียนต่อนะค่ะ

อิอิอิ

สวัสดีค่ะอาจารย์

ได้แต่ร้อง อ้าว อ้าวว แล้วก็ อ้าววว อยู่ดัง ๆ ในใจ

เล่นซ่อนแอบกันอย่างนี้ ก็ไม่ได้แปะ โป้งกับอาจารย์สิคะ

ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวสวมวิญญาณนักสืบ สืบผ่านข้อ 3 4 5 6 7

เคยอยู่ ... 

1. มหาวิทยาลัยที่มีต้นนนทรีเยอะ ๆ
2. โรงเรียนสอนคอมฯ เอกชน
3. ศูนย์คอมฯ มหาวิทยาลัยช้าง
4. คณะคุณหมอ มหาวิทยาลัยช้าง
5. ศูนย์กลยุทธ์ฯ มหาวิทยาลัยช้าง
6. คณะรักสัตว์ มหาวิทยาลัยช้าง
7. ห้องสมุดใหญ่ มหาวิทยาลัยสมเด็จย่า

ปัจจุบัน ...

ครูของครู ...มหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ

 ใบ้อีกนิด..สิคะ

สัญญาว่าจะตามกลิ่นหนังสือต่อไปค่ะ

สวัสดีครับ พี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี

  • อย่าสืบต่อไปเลยครับ ผมน่ะ โจทก์เยอะ อิ อิ
  • เอาเป็นว่า แค่อ่านบันทึกผม แล้วพูดคุยกัน นี่ก็พอแล้วล่ะครับ
  • ผมเป้นคนชอบฟังเรื่องดี ๆ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละท่านมันเป็นเรื่องที่น่าติดตามครับ
  • ยิ่งมีมุมมองแปลก ๆ ก็น่าวิเคราะห์ถึงความเป็นมา
  • สนุกดีครับ

ขอบคุณครับ พี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี  ที่ร้อง อ้าว ๆๆๆ และ อ้าว อิ อิ

- yainob ตามเข้ามาขอบคุณที่นำทางสว่างและทางออกให้ค่ะ

- คงเป็นเพราะ .....(เติมกันเองนะ)....ที่ทำให้ได้เรียนสร้าง blog จากอาจารย์ Handy เมื่ออาทิตย์ที่แล้วและได้อ่านเรื่อง " สลดใจกับการศึกษาไทย ในมิติการพัฒนาครู-อาจารย์" ที่อาจารย์ Handy เล่าให้ฟัง ทำให้ได้คิดและเลือกที่จะเปลี่ยนแนวทางเดินชีวิตใหม่ ไม่เดินไปตาม road map ที่เคยวาดไว้ และยิ่งได้เข้ามาอ่าน "เราไม่อาจเดินบนเส้นทางสองสาย...ในเวลาเดียวกันได้" ยิ่งทำให้รู้ว่า อนาคต..จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกไว้ในวันนี้ เพราะมีคนนำทางแล้ว ไม่หลงทางแน่นอน

- ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ผู้นำทาง

สวัสดีครับ อาจารย์ yainob

  • อาจารย์ชอบเป็น "ครู" หรือ "อาจารย์" ครับ
  • เหมือนจะความหมายเดียวกัน แต่ความรู้สึกต่างกันนะครับ
  • ท่านอาจารย์ Handy ถือเป็นปรมาจารย์ BLOG ของ Gotoknow ท่านหนึ่งเลยครับ
  • อาจารย์โชคดีแล้วที่ได้เรียนกับท่าน
  • ผมยังใช้เวลาเรียนด้วยตัวเองถึง 6 เดือน ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่เลย
  • แล้วจะเป็น "ผู้นำทาง" อาจารย์ได้อย่างไรครับ
  • บางทีผมยังหาทางออกไม่เจอเลย อิ อิ
  • แต่อย่างไร ก็ต้องขอบคุณอาจารย์มากที่แวะมาเยี่ยมเยือนถึงเชียงใหม่เสมือนแห่งนี้ ครับ

บุญรักษา ครับ :)

สวัสดีครับอาจารย์

  • ชีวิต สำหรับผม คือสิ่งที่ต้องใช้มันเพื่อ แสวงหาความสุข ความพอใจมาใส่ตนให้มากที่สุด
  • แต่โชคดีที่ได้ค่อยๆค้นพบว่า .. ตัวเรานั้นมีอยู่เพียง 1 คน ส่วนคนอื่นๆนั้น มีอยู่มากมายเหลือประมาณ การทำอะไรเพื่อตัวเราเป็นหลักหรือเห็นแก่ตัวมากๆ จึงน่าจะไม่ฉลาดนัก
  • และเมื่อประจักษ์แจ้งในสัจธรรมที่ว่า " ทุกชีวิต ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ทั้งหมด ทั้งสิ้น "
  • ผมจึงต่อความข้อแรกให้สมบูรณ์ว่า .... " ชีวิต  คือสิ่งที่ต้องใช้มันเพื่อแสวงหาความสุข ความพอใจมาใส่ตนให้มากที่สุด ด้วยการให้ และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อเกื้อกูลผู้อื่น "
  • จะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ไม่สำคัญ .. ภูมิใจที่จะขอเดินเส้นทางนั้นต่อไปเรื่อยๆครับ 
  • อ่านบันทึกนี้เหมือนได้ทบทวนตัวเองคะ

    เพราะสิ่งที่เคยเกิดและกำลังคิดอยู่ ก็เรื่องนี้คะ :)

    อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วรู้สึกมีกำลังใจ

    ที่จะอะไรในชิวิตอีกมากมายค่ะ

    ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆคะ

    * ตามมาถูกทางเพราะอ่านบันทึกของอาจารย์ Handy

    * อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น

    * อะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จะรีบทำ

    * ต้องขอบคุณมากนะคะสำหรับบันทึกดีดีที่นำมาให้อ่าน

    สวัสดีครับ อาจารย์ Handy :)

    • ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ให้เกียรติมาเยี่ยมบันทึกนะครับ
    • การเลือกใช้ชีวิตเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมและคนอื่น ๆ ถือเป็น ความสุขด้วยการให้ ครับ

    ขอบคุณครับ :)

    ขอบพระคุณ ท่าน ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์  ที่ได้ให้เกียรติ ครับ .. :)

    ด้วยความยินดีครับ น้อง มะปรางเปรี้ยว  :)

    ดีใจที่ข้อเขียนที่นำมาใส่ไว้มีประโยชน์

    สวัสดีครับ คุณครูนฤมล hello_kitty

    • การใช้ชีวิตของคนเราทุกย่างก้าว ต้องมีสติกำกับ ครับ
    • ห้ามทำอะไรตามอำเภอใจ หรือ อารมณ์
    • มิฉะนั้น ความพลาดพลั้งอาจจะเกิดขึ้นในชีวิต
    • บางครั้งก็สามารถแก้ไขได้ บางครั้งก็ไม่ ปล่อยแล้วเลยไป
    • ขอให้มีความสุขกับการมีลมหายใจทุกวัน

    ขอบคุณครับ :)

    สวัสดีครับ คุณครู ทิวาวรรณ จันทะรัด

    • ยินดีที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือน ครับ
    • ความเข้าใจชีวิต ถือเป็นเรื่องสำคัญครับ
    • การเลือกหันมาทำความรู้จักตัวเองบ้าง เป็นสิ่งที่ดีนะครับ
    • แต่หลายคนมักลืม ไม่ค่อยหันมามองตัวเองเท่าไหร่
    • เวลาเกิดปัญหาใด ๆ ก็มักจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถูกต้อง

    ขอบคุณครับ :)

    เป็นสมาชิกใหม่ยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเขียนขออภัยด้วยถ้าผิดพลาด ถูกค่ะชีวิตมีสองทางให้เลือกเสมอไม่มีใครได้อะไรพร้อมกัน ขึ้นอยู่ว่าจะเลือกสิ่งใด สำหรับตัวเราตัดสินไม่ถูกว่าจะเลือกเส้นไหนจึงเป็นทุกข์ใจอยู่ตลอด มันเหมือนว่าตอนแรกเราวิ่งหนีเงาแต่พอเราตังหลักได้หันกลับมาเงามันวิ่งหนีเรา จึงรู้สึกว่าเหนื่อยมาตอนนี้ไม่รู้ว่าจะวิ่งหนีหรือหันหน้าสู้ ใครก็ได้ช่วยชี้แนะด้วยขอบคุณค่ะ

    ถ้าไม่คิดสู้ ก็ต้องหนีตลอดชีวิตอ่ะครับ คุณ aamlug ;)

    เลือกเดินเส้นทางที่คิดว่า มีความสุขที่สุดเถอะครับ

    สวัสดีค่ะ ตอนนี้ขออยู่เฉยๆก่อนตั้งหลักให้หมั่นเพื่อที่จะก้าวออกไปโดยไม่ล้ม(สิ่งที่ล้มคือใจ)

    ขอให้กำลังใจแล้วกันนะครับ คุณ aamlug ;)

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท