วันนี้ผมส่งเมล์ใบงานแก้เกรด I ให้กับนักศึกษา ป.บัณฑิต แม่ฮ่องสอน ที่กำลังทำงานส่งผมอยู่ผ่านระบบ GOTOKNOW นี่แหละ ...
หลังจากนั้น ผมก็ตรวจงานแก้ไขครั้งที่ 1 เพื่อดูว่า นักศึกษาผ่านตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้วหรือไม่ ถ้าผ่าน ผมจะแก้ไขเกรด ส่งมหาวิทยาลัยต่อไป
แต่ยังพบว่า นักศึกษาหลายคนไม่สนใจกับชีวิตของตัวเอง ไม่มีความก้าวหน้า เสมือนว่า ยังไม่เริ่มก้าวเดินสักก้าว ... แล้วความสำเร็จจะปรากฎตามที่ตัวเองต้องการได้อย่างไรกัน
ย้อนกลับมา เมื่อวาน ... ไปเดินร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ร้านประจำ ... หลังจากพอมีเงินบ้าง เล็กน้อย ได้มา กิเลสตัณหาก็ขึ้นทันที อยากอ่านหนังสือ ๆ ...
แล้วจึงได้หนังสือของท่านชุติปัญโญมาอีกเล่ม ชื่อ "ชีวิตวันนี้ที่วุ่นวาย มีที่พักใจหรือยัง ?"
พลิกมา พบข้อเขียนสอดรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นพอดี
"... เพราะมีจุดเริ่มต้น หนทางสู่ชัยชนะจึงปรากฎ ..."
การเริ่มต้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกชีวิต เพราะเป็นเสมือนการให้ โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ที่จะแก้ไขสิ่งผิดให้ดีขึ้น หรือได้ต่อยอดคุณงามความดีที่มีอยู่ ให้ได้ตั้งตะหง่านให้ผู้คนได้ชื่นชม และน้อมปฏิบัติตาม
ความจริงที่น่ากลัวอย่างหนึ่งของคนเราก็คือ "การหยุดเรียนรู้ชีวิตที่ได้มา" เพราะความรู้สึกที่เหนื่อยล้าจากการค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง จึงทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในภวังค์แห่งความไม่รู้ตลอดไป
เพราะบางครั้งเรามักบอกกับตัวเองว่า เรื่องที่กล่าวมานั้นเรารู้แล้ว และเข้าใจแล้ว จึงทำให้เกิดความต้องการที่จะหยุดทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเอง
การหยุดหรือพักการเรียนรู้ไม่ใช่ปัญหา หากเราเข้าใจในเรื่องราวนั้น ๆ อย่างถ่องแท้ แต่หากหยุดแล้วทำให้แช่อยู่ในความเขลา นั่นชื่อว่า เป็นการทำชีวิตให้จมอยู่กับความไม่รู้อย่างคนผู้น่าสงสาร
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดมีสำหรับคนเราทุกคนก็คือ การตื่นตัวที่จะเรียนรู้อยู่เป็นนิจ ไม่ใช่ตื่นตัวที่เป็นความตระหนกตกใจ แต่เป็นการตื่นตัวเพื่อที่จะมองสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยปัญญาที่แจ่มชัดในจิตใจภายในให้มากกว่าเดิม
เพราะเมื่อมีการเริ่มต้นค้นหาข้อมูลให้กับชีวิต ย่อมทำให้ปัญญาชนิดใหม่ได้ตื่นตัว พร้อมกับการทำหน้าที่ในการชำระสะสางปัญหาที่มีให้สงบตัวลง หรือ สลายไปในที่สุด
การหยุดที่ขาดศิลปะจึงไม่ใช่วิถีที่ควรสั่งสมให้กับตัวเรา แต่การรู้จักเริ่มต้นใหม่ด้วยปัญญาที่แจ่มใสต่างหาก เป็นวิธีที่เราต้องรู้จักสร้างเพื่อเป็นกำลังใจมองให้ตัวเอง ถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ให้เกิดปัญญา ที่พร้อมจะรับมือกับปัญหาที่จะตามมา
เพราะหากเรารู้จักสังเกตสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าการรู้จักเริ่มต้นอย่างมีทิศทาง ถือว่า เป็นก้าวยางที่นำไปสู่การเติบโตได้ในสักวัน เฉกเช่นแมกไม้ที่โตแล้วให้ร่มเงา ก็เริ่มจากเมล็ดกล้าเล็ก ๆ ที่โผล่จากดิน ซึ่งต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้อย่างทระนงด้วยตัวของมันเอง
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ต้องรู้จักเริ่มต้นอย่างมีความหวัง เริ่มตั้งแต่การให้โอกาสกลับมาดูแลตัวเอง ทั้งในแง่ของสุขภาพกายภายนอกให้มีการเติบโตอย่างมีหลัก มีการสร้างเกาะป้องกันสิ่งร้ายที่จะเข้ามาทำลายเรา
รวมถึงการเริ่มต้นค้นหาจิตใจที่มีความสงบมอบให้ตัวเอง ซึ่งถือว่า เป็นการเข้าไปค้นหาคุณค่าชีวิตภายใน เพื่อให้เกิดความสะอาด สว่าง สงบ อันเป็นคุณค่าที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่อย่างมีความสุข
การเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกชีวิต เพราะเป็นเสมือนการให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ที่จะแก้ไขสิ่งผิดให้ดีขึ้น หรือได้ต่อยอดคุณงามความดีที่มีอยู่ ให้ได้ตั้งตระหง่านให้ผู้คนได้ชื่นชมและน้อมปฏิบัติตาม
ทุกชีวิตควรเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นด้วยความใส่ใจ แม้ว่าปัญหาที่ต้องการจะก้าวข้ามนั้นจะยากลำบากเพียงใด เพราะหากไร้ซึ่งการเริ่มต้นแล้ว แม้ชัยชนะจะยืนยิ้มรออยู่ รอยยิ้มนั้นก็เป็นเพียงความพลอยยินดีที่ยังไร้ผล
แต่หากเริ่มต้นที่จะแสวงหาด้วยความมุ่งมั่นและใส่ใจ แม้เบื้องต้นอาจจะลำบากเพราะการต่อสู้ แต่หากไม่ยอมแพ้ที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่หวังไว้ เป้าหมายที่รออยู่ย่อมมีโอกาสสมหวังในสักวัน และยิ้มรับผู้ที่มีความเพียรนั้นด้วยความชื่นชมตลอดกาล
จงเริ่มต้นแม้ในวันที่สายไป ดีกว่าหยุดอยู่กับที่โดยไม่คิดที่จะให้มีอะไรเกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยเราก็ชื่อว่า ได้จุดประกายชีวิตให้มีความหวัง และรู้จักเสริมสร้างพลังอย่างคนที่เห็นคุณค่าในตัวเอง
ในวัดแห่งหนึ่งมีภิกษุอยู่ 2 รูป ซึ่งมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน รูปหนึ่งมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ห่วงอาลัยในการแสดงหาลาภสักการะมาสู่ตน จึงมีชีวิตที่ดูเหมือนเป็นพระจน ๆ รูปหนึ่งเท่านั้น
แต่อีกรูปหนึ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสังคม จึงทำให้เกิดลาภสักการะมากมาย ทำตัวประหนึ่งว่า ท่านเป็นพระที่รวยยศศักดิ์
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุที่อยู่อย่างเรียบง่ายได้พูดกับภิกษุผู้มั่งมีว่า
"ผมจะไปศึกษาธรรมะทางฝั่งทะเลใต้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะมีคนเล่าขานกันว่า ฝั่งทะเลทางใต้นั้นมีครูบาอาจารย์ที่มีความรู้อยู่จำนวนมาก ท่านจะเดินทางไปกับผมไหม"
ภิกษุผู้มั่งคั่งได้ฟังเช่นนั้น ก็หัวเราะในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะการเดินทางนั้นช่างไกลเหลือเกิน ไกลจนไม่กล้าที่จะเดินทางไปโดยไม่มีการเตรียมการ พร้อมกับกล่าวว่า
"ไม่ล่ะ ผมยังไม่พร้อม เพราะไม่ได้เตรียมอะไรเลย"
"ก็ไม่เห็นจะต้องเตรียมอะไรนี่ครับ มีแค่กาน้ำหนึ่งใบ และบาตรสำหรับบิณฑบาตก็เพียงพอแล้ว ท่านจะต้องเตรียมอะไรอีกล่ะ"
"ท่านไม่รู้อะไร มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก ผมก็ต้องการไปทะเลใต้เหมือนกัน แต่สำหรับผมต้องมีความพร้อมมากกว่านี้ ต้องเสบียงคือ อาหาร ยารักษาโรค เครื่องใช้ต่าง ๆ เรือสักหนึ่งลำ ลูกเรือมาช่วยนำทางอีกสักสองคน และทำพินัยกรรมต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะเดินทางไป ส่วนตัวท่านล่ะ มีเพียงแค่กาน้ำหนึ่งใบ และบาตรสำหรับบิณฑบาต แล้วจะถึงเป้าหมายได้อย่างไรกัน"
เมื่อพูดคุยกันแล้วแต่ไม่ลงตัว ภิกษุผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายก็ขอตัวออกเดินทางไปก่อน เพื่อไปศึกษาธรรมะจากครูบาอาจารย์ที่ฝั่งทะเลทางใต้
การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องเผชิญทั้งอากาศที่หนาวเหน็บ และอากาศที่ร้อนดั่งจะเผากายให้มอดไหม้เป็นผุยผง แต่ภิกษุผู้มีความปรารถนาในธรรมอันแรงกล้าก็ไม่ยอมแพ้
ท่านออกเดินทางด้วยกำลังใจที่เด็ดเดี่ยว โดยใช้กาน้ำที่ติดตัวไปตักน้ำสำหรับฉันระหว่างทางที่พัก ใช้บาตรเดินบิณฑบาตเพื่อขอข้าวฉันประทังชีวิตของตัวเองให้อยู่ได้ไปวัน ๆ จนในที่สุดก็บรรลุถึงเป้าหมายคือ ฝั่งทะเลทางใต้ โดยใช้เวลาในการเดินทางถึง 1 ปี
ต่อมาอีก 2 ปีให้หลัง เมื่อภิกษุผู้มีชีวิตเรียบง่ายได้ศึกษาธรรมะจากครูบาอาจารย์ฝั่งทะเลใต้จนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จึงลาอาจารย์เพื่อเดินทางกลับวัดที่ตนเคยอยู่อาศัย
ในตอนขากลับ ท่านก็เดินทางด้วยความยากลำบากเช่นเคย แต่ในใจนั้นกลับมองเห็นปัญญาที่เกิดขึ้นทุกขณะ และมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป
เมื่อกลับมาถึงวัด ภิกษุมั่งคั่งผู้คิดว่า ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างเสียก่อนก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นเพื่อนภิกษุกลับมาจากทะเลใต้ด้วยกาน้ำเพียงหนึ่งใบ และบาตรเก่า ๆ ที่ติดตัวไปเหมือนเดิม
ส่วนตัวท่าน แม้คิดจะเตรียมความพร้อมมานานเพียงใด แต่ปรากฎว่า ก็ไม่เคยพร้อมสักที จึงไม่มีโอกาสที่จะศึกษาธรรมะจากครูบาอาจารย์ฝั่งทะเลใต้ แม้กระทั่งตัวตายก็ไม่อาจรู้ได้ว่า ฝั่งทะเลทางใต้นั้นเป็นอย่างไร
เมื่ออ่านจบ ... ผมคิดถึงลูกศิษย์ที่ตั้งเป้าหมายแต่ไม่มีความพยายามจะทำอะไรให้สำเร็จ และคิดถึงตัวเองว่า ... หนังสือ เอกสารประกอบการสอนของตัวเอง เมื่อไหร่จะเขียน .. เตรียมตัวนานไปดั่งเช่นภิกษุผู้มั่งคั่งกระมัง :)
หวังเพียงว่า ผู้ผ่านทาง กัลยาณมิตร ผู้ใฝ่ใจเรื่องธรรม คงได้รับประโยชน์บ้าง
บุญรักษา ทุกท่านครับ
สวัสดีค่ะคุณ wasawat
เจี้ยวก็มีวันขี้เกียจของตัวเองบ่อยๆ แต่เจี้ยวใช้คำว่า ใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่น เพราะรู้สึกดีกว่า ไม่ได้ใช้ชีวิตประมาทเพียงแต่ผ่อนๆให้ตัวเรา เพราะชีวิตในวันทำงานผ่อนๆให้ตัวเองไม่ได้เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตคนอื่นเยอะค่ะ
อ่านบันทึกคุณ wasawatตั้งแต่สมัตรg2kค่ะ แต่ไม่ค่อยทิ้งรอยไว้ ชอบอ่านค่ะมีความสุข
นี่แหละค่ะ ใช่เลย ได้เริ่มต้นก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกค่ะ :)
สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn
จุดเริ่มต้นเป็นโอกาสเสมอ ชัยชนะต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ และสติปัญญา ความหวังและฝึกปรือ ทุกอย่างย่อมมีชัยชนะถ้าลงมือกระทำ
สวัสดีครับ คุณเจี้ยว จิราวรรณ ลีลาพัฒนาพาณิชย์
ขอบคุณมากนะครับ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์
:)
สวัสดีครับ พี่ jaewjingjing
ขอบคุณนะครับ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์
ขอบคุณอาจารย์มากครับ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง
ขอบคุณอาจารย์ ครับ :)
สวัสดีครับ คุณครูธีรภัทร ... เฉิน
ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมด้วยความสม่ำเสมอ :)
สวัสดีค่ะ อ.Wasawat Deemarn
- หลายๆ วันในหนึ่งปีที่ทำงานโดยวันนั้นใช้เวลาได้คุ้มมากที่สุด จนบางครั้งอยากเพิ่มเวลาในหนึ่งวันอีก 24 ชั่วโมง
- หลายๆ วันในหนึ่งปีที่ทำงาน ก็มีวันที่ขี้เกียจ เป็นที่สุด วันนั้นแหละค่ะ คือวันที่หยุดที่จะเรียนรู้
- พอได้อ่านสิ่งที่อ่านพยายามบอก พยามสอนผ่าน gotoknow นี้
1. ได้ข้อคิดดีหลายๆ อย่างค่ะ
2. นำไปใช้ได้กับเด็กๆ ที่โรงเรียน เป็นอย่างดี ค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ คุณครูจิตติมา toonty
ขอบคุณครับ :)