เช้า ๆ นั่งดูซีรี่ส์เกาหลี เรื่อง Cofee Prince แบบผ่าน ๆ ซึ่งปกติไม่ค่อยได้ดู เพราะไม่อยู่บ้าน
นั่งอ่านบันทึกใน Gotoknow ก็เห็นมีแต่ความรัก ความรัก แล้วก็ความรัก ... หวาน ขม ระคนกันไป
กัลยาณมิตรหายไปแต่งงาน ไปงานแต่งงานเพื่อน หรืออยู่ในสภาวะการ "ค้นหาตัวเอง" อันเกิดจากความรัก
บางทีกัลยาณมิตรก็เข้ามาถามเรื่องของ "ความรัก" ก็ไม่แตกฉานนี่ จะให้ตอบว่ายังไงดี หาคำตอบไม่เจอแฮะ
ดูข้อเขียนนี้ไหมครับว่า มีคำตอบแอบซ่อนอยู่บ้างไหม ... ก่อนเริ่มอ่านข้อเขียนนี้ อยากขอร้องให้ค่อย ๆ อ่าน ทบทวนเนื้อความให้ดี ให้เข้าใจความหมาย ไม่ต้องรีบร้อน อ่านไม่เข้าใจ ก็ใหม่อีกรอบก็ได้ เพราะเนื้อหาเรื่องนี้ค่อนข้างยาว ... ลองอ่านดูนะครับ
อย่าให้ความรู้สึกรัก เป็นความลวงหลอกใจเรา ... ท่านชุติปัญโญ
หลายคนอาจมีคำถามในเรื่องของความรักว่า "รักที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นใด?" เพราะเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองต้องการมาครอบครองแล้ว แต่ทำไมสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นความรัก มักแปรเปลี่ยนเป็นปัญหาให้ต้องแก้ไขอยู่ร่ำไป
ความรู้สึกที่คิดว่าเป็นความรักแท้ จึงเป็นคำถามให้ต้องแสวงหาคำตอบเรื่อยมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะความรักของคนที่ชื่อว่าเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ ช่างเป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่าจะตอบให้กระจ่างชัดได้ในทันทีทันใด
เพราะหากสังเกตผู้คนที่กำลังแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ให้กับตัวเองบนพื้นฐานของคนที่ขาดรักแล้ว ทุกความรู้สึกมักเป็นการเยื้อแย่ง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาตอบสนองใจของตนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรักในนิยามของการมีคู่รักหรือการแต่งงาน ถือว่าเป็นปัญหาที่ทำให้เราต้องปวดหัวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เราไม่อาจปฏิเสธว่า ธรรมชาติของมนุษย์ต้องแสวงหาคู่ครอง อันเนื่องมาจากไม่สามารถอยู่คนเดียว หรือไม่สามารถควบคุมความต้องการทางกามารมณ์ได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นจากการขาดความรัก และขาดความเข้าใจในตัวเอง ความรู้สึกเหล่านี้ล้วนมีเหตุผลในนิยามของคำว่ารักซ่อนอยู่เสมอ
แม้อาจจะมีเหตุผลของความรักเพิ่มขึ้นมาว่า สิ่งที่ชื่อว่าเป็นความรักนั้น ต้องมีความดีงามมากกว่าความใคร่ก็ตาม แต่คนเราก็มักจะกระโดดข้ามกรอบความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ได้ยากเต็มที
แต่ก็แปลกอยู่อย่างคือ เมื่อแรกเริ่มของการแสวงหาความรักและคนรักเพื่อมาเคียงคู่ เราจะมีจินตนาการที่สวยหรูมาหล่อเลี้ยงความรู้สึกให้มีความหวังเสมอ ทุกความคิดเต็มไปด้วยความหอมหวานในสิ่งที่ใฝ่หา
ปัญหาแม้เพียงนิดในเรื่องการครองรัก ไม่สามารถผ่านเข้ามากล้ำกรายให้เรารู้สึกระคายเคืองได้ เพราะเรามั่นใจว่าความรักจะนำทางไปสู่การชนะทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาได้แน่นอน ทว่าพอเอาเข้าจริง ๆ ทุกอย่างไม่ใช่นิยามที่สามารถขีดเขียนให้เป็นดั่งหวัง เพราะแต่ละคนมีอารมณ์และพฤติกรรมชีวิตที่ถูกฝึกฝนมาต่างกัน จึงเกิดเป็นความแตกต่างทางความต้องการที่ซ่อนอยู่ในใจลึก ๆ
เมื่อการอยู่ร่วมกันนานเข้า ผนวกกับการไม่รู้จักควบคุมความต้องการภายในใจให้โอนอ่อนผ่อนตามกันได้ ไม่รู้จักให้อภัยในความบกพร่องที่แต่ละคนมีอยู่ ธาตุแท้ที่เป็นความเลวร้ายที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อกัน ก็มักจะโผล่มาแสดงตัว
จากที่เคยรักมาก กลับกลายเป็นความสงสัยในบุคคลที่เคยรัก ภาพดี ๆ ที่เคยเห็น กลับเป็นภาพของคนใจร้ายที่ทำให้รู้สึกกลัว ทำให้เกิดความรู้สึกที่จะต้องตีตัวออกห่างให้ไกล สุดท้ายเมื่อสิ่งที่คิดไม่เป็นดั่งหวัง การจากลาจึงถือว่าเป็นทางออกที่แต่ละคนเลือกมอบให้ตัวเอง
ทว่าสำหรับคนที่มีเหตุผลในรัก เพราะมีปัญญาคอยกำกับรู้ เขาย่อมเรียนรู้อย่างคนที่รู้จักประคองวิถีแห่งรัก ด้วยความทะนุถนอมอย่างผู้มีปัญญา อย่างน้อยก็ไม่ประทุษร้ายสิ่งที่เคยเรียกว่า รัก ในความทรงจำของตน
แต่จะถนอมรักอย่างผู้ใช้ปัญญามากกว่าการใช้อารมณ์และสร้างรักนั้นให้ก้าวพ้นความใคร่ในเรื่องกามารมณ์ให้ได้ เพื่อให้ความรักกลายค่าเป็นความปรารถนาดีที่มีต่อกัน กระทั่งนำไปสู่การสร้างสิ่งที่ดีงามตามวิถีที่แต่ละคนมีอยู่ โดยมีความรักคอยก่อร่างเป็นทางที่สร้างสรรค์แทน
ที่สำคัญกว่านั้น การเรียนรู้ความรักระหว่างคนทั้งคู่ จะมุ่งเข้าสู่รูปแบบชีวิตที่ก่อให้เกิดคุณค่าในปัจจุบันเป็นสำคัญ โดยผ่านการก่อรูปของการมีศีลธรรม เพื่อเป็นกรอบของการสร้างรักที่มีต่อกันด้วยความเข้าใจ
ก่อเป็นรักเดียวใจเดียวในบุคคลที่ตนรัก กระทั่งเชื้อเชิญบุคคลที่ตนเชื่อมั่น ให้ช่วยกันถักถอรักนั้นให้มีความงามด้วยความดี เพื่อก้าวไปสู่ภาวะของความรักที่เรียกว่านิรันดรร่วมกัน
เพราะความรักนั้นโดยเนื้อแท้ไม่ใช่ความร้าย แต่ที่กลายค่าเป็นความลวงเพราะเราไร้ความเข้าใจ ทุกอย่างที่เคยเป็นความรักจึงกลับกลายเป็นความร้ายทำลายตัวเรา และคนรอบข้างอย่างไม่ไยดี
ดังนั้น เมื่อคิดจะมีรัก โปรดอย่าให้ความรู้สึกรักนั้นเป็นความลวง แล้ววกกลับมาทำร้ายตัวเราและคนที่เรารักนั้นให้เจ็บปวด
อย่าให้ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมี กลับกลายเป็นความลวงที่มาหน่วงรั้งตัวเราและคนที่เรารัก ให้จมอยู่กับความเลวร้ายฝ่ายเดียว
แต่จงสานใยรักที่มี เพื่อก่อให้เกิดเป็นความดีร่วมกัน
เมื่อนั้นความรักที่เรามีต่อกัน จะช่วยสานสัมพันธ์สิ่งต่าง ๆ ให้ก่อรูปเป็นความงามอย่างหาที่สุดมิได้ตลอดกาลนาน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องความรักที่แท้จริง เขาครุ่นคิดเรื่องนี้มานาน แต่ก็ไม่เข้าใจสักที แม้ว่าเขาจะผ่านการมีความรักด้วยการแต่งงานแล้วก็ตาม
แต่ชายหนุ่มก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า ทำอย่างไรความรักที่ตนต้องการจะอยู่กับตัวเองได้นาน ๆ ต่อมามีคนแนะนำให้ไปขอคำตอบจากอาจารย์เซน เขาจึงได้ไปหาท่านและเล่าความในใจให้ฟัง
"ท่านอาจารย์ครับ ผมมีภรรยาแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ผมกลับไปชอบผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ภรรยาของตน ทำให้รู้สึกสับสนในเรื่องนี้มาก ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี ผมจึงมาปรึกษาอาจารย์เพื่อที่จะหาทางออกในเรื่องนี้"
"แน่ใจแล้วใช่ไหมว่า ผู้หญิงที่เธอรักนั้น จะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายในชีวิตของเธอ?"
"ผมคิดว่าคนที่ผมกำลังรักอยู่นี่แหละ คือ คนสุดท้ายจริง ๆ ผู้หญิงคนใหม่คงจะเหมาะสมที่สุดแล้วครับ"
"ถ้าเธอคิดเช่นนี้ ก็จะไปหย่ากับภรรยาซะ"
"ท่านอาจารย์ ทำไมพูดเช่นนี้ล่ะ เพราะภรรยาของผมช่างดีต่อผมเหลือเกิน เป็นคนสุภาพอ่อนโยน ใจดี และฉลาดในทุกเรื่อง ถ้าผมทิ้งเธอไป จะไม่เป็นการใจร้ายต่อเธอไปหน่อยหรือครับ?"
"ก็ในเมื่อเธอมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักรักครอบครัวของตัวเอง การทำอย่างนี้ ยังจะชื่อว่ามีคุณธรรมอยู่อีกหรือ"
"ที่ท่านพูดมาก็ถูก เพราะภรรยาของผมมีความดีมากมาย ผมจึงไม่กล้าทิ้งเธอไป"
"ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่า ภรรยาของเธอเป็นคนที่โชคดีมาก"
"ภรรยาของผมจะโชคดีได้อย่างไร ในเมื่อผมจะหย่ากับเธอ ?"
การโต้ตอบในเรื่องความรักดำเนินมาได้สักพัก ชายขี้สงสัยก็ยังมองไม่เห็นแก่นแท้ในเรื่องนี้อยู่ดี อาจารย์จึงได้อธิบายความหมายที่นำไปสู่การเข้าใจรักที่แท้จริงให้เขาได้รับทราบว่า
"เพราะในชีวิตการแต่งงานของผู้หญิงคนนั้น ยังมีความรักที่เขามีต่อสามีเก็บไว้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจอยู่ แต่สำหรับผู้เป็นสามี ชื่อว่า ได้สูญเสียความรักไปหมดแล้ว เพราะได้แบ่งใจไปชอบหญิงอื่น หญิงผู้เป็นภรรยาจึงโชคดี ที่ได้ครอบครองความรัก แต่ชายผู้เป็นสามีชื่อว่า เป็นคนที่โชคร้าย เพราะได้สูญเสียความรักไปแล้ว"
เมื่ออาจารย์กล่าวให้ข้อคิดดังนี้ ท่านก็นำเทียน 3 เล่ม มาปักเป็นแถวไว้ตรงหน้า แล้วจุดให้เกิดมีแสงสว่างทั้งสามเล่มพร้อมกับถามชายหนุ่มว่า
"เธอจงดูเทียนทั้งสามเล่มนี้ที่ปักอยู่ตรงหน้า และตอบให้ได้ว่าเล่มไหนสว่างที่สุด ?"
"ดูไม่ออกครับว่าเล่มไหนสว่างที่สุด เพราะเท่าที่ตาของผมมองเห็น ทุกเล่มสว่างเท่ากัน"
"เทียนทั้งสามเล่มนี้เปรียบเสมือนหญิงสาวสามคน หนึ่งในนี้ก็มีผู้หญิงที่เธอรักในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย ลองคิดดูสิว่า แม้เทียนเพียงสามเล่ม เธอก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าเล่มไหนสว่างที่สุด แล้วผู้หญิงที่มีอยู่เป็นแสนเป็นล้านล่ะ จะรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนรักเธอที่สุด และเป็นคนสุดท้ายในชีวิตที่เธอจะรักได้"
เมื่อท่านอาจารย์กล่าวมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ได้แต่อึ้งต่อถ้อยคำของท่าน และเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นความจริงของความรัก ท่านถึงกล่าวต่อไปอีกว่า
"ถ้าอย่างนั้น ให้เธอนำเทียนทั้งสามเล่มมาปักตรงหน้า แล้วเรียงลำดับเป็นแถวเรียงตอนลึกต่อ ๆ กันไป และให้ดูอีกครั้งว่า เล่มไหนสว่างที่สุด"
ชายหนุ่มได้ทำตามคำชี้แนะของอาจารย์ โดยปักเทียนเป็นแถวตอนลึกเรียงต่อกัน แล้วมองไปยังเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้าด้วยความใส่ใจ พร้อมกับตอบคำถามว่า
"เล่มที่อยู่ตรงหน้าของผมสว่างที่สุดครับ"
"เมื่อเธอได้คำตอบเช่นนี้แล้ว ก็ให้นำเทียนทั้งสามเล่มไปปักเรียงไว้เป็นแถวตามเดิม แล้วตอบใหม่อีกครั้งว่าเล่มไหนสว่างที่สุด"
"ถ้าทำแบบนี้ ก็ตอบไม่ได้ว่าเล่มไหนสว่างที่สุด เพราะผมมองเห็นแสงสว่างที่มีอยู่เท่ากันเหมือนเดิม"
เมื่อการถามและตอบในเรื่องดังกล่าวสิ้นสุดลง อาจารย์จึงมองมาที่ชายหนุ่มผู้กำลังสับสนในเรื่องความรัก และกล่าวเตือนสติเพื่อให้เขารู้จักเลือกที่จะรักอย่างคนที่เข้าใจ
"รู้ไหมว่า ทำไมเธอจึงรู้สึกรักผู้หญิงคนล่าสุด เพราะว่าเธอเอาจิตใจไปจดจ่อที่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนกับที่นำเทียนมาตั้งเรียงต่อกันเป็นแถวตอนลึก และเธอก็เห็นเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้าได้ชัดที่สด เพราะความรู้สึกรักหรือชังนั้น เกิดมาจากใจของเรา แต่เวลาที่นำเทียนไปวางไว้เป็นแถวเท่ากันเหมือนเดิม ก็มองเห็นสิ่งที่มีอยู่เท่า ๆ กัน ไม่มีเล่มไหนที่สว่างมากกว่ากัน ดังนั้น การกล่าวว่า ผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตน เป็นผู้หญิงที่เธอรักมากที่สุดและจะรักเป็นคนสุดท้ายนั้น จัดว่าเป็นมายาจิต เพราะแต่ก่อนเธอก็เคยคิดต่อภรรยาที่แต่งงานกันเช่นนี้ แต่เพราะจิตไร้สติครอง เธอจึงมองสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาด้วยภาวะที่ไหวเอนไปตามแรงอารมณ์ แต่แท้จริงแล้ว อารมณ์ทีเกิดขึ้นเป็นเสมือนพระจันทร์ที่อยู่ใต้น้ำ เพราะในที่สุดก็คือ ความลวงที่คิดว่าเป็นความจริง ด้วยเหตุนี้ เธอจึงควรทบทวนความต้องการของใจให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป"
โปรดอย่าให้การค้นหาความรู้สึกที่เป็นรักแท้ เป็นได้แค่ความลวงที่ก่อให้เกิดเป็นความหึงหวงในสิ่งที่ได้มา เพราะรักแท้ไม่ควรก่อให้เกิดเป็นความลวง แล้วมาทำลายเราและคนรอบข้างให้เจ็บตัว
แต่ควรเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้ว ช่วยนำเราไปสู่วิถีชีวิตที่งดงามทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ด้วยความรู้สึกชื่นชนเสมอเมื่อความรู้สึกที่เป็นความรักนั้นผ่านเข้ามา
คนที่อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้ง คือ คนที่มีประสบการณ์ของตัวเองใกล้เคียง และเคยสัมผัสเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นตัวเอง อาจจะดี ไม่ดี หรือเลวร้ายไปเลยก็มี
ผู้บันทึกเองก็มีประสบการณ์ไม่น้อย และรู้สึกได้ในข้อเขียนนี้ ...
ความรักที่เห็นแก่ตัว เผาผลาญคนทั้งสอง พร้อมกับคนรอบข้างให้วายวอดได้ทั้งหมด ยศถาบรรดาศักดิ์ ชื่อเสียงทั้งชีวิตที่สร้างมา พังเพราะคนเห็นแก่ตัวเพียงคนเดียว
แต่ยังไม่อยากเล่าประสบการณ์ตรง..ยังไม่ถึงเวลา
อยากให้คนที่กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับความรักอยู่ สามารถหาทางออกเจอ หลังจากอ่านข้อเขียนนี้นะครับ
อยากให้คนที่อยู่ในความรักที่มีความสุข จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท หลังจากอ่านข้อเขียนนี้แล้วเช่นกัน
ขอให้มีความสุขทุกท่านครับ
บุญรักษา :)
แหล่งอ้างอิง
ชุติปัญโญ. ชีวิตวันนี้ที่วุ่นวาย มีที่พักใจหรือยัง ?. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.
อ๋อคิดว่า ความรักของเรามันก็ความคิดของเราเองนั่นแหล่ะค่ะ แล้วเราก็สุขเราก็ทุกของเราตามที่เราปรุงแต่งความคิดของเราไปบางครั้งบางทีคนที่เรารัก ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ความรักที่ดีน่าจะเป็นความรักที่พร้อมจะให้ พร้อมจะทำความเข้าใจ และพร้อมจะยอมรับในความแตกต่างค่ะ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เราทุกคนมีข้อเสีย เราทุกคนมีข้อดี แต่หากเราเลือกจะรัก ก็ต้องทำความเข้าใจในทุกๆข้อเสีย และมีความพอใจในทุกๆข้อดีด้วยเช่นกัน ที่สำคัญต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว และเข้าใจธรรมชาติของความรักว่าเช่นเดียวกันกับธรรมชาติของทุกสิ่ง นั่นคือไม่เที่ยง และเปลี่ยนแปลงได้ ความรักมักมีอาการข้างเคียงเป็นความหวง ความหึง ความคิดถึง ต้องการให้เอาใจ ต้องการให้ได้ดั่งใจ ซึ่งรวมความแล้ว ความรักมี side effects เป็นความทุกข์ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์แน่นอน ดังนั้นถ้าเลือกที่จะมีความรัก ต้องรู้ว่าจะรักอย่างไรให้มองเห็นความสุขได้ง่ายขึ้นและมองผ่านความทุกข์ให้เป็น
โฮ๊ะๆๆๆ คนสวยก็เงี๊ย อ่ะค่ะ กรี๊ดดดด แต่เชียร์ให้มีความรักเถอะค่ะ โลกนี้แสนสวยงาม
แปะคนแรกเป็นไปได้ไงเนี่ย
สวัสดีครับ น้องหมอ อ๋อทิงนองนอย :)
ขอบคุณครับ :)
แปะเป็นคนแรก แสดงว่า สนใจเรื่องของ "ความรัก" น่ะสิ ใช่ม่ะ น้อง :)
สวัสดีคะ อาจารย์ ...ขอบคุณมากๆๆๆ นะคะ... โดนใจ จังๆๆ แท้หนอ...อิอิ
ยินดีครับ คุณครูอ๋อมแอ๋ม :)
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ...แต่ก็สุขใจที่ได้มีรัก...รักกันไว้เถิด อย่าโกรธ เกลียด เครียดแค้นกันไปนักเลย ...
ใช่ครับ คุณครูอ๋อมแอ๋ม ... รักดีกว่าโกรธและเกลียดกัน ครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ :)
ขอบคุณ น้อง Your Sister ที่มาแอบอ่านครับ ...
ยินดีมาก ๆ ครับ :)
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม "รักเป็นทุกข์เพราะกิเลสครอบงำ รักเป็นสุขเพราะรักบริสุทธิใจ " ฟังซะเลยครับเพลง ความรักคือการให้(คาราวาน)......
ใจมีสุข เพราะได้รัก สมัครสมาน
ใจชื่นบาน ระรื่นคิด จิตสดใส
รักเปี่ยมล้น เพิ่มพูนสุข ไม่ทุกข์ใจ
รักนั้นไซร้ ต้อง " รักดี " ไม่มีตรม
รพี
ขอบคุณค่ะ
ที่ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
>วันนี้ไปร่วมงานแต่งงานมาค่ะ
เห็นว่าความรักมีอนุภาพสร้างทุกอย่างให้โลกสดใส
ชีวิตที่สมบูรณ์ ....คือ....ชีวิตคู่....
ขอบคุณ การร่ายกลอนครับ คุณ รพี กวีข้างถนน :)
การตัดสินใจมีคู่ของ ครูเอ นั่นเอง เย้ ๆ
แต่ "ชีวิตคู่" ไม่ได้หมายถึง "ชีวิตที่สมบูรณ์" เสมอไปนะครับ
ขอบคุณครับ ... ไปงานแต่งแล้วเปลี่ยนทัศนคติหรือเปล่าครับนี่
โอ้ คุณพระ !!!
สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)
ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย :)
^^ โอ้ อ่านบทความนี้ แล้ว กระจ่างในคำว่ารักชัดขึ้นดีจังครับ
ขอบคุณครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ... ติดต่อสื่อสารกันมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลกันไหมเนี่ย :)
ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ ร่วมสร้างสรรค KM ครับ :)
ยินดีและขอบคุณ อ.หมู แซ่เฮ ครับ ที่แวะมาเยี่ยมบันทึกนี้ :)
เป็นแง่คิดดีๆสำหรับคนที่เริ่มมีครอบครัว หรือคนที่มีครอบครัวแล้ว จะได้ช่วยกันสร้างความมั่นคงของครอบครัว ให้แน่นเหนีบวต่อไป ความรักคือการให้ การเสียสระ การให้อภัย แต่ถ้ามีแต่ความโลภ ก็จะเป็นความเห็นแก่ตัว อยามมี อยากได้ อยากเป็น ในความเป็นครอบครัว ความเสียสระและความโลภ ไม่อยูในความพอดี เอียงไปทางข้างใดข้สงหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะข้างของความโลภ ความเป็นครอบครัว จึงไม่เป็นครอบครัว เกิดความแตกแยกขึ้นมา ทำให้ความเสียสระและความโลภไม่อยูในจุดสมดุลย์ โดยมีควมเห็นแก่ตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าแทนที่ความเสียสระ ความเป็นครอบครัวจึงจบลง อ่านแล้วก็คิดถึงตัวเอง ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มันเป็นเช่นนั้นเอง..... ตามคำสอนของ ท่านพุธทาส
***รู้ไหมว่า ทำไมเธอจึงรู้สึกรักผู้หญิงคนล่าสุด เพราะว่าเธอเอาจิตใจไปจดจ่อที่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนกับที่นำเทียนมาตั้งเรียงต่อกันเป็นแถวตอนลึก และเธอก็เเห็นเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้าได้ชัดที่สด เพราะความรู้สึกรักหรือชังนั้น เกิดมาจากใจของเรา แต่เวลาที่นำเทียนไปวางไว้เป็นแถวเท่ากันเหมือนเดิม ก็มองเห็นสิ่งที่มีอยู่เท่า ๆ กัน ไม่มีเล่มไหนที่สว่างมากกว่ากัน ดังนั้น การกล่าวว่า ผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตน เป็นผู้หญิงที่เธอรักมากที่สุดและจะรักเป็นคนสุดท้ายนั้น จัดว่าเป็นมายาจิต เพราะแต่ก่อนเธอก็เคยคิดต่อภรรยาที่แต่งงานกันเช่นนี้ แต่เพราะจิตไร้สติครอง เธอจึงมองสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาด้วยภาวะที่ไหวเอนไปตามแรงอารมณ์ แต่แท้จริงแล้ว อารมณ์ทีเกิดขึ้นเป็นเสมือนพระจันทร์ที่อยู่ใต้น้ำ เพราะในที่สุดก็คือ ความลวงที่คิดว่าเป็นความจริง ด้วยเหตุนี้ เธอจึงควรทบทวนความต้องการของใจให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป"***
เห็นพ้องต้องด้วยเหตุผล
ยินยลเรื่องเก่าเล่าใหม่
หลากหลายความรักระทมใจ
คิดนึกตรึกตรองไซร้..ฤๅสิ่งลวง
ขอบคุณข้อเขียนดี ๆ
มาอ่านแล้วค่ะ แต่ขอไม่แสดงทัศนะใดๆ นะ
เพราะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความรักมากนักค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกค่ะ
เอ อย่าเข้าผิดกันนะค่ะ ครูเอยังโสดจ้า อิอิ
และยังหวง รักในอิสระภาพอยู่จ้า
>เพียงแต่คิดได้ว่า คนเราเริ่มต้นใหม่จริงๆ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่ะ
ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณ
คุณ จันทร์เจ้า ... ที่ได้วิเคราะห์ธรรมให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
คุณ คนไม่มีราก ... ยินดีครับผม
คุณ phusupa(ไม่ได้ล็อกอิน) ... ที่ฝากบทกวีสร้างคุณค่าให้กับบันทึก
พี่แจ๋ว jaewjingjing ... ที่ไม่ยอมแสดงทัศนะใด ๆ มาให้ฟังมั้งอ่ะ
คุณ ครูเอ ... ที่กำลังมองหาเวลาที่เหมาะสมอยู่ ปูนไหนเนี่ย อิ อิ
คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ... ที่รู้ใจว่า อยากหนีไปบวชแล้วล่ะครับ 55
อาจารย์ครูเอยังไม่แก่มากนะค่ะ อิอิ เน้น ไม่แก่มาก ไปไหนยังมีคนทักว่า เป็นครูอัตราจ้างหรอ อิอิ ปลื้มจริง
สวัสดีวันใหม่ครับ คุณ ครูเอ :)
ราตรีสวัสดิ์ ครับ
ยังไม่ถึงค่ะ ยังวัยรุ่นอยู่ค่ะ อิอิ
อาฮา .... ไม่น่าเชื่อ :)
เดี๋ยวบอกอายุแล้วจะตกใจค่ะ
อยากบอก .. มาหลังไมค์ดีกว่า ไม่งั้นใคร ๆ เค้าจะว่า ครูเอน่ะ อาวุโสนะครับ จะหาว่าผมไม่เตือนน้า :)
อิ อิ ... โดน ๆ ท่านอ. หนอนเสือ งานเข้าแล้วค่ะ คห. 37
เค้ารู้ได้ไงหนอ ว่า ท่านอ. เสือเรา ชอบกินปลา อิ อิ :)
... อิ่มอร่อยมื้อเที่ยงนะคะ ...
ขอบคุณครับ คุณ poo ... ผมจัดการลบโฆษณาตู้ปลาไปแล้วอ่ะ อิ อิ :)
กลับมาอ่านอีกครั้ง ทบทวนความรัก
ขอบคุณค่ะ ...
....รออ่านประสบการณ์ตรงของอาจารย์.. อิอิ
ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ ... ผมมีหลาย "ตรง" แล้วล่ะครับ :)
สวัสดีค่ะอาจารย์
อยากอ่านประสบการณ์ความรักของอาจารย์ซะแล้วสิค่ะ ^__^
ต้องบอกว่าไม่มีประสบการณ์ค่ะ แต่สิ่งที่รู้สึกเสมอ คือ ทำไมความรักของหนุ่มสาว คู่สามีภรรยาจึงไม่เหมือนความรักของพ่อแม่
บางคนยามเป็นแฟนกัน ก็รักกันมาก ต้องแต่งงานกันให้ได้ หากไม่ได้แต่งก็จะเป็นจะตาย
แต่เมื่อแต่งงานกัน ทำไมเพียงไม่กี่เดือนที่อยู่ด้วยกันถึงเกลียดกัน ความรักที่เคยมีหายไปไหน ต้องเลิกกัน ต้องหย่ากันให้ได้ แถมความรู้สึกดีๆ ก็หายไปจนหมดสิ้น
ไม่เหมือนกับความรักของพ่อแม่ เพราะไม่ว่าจะนานเท่าใด ก็ยังคงมีความรักให้เสมอ
เมื่อเจอบันทึกอาจารย์แม้จะตอบคำถามที่ค้างใจได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีใจที่ได้มุมมองดีๆ กลับไป
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ น้อง สี่ซี่ :)
สนใจเรื่องความรัก (ตามวัย) ..
การใช้ชีวิตคู่ เป็น ศิลปะ ครับ ... หลายคู่ หลายครอบครัว ไม่ค่อยมีกัน นึกจะทำอะไรก็ทำ เหมือนอยู่คนเดียว ขาดการให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นปัญหาการเกลียดกัน แล้วก็หย่ากัน แถมยังไม่ยอมให้อภัยกันอีก
บาปนะครับ แบบนี้
ผมว่า น่าจะเป็นความหลงมากกว่าความรัก ครับ ความรักไม่ใช่ตามติดทุกฝีก้าว ไม่ใช่ใครโทรมาแล้วรีบมาถาม ไม่ใช่แอบค้นของส่วนตัวของอีกฝ่าย หากไม่ไว้ใจควรเลิกกันตั้งแต่ก่อนแต่ง ครับ
เคยเจอม่ะ แบบนี้ :)
ปรากฏการณ์ "หลง" ... (คมสัน วิเศษธร)
"ความรัก" เล่าไม่ได้ครับ มันยาว :)
ขอบคุณครับ
การใช้ชีวิตคู่ เป็น ศิลปะ ครับ ข้อความนี้โดนใจค่ะ
การดำรงชีวิตต้องมีศิลปะในการอยู่ร่วม เป็นศาสตร์และศิลป์
ขอบคุณถ้อยคำ ^ __ ^
ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ ที่ชื่นชอบถ้อยคำ :)
แอบมาอ่าน อิอิ
อ่านไปบางอย่างก็เข้าใจ บางอย่างก็ไม่เข้าใจ บางอย่างก็โดนใจ บางอย่างก็สะท้อนใจ
เฮ้อ..เคยได้ยิน(จากที่ไหนซักแห่ง หรือใครสักคน)ว่า
เมื่อคุณเข้าใจความรัก มันจะหายไป
จริงรึป่าวคะ ศิษย์พี่ อิอิ
มีความรักมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ ... ตอบไม่ได้ ต้องพบพาน "ความรัก" เอง ... ศิษย์น้อง หัวใจติดปีก :)
อิ อิ
ยินดีและขอบคุณ ท่านเภสัชกร สามารถ ที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ :)
ขอบคุณสำหรับข้อเขียนนี้เพราะกำลังพบกับปัญหานี้พอดีคือคนรักกำลังเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นพอดี หมายความว่าเราเป็นคนโชคดี
ที่ยังมีความรักซึ่งเป็นสิ่งสวยงามอยู่
ยินดีและขอบคุณครับ คุณ aamlug ;)
เข้ามานั้งอ่านเกือบทุกวันๆละเรื่องแต่ไม่รู้จะเขียนอะไร อยากอยู่เฉยๆนิ่งๆ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนชื่อเรี่อง หวังว่ากาลเวลาจะรักษาใจเรานะค่ะ
ดูลมหายใจ เข้า .... ออก ... ครับ คุณ aamlug
เพื่อใช้สติใคร่ครวญ ใช้เวลาค่อย ๆ รักษาใจ ;)
อิ อิ อ.เสือดูเรื่องcoffee princeนี้ด้วยรึคะ ยิ่งชอบดื่มกาแฟก็อย่าเผลอจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย นะคะ ๕ ๕ ...
ไม่ค่อยเข้าใจความรักหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่เชื่อมั่นว่า ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ในโลก ซึ่งสามารถเยียวยาทุกสิ่งอย่างค่ะ ;)
ดูนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ คุณ poo ;)...
มาถึงตรงนี้จำหน้าพระเอก นางเอก ไม่ได้แล้วเนี่ย อิ อิ
รักแท้จะไม่ช้ำชอกใจ แต่รักหลอก ๆ ชอกช้ำไปเรื่อย ๆ
ไม่มีทางประสบสุข
ขอบคุณครับ ;)
สวัสดีค่ะคุณครู
นักเรียนมาน้อมคารวะคุณครูค่ะ
พรุ่งนี้วันไหว้ครูที่โรงเรียน...
ไม่ได้เข้ามาอ่านบันทึกเสียนาน...
เกือบพลาดบันทึกดีๆแห่งรักไปซะแล้วนะคะ
ขอบคุณค่ะ ^_^ ครูพี่เสือ...
สวัสดีค่ะ
เส้นทางของความรักเป็นดั่งเทียนเช่นนี้เอง ขอเรียนรู้ ด้วยความจริงใจ ...รู้เกิด รู้ดับ นั่นคือสิ่งที่ควรทำ ...นี่คือความเป็นไปของมนุษย์ เฉกเช่นเรื่องที่นำเสนอ...ขอบคุณเรื่องราวของชีวิตค่ะ
แอบด้อมๆ มองๆ เดินหลงตามหลังน้องเทียนน้อย แม้แสงน้อยแต่แสงสว่างชมพูๆ นะคะ เมื่อวานเพิ่งเป็นศิลา(มิใช่รา)ณี เลยค่ะ ;)
ปล. เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้ดูเรื่อง รักเอย อีก เห็นวิวทิวทัศน์เมืองเหนือ แล้วก็คิดถึงเซียนจับภาพวิวพาโนรามา คนนึงค่ะ หายเงียบไปเลยคะ ถ้าอาจารย์เสือ ได้เจอหรือเห็นเค้าแว้บๆ ไปหยบๆ ฝั่งไหนๆ ช่วยฝากความสุดตะลึง ไปหน่อยนะคะว่าแฟนพันธุ์ รอเจ้า ;)
สวัสดีครับ น้องคุณครู เทียนน้อย ;)...
ถึงเวลา ณ บัดนี้ น้องคงสบายดีขึ้น ... ความรักยังทำให้โลกเบิกบานได้เสมอ หากเราเลือกใช้ให้ถูกทิศทางของชีวิต
ขอบคุณในความระลึกถึงเสมอครับ ;)
ขอบคุณมากครับ คุณครู phayorm ;)... รู้ตื่น จึง รู้เบิกบาน
เดี๋ยวผมบอกเขาให้นะครับ คุณ poo ;)... อิ อิ
รู้เลา ๆ ว่า ภารกิจของเขาหนักเป็นภูดอยครับ ;)
สวัสดีค่ะ อาจารย์
บันทึกของอาจารย์อ่านแล้ว
ได้ให้ความรู้กับลูกมากเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ