นิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหว ... (ท่านชุติปัญโญ)


"การระวังอารมณ์ถือว่า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไร้ซึ่งการสำรวมระวัง ทั้งกาย วาจา และ ใจ แล้ว อารมณ์ที่เป็นเครื่องปรุงแต่งให้ฟุ้งซ่าน ย่อมมีโอกาสเล็ดลอดเข้ามาสิงสถิตอยู่ในจิตใจได้ง่าย"

อันสังคมไทย ณ ปัจจุบันนี้ ... มีการปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามครรลอง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การใช้คำพูด หรือ วาจาที่ชอบเสียดแทงกัน โดยอาจจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับการกล่าวอ้างจากคำพูดนั้น เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ เคียดแค้นชิงชัง หวังว่าสักวันจะตอบโต้ให้สาสมบ้าง แก้แค้นกันไปมาไม่มีวันจบสิ้น

หากจะพูดถึง "วาจา" ในโลกไซเบอร์ ควรหมายรวมถึง การพูดคุยผ่านตัวอักษร การเขียนบันทึกแล้วมีการแสดงความคิดเห็น จึงถือได้ว่า เป็นประเด็นเดียวกัน

โชคดีอะไรปานนี้ เมื่อผมเปิดหนังสือ "วิถีทางแห่งการสร้างสุข" ของท่านชุติปัญโญ ข้อเขียนที่ 13 พบเรื่อง "นิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหว" ช่วงแรกเห็นหัวข้อก็นึกว่า เป็นเรื่องของความนิ่ง สงบใจ เมื่ออ่านไป เป็นการของ "การสำรวมวาจา" ซึ่งคนสมัยใหม่หลายคนถูกสอนให้มีความกล้าที่จะพูด แสดงความคิดเห็นโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร ส่วนใหญ่กลับกลายเป็น "พูดไปเรื่อย" ขาดการไตร่ตรองว่า พูดแล้วผู้อื่นจะได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ ไม่เคยสนใจ ... ไม่แคร์ถึงผลที่จะเกิดขึ้น

 

ลองอ่านข้อเขียนแห่งธรรมนี้หน่อยนะครับ (อ่านไม่เข้าใจ โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง อิ อิ คุ้น ๆ ไหมครับ)

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ในกระบวนการฝึกฝนให้ชีวิตมีความสุขนั้น ทุกคนล้วนแสวงหาด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็มุ่งที่การสร้างวัตถุเพื่อนำมาตอบสนองให้ชีวิตมีความบริบูรณ์ และเข้าใจว่านั่นคือความสุขที่แท้จริง บางคนก็แสวงหาความสงบทางใจเพื่อเป็นกำไรแก่ตัวเอง

 

ทว่าขณะกำลังแสวงหาความสุขให้ชีวิตอยู่นั้น ปราชญ์ทั้งหลายก็เตือนไว้ว่าอย่าประมาท เพราะความประมาทย่อมเป็นสะพานทอดไปสู่หุบเหวแห่งความทุกข์ที่น่ากลัวเสมอ ปราชญ์ได้เสนอต่อไปว่า กระบวนการฝึกฝนชีวิตให้มีความสุขนั้น หลักการอย่างหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ชีวิตมีระเบียบและความสุขมากขึ้นก็คือ "การรู้จักสำรวมวาจา"

 

เพราะวาจาเป็นสื่อที่ผู้คนต้องมีการใช้สอยอยู่ตลอดเวลา หากใช้สอยเพื่อให้เกิดคุณงามความดี วาจานั้นย่อมชื่อว่า ก่อให้เกิดคุณค่าที่งดงามได้ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว น้อยนักวาจาที่ถูกถ่ายทอดออกไปจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะส่วนมากล้วนเป็นวาจาที่ไร้สติควบคุมดูแล

 

ยิ่งโดยเฉพาะการฝึกจิตให้พบกับสันติสุขในชีวิตด้วยแล้ว การระวังอารมณ์หรือการสำรวมวาจาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไร้ซึ่งการสำรวมระวังทั้งกาย วาจา และ ใจแล้ว อารมณ์ที่เป็นเครื่องปรุงแต่งจิตให้ฟุ้งซ่าน ย่อมมีโอกาสเล็ดลอดเข้ามาสิงสถิตอยู่ในจิตใจได้ง่าย

 

ครูบาอาจารย์ที่สอนวิธีฝึกจิตท่านจึงกล่าวไว้เสมอว่า การที่เราฝึกสติเพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการกำหนดรู้อารมณ์ของจิตนั้น เป็นเสมือนการมีโอ่งอันเป็นภาชนะใส่น้ำที่ดี การฝึกฝนให้เกิดสติ คือ การเติมน้ำลงไปในโอ่ง สักวันสติย่อมเต็มได้ และพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างทรงคุณค่า

 

แต่ถ้าวันใดไม่สำรวมวาจา คะนองในการพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เกื้อกูลต่อการพัฒนาจิตใจ ชีวิตก็เปรียบเสมือนการมีโอ่งรั่ว ถึงแม้จะเทน้ำลงไปมากมายเพียงใด โอ่งนั้นก็ไม่สามารถที่จะรองรับได้อย่างบริบูรณ์

 

ด้วยเหตุนี้ การเรียนรู้ชีวิตจึงต้องอาศัยมุมสงบของความคิด และการกระทำที่ปราศจากความคึกคะนองทางอารมณ์ด้วย โดยผ่านการแสดงออกทางกิริยาต่าง ๆ เช่น ทางวาจา เป็นต้น เมื่อนั้นชีวิตจึงชื่อว่า มีแนวโน้มที่จะให้ความดีทั้งหลายผลิดอกออกผลตามมาได้

 

ในเรื่องการรู้จักสำรวมวาจานี้ พระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาจาใดที่ไม่ใช่ความจริง และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิต พระองค์จะทรงเว้นวาจาเหล่านั้น หรือแม้กระทั่งวาจาที่เป็นความจริงและมีประโยชน์ พระองค์ก็ยังเลือกกาลเวลาที่เห็นสมควรจึงตรัสแสดงออกไป ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า

 

คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์ก็เลือกเวลาที่จะตรัส

คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์ก็เลือกเวลาที่จะตรัส

 

ฉะนั้น เวลาที่เราจะกล่าวสิ่งใดออกไป จงระมัดระวังวาจาให้จงดี ให้รู้จักสำรวมในการเกี่ยวข้องกับวาจานั้นด้วยสติ เพราะสิ่งที่หลุดออกไปทางวาจาแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่นำมาซึ่งความเสียหายย่อมยากเกินกว่าที่จะดึงกลับมาเป็นความดีงามได้ดั่งเดิม

โปรดคิดทุกเรื่องที่จะพูด แต่อย่าพูดทุกเรื่องที่คิด


 

มีอาจารย์กับลูกศิษย์กำลังสนทนาถึงเรื่องของการพูดว่า การพูดในรูปแบบใดจะก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษ ทั้งสองสนทนากันอย่างออกรส พอมาถึงช่วงที่อาจารย์เปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ถาม ลูกศิษย์ก็ปล่อยคำถามออกไปอย่างฉะฉานทันที

"ท่านอาจารย์ครับ มีคุณอันใดอยู่หรือไม่ในการเป็นคนช่างเจรจาพาที ?"

 

ฝ่ายอาจารย์ก็ให้การวิสัชชนาว่า

"พูดมากนั้นมีอะไรดี ดู "กบ" ในหนองน้ำซิ มันร้องตะเบ็งเสียงอยู่ทั้งวันทั้งคืนจนลิ้นแห้งปากห้อย ร้องจนคอแทบแตกอยู่แล้ว ยังไม่เห็นมีใครสนใจเลย แทนที่จะเป็นผลดีกลับเป็นผลร้ายต่อตัวเอง ใครที่ได้ยินเสียงกบต่างก็ถืออาวุธ เพื่อหวังไปปองร้ายนำมาทำเป็นอาหารทั้งสิ้น แต่ตรงกันข้ามเสียงของ "ไก่" ที่ขันแสดงบอกเวลาให้แก่คน แม้จะขันเพียงสองหรือสามครั้ง เมื่อตอนใกล้รุ่ง แต่ทุกคนกลับเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพราะรู้ว่าเสียงขันของไก่ที่ดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานจะรุ่งสางแล้ว ดังนั้น เวลาจะพูดสิ่งใด จงพูดแต่พอดี และจงพูดก็ต่อเมื่อมีเป้าหมาย"

 

การใช้เวลาเพื่อแสดงออกในชีวิตประจำวันของเราก็เช่นกัน ควรรู้จักกาลเวลาที่เหมาะสม รู้จักว่า ควรใช้เวลาในการแสดงออกคราใด และคราใดที่ควรเว้น ด้วยเหตุนี้ วาจานั้นจึงชื่อว่าก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

เพราะพูดมากไปจะเสียสองไพเบี้ย นิ่งเสียจะได้ตำลึงทอง

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

ข้อเขียนธรรมนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ การเตือนตัวเองเกี่ยวกับการพูด เมื่อพูดแล้วคำพูดจะเป็นนายเรา เราจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเจตนา หรือ ไม่เจตนาก็ตาม

 

หากมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็ขออนุโมทนาบุญกุศลจงเป็นของท่านเอง

 

 

แหล่งอ้างอิง ...

ชุติปัญโญ (นามแฝง).  วิถีทางแห่งการสร้างสุข.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2549.

หมายเลขบันทึก: 184177เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2008 00:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

ผมไม่เคยเสียใจที่นอนดึก...

และดึกคืนนี้ ผมได้อ่านบันทึกดีๆครับ

-----------------------------------------

ปัจจุบัน ผมเลือกที่จะ "นิ่ง" มากขึ้น การนิ่งทำให้ผมได้รับฟังเสียงภายในของตัวเองได้ชัดขึ้น รวมถึงเสียงของภายนอกที่เข้ามากระทบได้ชัดเจนมากขึ้น

แต่ ก็เป็นเพียงการฝึกนะครับ...ตาม มรรควิธี ของผมเอง

น้อยนิดแต่มหาศาล ครับ

คุณเอก กลับมาเหนื่อยๆ นึกว่าจะพักผ่อน ยังนอนดึกอีก แนะ  นับถือ ๆ

ผมกะว่าจะนอนแล้วเหมือนกัน แต่นอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาเปิดคอมพ์ อ่านบันทึกต่อ

ได้อ่านบันทึกๆ คุ้มเหมือนกันที่นอนดึก

ขอบคุณครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร   ... อยู่เป็นเพื่อนกันยามดึก ซึ่งผมเองก็คาดหมายไว้แต่ต้นว่า คงไม่มีใครมาแสดงความคิดเห็นกันตอนดึก ๆ ครับ เพราะไม่ใช่เวลาที่กัลยาณมิตรจะเข้ามากัน ... เป็นช่วงการพักผ่อน ครับ

ผมเองก็เลือกที่จะนำข้อเขียนไว้สำหรับเตือนตัวเองครับ ... บางครั้ง บางที เราเองก็ "นิ่ง" ไม่พอ ... บางครั้ง คำพูดก็เป็นนายเราเข้าแล้วจริง ๆ ครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณเอก :)

 

ขอบคุณครับ คุณ  ครูข้างถนน ... อยู่เป็นเพื่อนกันยามดึกนะครับ พูดเหมือน DJ หรือ JD เนี่ยครับ ....

ขออนุโมทนาบุญกุศลครับ :)

โอ...ใช่เลยครับ...

บางครั้ง (ออกจะบ่อยครั้ง) เรานิ่งไม่พอ คำพูดก็เป็นนายเรา ผมคงต้องฝึกอีกนานครับ

และฝึกไปเรื่อยๆ

และ...

สังคมเรามีคนหลากหลาย...และเราเข้าใจเขาที่เป็น  เราก็มีความสุข

--------------------------------------------------------------

ครูข้างถนน ครับ

ยินดีครับ สวัสดียามดึก วันนี้รู้สึกดึกมากสำหรับผม ตอนเย็นก็เหนื่อยนะครับ แต่ตอนนี้ตาสว่าง ครับ

เห็นมั้ยครับว่า ดึกๆได้อ่านบันทึกดีๆเราก็คุ้มค่า

คุณเอกครับ ... ตามสถิติทางคณิตศาสตร์นั้น น้อยบันทึกเหลือเกินที่ผมสามารถนั่งเขียนได้ตอนดึก ๆ อิ อิ :) ...

คำพูด เวลา และ โอกาส ... หวนกลับคืนมาไม่ได้ ยังไง ยังงั้น เลยครับ :)

ผมเองก็เกิดอาการตื่นเต้น นั่งสนทนากับเพื่อนรัก นานสองนานดูเวลามันเลยเวลาที่ผมนอน...

แต่คุ้มครับ สำหรับประเด็นที่ผมได้เรียนรู้วันนี้

และ มาอ่านบันทึกนี้ด้วย

----------------------

ผมทำไม่ค่อยได้เรื่องบันทึกตอนดึก เพราะสมองผมตอบสนองช้ากว่าปกติครับผม

ขอบคุณครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :) ...

แหม ก็ต้องดูแล "นาฬิกาชีวิต" ของตัวเองไว้ดี ๆ ครับ เพราะชีวิตเราสามารถทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อีกมากนะครับ

รักษาสุขภาพครับ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์ Wasawat Deemarn

การนิ่ง นับว่าเป็นช่วงวลาเว้นวรรคการพูดได้ระยะหนึ่ง ถึงจะน้อยนิดแต่ก็ทำให้เราได้หยุดคิด

 เราปิดปากเพื่อให้มีเวลาคิด พูดสิ่งที่ควรพูด พูดแล้วไม่ทำให้ตัวเองและบุคคลอื่นเดือดร้อน

 พูดมากไปจะเสียสองไพเบี้ย นิ่งเสียจะได้ตำลึงทอง   ถ้าพูดไปแล้วไม่มีประโยชน์  ก็นิ่งเสียดีกว่า 

ตอนนี้หน้าฝนค่ะ กบร้องเยอะแยะเลย  ต้องเอาบันทึกนี้ไปให้กบอ่าน  อิอิ..  สันติสุขจะได้เกิดขึ้น

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ...

โปรดนำบันทึกนี้ไปให้ "กบ" อ่านได้เลยครับ "กบ" จะได้เข้าใจว่า ควรร้องไม่กี่ครั้ง เพราะต้องนิ่งไว้ก่อน บันทึกสอนไว้ ยังไงล่ะครับ อิ อิ ...

แหม เข้าใจโยนมุขตอนท้าย ร้ายจริง  ๆ คุณครูนี่ :)

ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆค่ะ

 คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์ก็เลือกเวลาที่จะตรัส

คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์ก็เลือกเวลาที่จะตรัส

ชอบมากเลยค่ะ

ขอบคุณอีกครั้ง

ขอบคุณครับ คุณพยาบาลนางฟ้า AnGelNURSE :)

ขอให้นำไปใช้ประโยชน์ให้ดีที่สุดนะครับ

อ่านแล้วเตือนสติได้ดีเลยค่ะ

เพราะคำพูดที่เราพูดออกไป มันสำคัญมาก

สวัสดีค่ะ  พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

น้องนีนานันท์ แวะมาอ่านอีกครั้ง  ขออนุญาตทิ้งรอยค่ะ 

ขอบพระคุณบันทึกดีๆ ทันยุค ทันสมัย ก่อเกิดประโยชน์สุขตลอดกาล..    

 

ขอบคุณครับ น้อง นีนานันท์ ;)

ขอให้มีความสุขเช่นกันครับ

สาธุครับ เป็นสิ่งที่น่ายินดีครับ เหมือนเราได้คติชีวิติที่ดี

คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น พระองค์จะไม่ตรัส

ครับคำนี้ดีจริงๆ

ขอบคุณครับ คุณ อาทิตย์ และ คุณ บ่าวเหนือ ที่แวะมาเยือนบันทึก ;)

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ คุณ สันติกุล ;)

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังต้องฝึกนิ่งอีกเยอะเลยค่ะ

ปกติเป็นคนตรงมา แสดงออกทุกอย่างทางหน้าตาเลยทีเดียว แต่จากนี้จะพยายามสงบปาก สงบคำ มีสติคิดก่อนพูดนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

นิ่ง หนึ่ง นั้น ย่อมได้เปรียบเสมอ

ยินดีครับ คุณ หญิง ;)...

  1. 1วันนี้ฉันเป็นดั่งเม็ดทรายนิ่งสงบเพียงใดก็ หวั่นไหวเมื่อน้ำทะเลพัดมา 2 พรุ่งนี้ฉันจะเป็นเเผ่นดินที่อยู่ใต้เม็ดทรายแม้น้ำโถมมาฉันก็จะยังคงที่ 3 วันข้างหน้าฉันจะเป็นดั่งหินผาที่โผ่ลสูงอยู่บนทะเล แม้น้ำหรือพายุพัดมาฉันจะตั้งตระหง่านไม่สะทกสะท้านให้แก่สิ่งใด ขอเติมกำลังใจด้วยจ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท