เรามิได้เกิดมาเพื่อเป็น...อย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น (ท่านชุติปัญโญ)


เรามิได้เกิดมาเพื่อเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นแต่อย่างใด แต่เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ชีวิตในนิยามใหม่ที่สามารถต่อยอด

ตั้งแต่เกิดมา เราได้รับการหล่อหลอมให้คิด ให้พูด ให้เป็น ตามสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เขาเป็น ... เข้าโรงเรียนต้องเข้าที่นี่ เลือกแผนการเรียนต้องแผนนี้ จะเข้ามหาวิทยาลัย เลือกสาขาวิชานี้สิ หางานง่ายดี

เอาใกล้ตัวมาหน่อย ... ผมทรงเกาหลีไหม ดูเท่ห์ดีนะ หรือ กระโปรงสั้น ๆ สิ ได้ใจดี ... อันกระแสที่ถาโถม คนที่อ่อนไหวจะถูกพัดไปได้ง่าย คนที่ความคิดจากการพิจารณาตัวเอง จะทราบว่า ควรไปทางไหน อย่างไร ให้ตนมีสุข

 

ท่านชุติปัญโญ ท่านได้เล่าไว้ในข้อเขียนที่จะกล่าวต่อไปนี้ ไว้ในหนังสือ ชื่อ "จะยากอะไร ถ้าอยากให้ใจเป็นสุข" :)

 

=======================================================

 

โตขึ้นต้องเป็นเจ้านายคนนะ


โตขึ้นต้องเป็นเจ้าของธุรกิจร่ำรวยให้ได้นะ


โตขึ้นต้องเป็นคนมีเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ให้ได้นะ


โตขึ้นต้องมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ให้ได้นะ ฯลฯ

 

คำกล่าวเหล่านี้ ล้วนถูกกรอกข้อมูลไว้ในชีวิตของคนเราเรื่อยมา เพราะไม่ว่ากี่ยุคสมัยผ่านมา ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร  ความต้องการให้คนเดินตามเส้นทางนี้ก็ยังมีอยู่เช่นเดิม เสมือนหนึ่งว่าเป็นเส้นทางที่ทุกคนต้องเดินตาม ถ้าหากใครปฏิเสธเส้นทางสายนี้ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่ล้มเหลวในชีวิตโดยสิ้นเชิง

เมื่อก่อนผู้เขียนเองก้เคยเชื่อเช่นนั้น เคยมีความรู้สึกที่จะเดินตามเส้นทางแห่งความเชื่อเช่นเดียวกับใครหลายคนในสังคม เพราะถูกกรอกข้อมูลจากคนรอบข้างมาตลอด จนไม่รู้สึกว่านั่นคืนพันธนาการของชีวิตที่เราไม่มีสิทธิ์เลือกเอง

ผู้เขียนไม่ปฏิเสธว่า สมมติที่ชาวโลกมีนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราผู้ได้สิทธิ์ของการใช้ชีวิตทำได้มากกว่านั้น ก็คือ "การมีสิทธิ์เลือกเส้นทางเดินให้กับชีวิตของตัวเอง"

อาจจะเป็นเส้นทางที่ไม่หรูหราอย่างที่คนอื่นต้องการให้เป็นก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่เดินแล้ว ทำให้รู้สึกดีและมีคุณค่าในขณะที่ก้าวไปก็เพียงพอ

เพราะบางครั้งเส้นทางที่คนอื่นวาดว่าสวยงาม แต่อาจจะต้องก้าวไปด้วยความเดียวดายก็เป็นได้ เส้นทางที่ดูเลิศหรูเมื่อแรกเริ่ม แต่ใครจะรู้ได้ว่าในความวิจิตรนั้น อาจซ่อนไว้ซึ่งภาระอันหนักอึ้งให้แบกหาม

 

กว่าที่ผู้เขียนจะค้นพบว่า ตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น ก็ต้องศึกษาชีวิตผ่านคำสอนของพระพุทธองค์มากพอสมควร จึงทำให้พบคำตอบที่นำไปสู่อิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ในใจ

หากไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีสิ่งที่ชื่อว่าพระธรรมอันเป็นคำสอน และไม่มีพระสงฆ์มาคอยกระตุ้นเตือนชีวิตให้ตื่นขึ้นมามองดูทางสายใหม่ ผู้เขียนอาจต้องเดินทางสายเดิมด้วยความจำยอมเช่นในอดีตที่ผ่านมา

ยิ่งเมื่อครั้งได้พบกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในความทรงจำของผู้เขียนที่มีนามว่า "หลวงตาสุริยา มหาปัญโญ" เส้นทางสายใหม่ก็ปรากฎชัดในปัจจุบัน หลวงตาจะสอนเสมอว่า

"เรามิใช่ผลผลิตที่ต้องยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างผู้ไม่รู้ แต่เราควรเรียนรู้จากความไม่รู้ในอดีต เพื่อก้าวไปสู่ความรู้แจ้งที่เป็นอิสระด้วยใจที่มีปัญญา"

เพราะคนเราเมื่ออยู่กับสิ่งใดนาน ๆ ก็มักจะคิดว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นความจริงที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องอยู่ร่วมจนกว่าจะสิ้นชีวิตไปจากกัน ประหนึ่งว่าเป็นสถาบันทางความเชื่อที่ต้องยอมสิโรราบ สุดท้ายแม้จะมีทางที่ดีกว่าให้เลือก เราก็ไม่รู้จักวิธีที่จะก้าวข้ามความคิดเดิมที่เคยมี

 

(ภาพจาก http://www.slipkorn.net/download/shawshank.jpg)

 

ในภาพยนตร์เรื่อง ชอว์แชงค์ (SHAWSHANK) ได้พูดถึงวิถีชีวิตของนักโทษว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ได้กล่าวถึงมิตรภาพ ความหวัง และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในนั้น เป็นภาพที่สะท้อนมุมมองชีวิตที่หลากหลาย บนความเชื่อที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน

แต่มีคนหนึ่งที่น่านำมาศึกษาร่วมกัน คือ ชายที่ถูกสั่งจำคุก ๕๐ ปี ช่วงแรกเขารู้สึกว่าคุกเหมือนนรกบนดิน ทุกอย่างช่างเป็นความทุกข์ทรมานเหลือเกิน ทว่าเมื่ออยู่นานเข้า วิถีชีวิตในเรือนจำก็สอนเขาให้รู้จักปรับตัว และทำใจให้ยอมรับที่จะอยู่กับมัน

เมื่อวันเวลาผ่านไป พร้อมกับการรู้จักทำความดีของเขาเอง เขาได้รับหน้าที่พิเศษคือ ดูแลห้องสมุดในเรือนจำ ทำหน้าที่ส่งหนังสือให้นักโทษที่ต้องการอ่านหนังสือ เขาทำอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี จนใคร ๆ ก็รู้สึกรักเขา เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่า และเป็นคนพิเศษในสายตาของคนอื่น

เมื่อเวลาแห่งการรับโทษสิ้นสุดลง จากคนที่เป็นหนุ่มก็เปลี่ยนสภาพเป็นคนแก่ ทางเรือนจำได้ตัดสินให้เขาพ้นโทษตามกฏเกณฑ์ที่วางไว้ แต่สิ่งที่ชายแก่แสดงออกไม่ใช่ความดีใจแต่อย่างใด เขากลับอ้อนวอนที่จะขออยู่ในเรือนจำต่อไป โดยมีเหตุผลว่า

"ทั้งชีวิตของเขาอยู่กับเรือนจำมาตลอด ทุกอย่างที่นี่เขารู้หมด เป็นเสมือนบ้านที่อยู่มาอย่างยาวนาน และไม่มีความคิดว่าจะมีที่อื่นที่เขาจะเข้าใจมากกว่านี้ เรือนจำแห่งนี้เป็นเสมือนที่เปิดตาของเขา เป็นสถาบันแห่งชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกมีค่า และเป็นคนพิเศษของใครหลาย ๆ คน"

ทว่าเหตุผลที่เขาอ้างก็ไม่เพียงพอต่อการร้องขอ ทางเรือนจำต้องปล่อยตามกติกาที่สร้างมา ชายแก่จึงต้องเคลื่อนย้ายชีวิตจากที่ที่เคยอยู่มาถึง ๕๐ ปีสู่โลกภายนอกที่เขาไม่คุ้นเคย แม้โลกใหม่ที่ใคร ๆ ต่างคิดว่าเป็นอิสรภาพ แต่เขากลับมองว่า เป็นโลกแห่งความโหดร้ายยิ่งกว่าคุกที่เคยอยู่มา

ทุกค่ำคืนเขาต้องอยู่อย่างไร้เพื่อน ต้องนอนฟังเสียงของความเหงาที่ดังก้องมาจากจิตใจ ทุกความรู้สึกที่ฟ้องบอก ล้วนทรมานยิ่งกว่าการถูกกักขังในเรือนจำเสียอีก สุดท้ายสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อชีวิตที่เหลืออยู่ก็คือ "การฆ่าตัวตายเพื่อหนีอิสรภาพที่ใครหลายคนคิดว่าดี"

 

เมื่อพิจารณาเรื่องของชายแก่ที่ติดอยู่ในเรือนจำ บางครั้งก็ไม่ต่างจากตัวเราที่ติดอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ ของตัวเอง เป็นเสมือนกับดักทางความคิดที่คอยทำร้ายเรา เพื่อไม่ให้แหวกว่ายไปสู่สิ่งที่ควรจะไปให้ถึง สุดท้ายจึงยอมรับที่จะอยู่กับความจำเจที่มี เพราะความคุ้นเคยกับโลกใบเก่าของตัวเอง

การติดอยู่กับความคิดเดิม ๆ ที่เรามีอยู่ ประหนึ่งว่าถูกกรอกข้อมูลเพื่อให้รับรู้ว่ามันเป็นเช่นนี้ จนเป็นสถาบันทางความคิดที่เราต้องยึดติด กระทั่งไม่สามารถแกะออกจากใจได้

ถึงแม้จะมีเรื่องอื่น ๆ ที่ดีกว่าให้เรียนรู้ แต่เราก็มักจะพอใจกับสถาบันความคิดเก่า ๆ ที่เคยมีมา โลกใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมจึงถูกปิดตัวลงโดยสิ้นเชิง

แต่ถ้ารู้จักปรับจิตให้สูงขึ้น และใช้สายตามองออกไปให้ไกลกว่าเดิม เราจะเห็นว่าเส้นทางข้างหน้านั้นมีอยู่ เส้นทางใหม่ที่รอการค้นหามีอยู่อีกมากมาย ที่สำคัญเราสามารถใช้สายตาและสติปัญญาที่มีมองให้ไกลกว่าเดิม แล้วเดินตามเส้นทางสายใหม่ได้ด้วยตัวของเราเอง

เพราะเรามิได้เกิดมาเพื่อเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นแต่อย่างใด แต่เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ชีวิตในนิยามใหม่ ที่สามารถต่อยอดจากข้อมูลเดิม เพื่อยกระดับชีวิตให้เป็นอิสระจากอารมณ์ที่คอยควบคุมใจของเรา

 

การวิ่งตามความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่เสียหาย หากความคิดนั้นช่วยยกระดับชีวิตของเราให้ตื่นรู้และเบิกบาน ซึ่งเป็นสิ่งที่นำไปสู่การพัฒนาปัญญาให้งดงามต่อไป

เราไม่ปฏิเสธว่า รอยทางที่สังคมเป็นอยู่นั้นไม่ดี แต่หากรักที่จะยกระดับปัญญาให้สูงขึ้นกว่าเดิม การทำความเข้าใจ เพื่อต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ ย่อมเป็นหนทางท่เราควรก้าวไป

มิใช่ก้าวไปเพื่อกลับมาเหยียบย่ำสิ่งเดิมให้ตกต่ำ มิใช่ก้าวไปเพื่อทำลายคุณค่าที่ได้มาจากสิ่งที่เคยมี แต่เป็นการก้าวไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า เพื่อกลับมาดูแลสิ่งดี ๆ ที่เคยมีไม่ให้เพี้ยน จนทำให้ต้องตกเป็นทาสของข้อมูลที่ถูกกรอกไว้ในความทรงจำของเราเอง

 


"เรามิได้เกิดมา เพื่อเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น" จึงเป็นคำที่ช่วยปลุกตัวเราให้รู้จักตื่นตัว ที่จะกลับมาทบทวนการเกิดของเราเอง และให้รู้จักปฏิวัติที่จะนำพาชีวิตไปสู่วิถีที่ดีกว่า โดยไม่ต้องให้ใครมาคอยบงการเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา

ผู้เขียนเชื่อว่า ทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิต แต่ขณะเดียวกัน เราก็ควรต่อยอดเป้าหมายที่มีอยู่ ให้เกิดมูลค่าเพิ่มด้วยปัญญา เพื่อก้าวไปสู่ภาวะที่ปลอดโปร่ง และมีอิสรภาพทางจิตใจอย่างแท้จริง

แม้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้เดินบนเส้นทางที่สวยงามทั้งหมดก็ตาม แต่ก็จะรู้สึกพอใจว่า เส้นทางที่เราเลือกแม้จะไม่สวยหรูอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น แต่ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า "นี่คือความงดงามเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความทรงจำของเรา"

 

======================================================

 

ผมเกิดความเข้าใจเมื่ออ่านข้อเขียนของท่านชุติปัญโญ ภาพยนตร์เรื่อง ชอว์แชงค์ (SHAWSHANK) ผมก็ได้มีโอกาสได้ชมแล้ว จึงมีความเข้าใจจิตใจของชายแก่คนนั้น

 

"เรามิได้เกิดมาเพื่อเป็น...อย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น" ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนเลือกเรียนวิชาโท ในช่วงปี 3 ... พ่อบอกว่า อยากให้ผมเรียนโทภาษาอังกฤษเพราะจะได้นำไปใช้ตอนทำงานได้ แต่ผมอยากเรียนโทรัฐศาสตร์ เพราะผมคิดว่าเรียนแล้วมีความสุข

แต่ในที่สุด ผมก็ตัดสินเรียนโทภาษาอังกฤษตามที่พ่อขอร้องไว้ ผมเรียนได้ไม่ดีนัก ปานกลางถึงต่ำ ทำให้เกิดการฉุดเกรด GPA ลงมา แต่ผมไม่เคยโทษพ่อ เพราะพ่อรักผม ... เรืองนี้ผมทำให้พ่อได้อยู่แล้ว แค่เสียดายที่เกือบได้เรียนโทรัฐศาสตร์ที่ผมมั่นใจในตัวเองว่า ผมจะทำได้ดี

 

ขอให้ข้อเขียนจงนำประโยชน์มาสู่ผู้อ่านได้ดีที่สุดนะครับ

บุญรักษา ทุกท่าน ครับ

 

 

แหล่งอ้างอิง

 

ชุติปัญโญ (นามแฝง).  จะยากอะไร ถ้าอยากให้ใจมีสุข. (พิมพ์ครั้งที่ 4).  กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2550.

หมายเลขบันทึก: 185937เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2008 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
  • สวัสดีค่ะอาจารย์ Wasawat
  • วันนี้อาจารย์ขจิตคงมีสอน พี่ถึงมาเป็นคนแรกได้
  • อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ  "เรามิได้เกิดมา เพื่อเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น"
  • ทำให้ดีใจและภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่นี้  และไม่คาดหวังในสิ่งที่เราอยากจะให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราต้องการด้วยค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ ^_^

ยินดีจังครับพี่แจ๋ว ... ที่ข้อเขียนนี้ทำให้พี่แจ๋วรู้สึกดี

ขอบคุณมากครับที่แวะมาคุยกับผมอย่างสม่ำเสมอ :)

ขอบคุณสำหรับข้อคิดคะ มีประโยชน์มากเลย...ในทุกวันนี้ ยากนักที่ไม่ติดในบ่วงของกระแส และสังคม....เราต้องพยายาม...ค่อยๆ ทำ ...ถ้าทำได้จะมีความสุขมากเลยคะ..ดิฉันคิดว่าดิฉันเป็นคนหนึ่ง ที่ไม่ยอมให้กระแส และสังคม มาครอบงำได้ง่ายๆ คะ...

เราต้องเกิดมาเพื่อเป็น ...อย่างที่เราอยากจะเป็นคะ..

ขอบคุณครับ คุณ ผุสดี มุหะหมัด  ที่แวะมาเยี่ยมเยียนครับ

เราต้องเกิดมาเพื่อเป็น ... อย่างที่เราอยากจะเป็น ครับ

ขอบคุณค่ะ

อาจจะเป็นเส้นทางที่ไม่หรูหราอย่างที่คนอื่นต้องการให้เป็นก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่เดินแล้ว ทำให้รู้สึกดีและมีคุณค่าในขณะที่ก้าวไปก็เพียงพอ

ถ้าได้แค่นี้ก็ พอใจแล้วค่ะ

บันทึกนี้ทำให้นึกถึง...กับดัก....ที่เราวางไว้ 

เราควรยกมันออกไปได้แล้ว

และ....จะให้ใครมาเหยียบกับดักแบบนี้อีก

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

มีความสุขทุกวันนะค่ะ

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ 

ขอให้มีความสุขทุกวันเช่นกันครับ :)

สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn

  • ไม่ได้แวะมาคุยกับอาจารย์ซะนาน ช่วงนี้หาโอกาสยาก ฝนตกฟ้าร้อง เน็ตก็ล่มทีละหลายวัน วันนี้ก็อีกแล้วเพิ่งจะเปิดได้ตอนเย็นนี่เอง กิจกรรมเริ่มเยอะเปิดเรียนใหม่ๆ ไม่ค่อยว่างเท่าไรค่ะ ประชุมบ่อย จนใครๆก็ล้อกันเล่นๆขำๆว่า..เรียนดี กีฬาเด่น เน้นประชุม เอ๊ย..เน้นคุณธรรม ฮิๆ เพราะอยากมีชื่อไปอยู่กับเค้าซะเกือบทุกฝ่าย คนของประชาชน..แหะๆ ตอนนี้อยู่ที่โรงเรียนค่ะ เด็กๆชุมนุมขยะรีไซเคิลเค้ากำลังช่วยกันทำบอร์ดวันสิ่งแวดล้อมโลก เตรียมจัดงานในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ค่ะ ..(ต้องอาศัยความงามของครูอยู่เป็นเพื่อนค่ะ..ฮ่าๆๆ)สงสัยวันนี้มีเวลาไปชุมนุมกับพันธมิตรฯที่ถนนมัฆวานฯ(ในทีวีที่อมโบตันแล้ว...อิอิๆๆ) ดึกหน่อย
  • "เรามิได้เกิดมาเพื่อเป็น...อย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น"...รู้แต่ว่าวันนี้ "มีความงดงามเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในความทรงจำ" กับเด็กๆ ตาใสแป๋ว รอยยิ้มน่ารัก(อยู่ที่คนมอง) และเสียงหัวเราะที่บริสุทธิ์(เข้าข้างเด็ก) มือเล็กๆ(บางมือก็ใหญ่..ที่ช่วยกันจับครูไว้ยังมิอนุญาตให้กลับบ้าน 555) ที่ทำให้ที่นี่เป็นที่รวมของความรัก..ทั้งมวล
  • อุ่นใจแล้วแค่มีเธอ(ลูกลิง)เท่านั้น"ความสุขเล็กๆ อยู่ที่ใจของเรา" อาจมีอะไรข้างหน้าที่น่าค้นหากว่าถ้าใจยังดิ้นรน ถ้าสุขสงบ..เพียงแค่นี้..ก็พอแล้ว...ยังจำได้ไหมคะ.."สุขของเราไม่เห็นต้องเป็นเหมือนใคร"
  • อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจารย์ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ  ขอบคุณสาระข้อคิดดีๆ
  • ด้วยความเคารพและระลึกถึงอาจารย์ค่ะ

ชอบหนังเรื่องนี้มาก เป็นเรื่องหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้มากๆ แต่ก็ไม่ได้ดูนานแล้ว ครั้งที่แล้วที่ดูน่าจะเกิน 12 ปี เห็นความเพียรและความไม่้ท้อถอยต่อโชคชะตาของคน ได้เห็นความหวัง..

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์ :)

  • ยินดีที่อาจารย์เข้ามาเยี่ยมบันทึก
  • นานที ปีหน ก็ไม่เป็นไรครับ แค่ทราบว่า อาจารย์ยังใช้ความรู้นี้อยู่ ผมก็โอเคแล้วครับ
  • อาจารย์ก็ดูแลสุขภาพเช่นกันครับ

ขอบคุณมากครับ :)

สวัสดีครับ อาจารย์ กมลวัลย์  :)

  • ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์ก็ได้ดู SHAWSHANK เหมือนกันครับ ถึงแม้จะนานมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม :)
  • ชื่อภาษาไทยนี่ คือ มิตรภาพ ความหวัง และความรุนแรง
  • เป็น DRAMA ที่ดูแล้วใจสั่น ลุ้นไปกับตัวเอกด้วย
  • เรื่องนี้เป็น TRUE STORY ครับ
  • กำลังหาเก็บเป็น DVD อยู่ครับ มีแต่ VCD อยู่ครับตอนนี้ หนังในดวงใจของคนอาวุโสอย่างผม

ขอบคุณอาจารย์ ครับ :)

สวัสดียามเย็น ขณะฝนพรำพรายค่ะ ท่านอาจารย์ปู่เสือ

* wow morgan freeman ฮีโร่ในดวงใจวัยรุ่นอย่างปูเลยค่ะ

*เส้นทางที่เราเลือกแม้จะไม่สวยหรูอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น แต่ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า "นี่คือความงดงามเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความทรงจำของเรา"

เห็นด้วยกับอ. นะคะ  ... สิ่งที่เราตัดสินใจด้วยตนเอง 

ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราก็เกิดความภาคภูมิ  ... 

กลับไปบ้านที่ผ่านมา ก็พยายามบอกใครๆ ว่า

... คนเราล้วนมีข้อดีด้อยต่างกัน มิสามารถเปรียบเทียบกันได้  ขอเพียงเราพัฒนาดีขึ้นๆ เป็นอย่างที่เราเป็นตามกำลัง  เท่านั้นก็สุขใจ ...

จริงไหมคะ ท่านสว. เสือ  :)

สวัสดีครับ คุณ poo

จะให้ตอบแฟนพันธุ์แทะว่ายังไงดีล่ะ นอกจากคำว่า "จริง"

คนที่หยุดพัฒนา คือ คนที่ตายไปแล้ว ... หาควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่

เลือกเส้นทางไหน ก็ต้องสู้ไม่ถอย กับเส้นทางนั้น ห้ามฆ่าตัวตาย หรือ เดินถอยหลังเป็นอันขาด มันน่าละอาย และลดความนับถือตนเองลงไปอย่างมาก

ขอบคุณที่ตั้งสารพัดฉายา จนกำลังงงว่า ตัวเองเป็นใครกันหว่า

ขอบจาย :)

ชอบหนังเรื่อง มิตรภาพ ความหวัง และความรุนแรงมาค่ะ เรียกได้ว่าเป็นหนังในดวงใจเลย เสียดายไม่ได้เก็บแผ่นไว้ มีโอกาสจะหาเก็บไว้ค่ะ และดีใจมากด้วย ที่มีคนชอบหนังเรื่องนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท