รู้ว่าตัวเองหลงทาง ดีกว่าอ้างว้างเพราะมีอัตตา (ท่านชุติปัญโญ)


"หากรู้จักยอมรับในความไม่รู้ของตัวเอง จากสิ่งที่เคยเป็นอัตตาที่บีบคั้นเราให้อึดอัด ก็จะกลายเป็นความผ่อนคลายที่มีช่วยแก้ปมที่ผูกแน่นในใจให้สลายตัวลง สิ่งที่เคยอัดตัวเราให้บอบช้ำก็จะกลับมาเป็นครูสอนให้ชีวิตได้รู้จักที่จะฉลาดขึ้นจากสิ่งนั้น ๆ เสมอ"

ทราบข่าวสภาวะใจของใครบางคนที่เป็นกัลยาณมิตรของผม ... แต่ผมเชื่อมั่นว่า เธอสามารถนำความเข้มแข็งภายในตัวออกมาใช้ได้อย่างทันกาล

หนังสือเล่มหนึ่ง ข้อเขียนบทหนึ่ง ของท่านพระอาจารย์รูปหนึ่ง นำมาซึ่งแสงสว่างทางปัญญาที่เกิดขึ้น

ท่านเขียนหนังสือธรรมะเย็น ๆ เล่มนี้เป็นเล่มที่ ๑๖ ชื่อ "สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก" ... เวลาผมอ่านหนังสือของท่าน ผมไม่เคยเรียงลำดับเลยสักครั้ง แต่มักจะอาศัยการพลิกเข้าไปด้านใน พบบทไหนที่อ่านคำโปรยแล้วอยากอ่านต่อ ก็จะนั่งอ่านจนจบบท

ข้อเขียนนี้ เป็นข้อเขียนแรกที่ผมพลิกไปพบอันดับแรก และอยากอ่านต่อให้จบข้อเขียนทันที

ข้อเขียนนี้ชื่อ "รู้ว่าตัวเองหลงทาง ดีกว่าอ้างว้างเพราะมีอัตตา"

อ่านจบ ทำให้นึกถึงเรื่องราวของการเดินทางในชีวิตว่าพบแต่อุปสรรคมากมายที่ชีวิตเราต้องผ่านมันไปให้ได้ และท้าย ๆ ความรู้สึก กลับไปคิดถึงสภาวะการณ์ ของ กัลยาณมิตรท่านนี้ (ได้ยังไงก็ไม่อาจทราบได้ มันแว่บเข้ามา)

ใจผมจึงเห็นควรเร่งนำเสนอเรื่องราวในข้อเขียนนี้ออกมาในรูปของบันทึก ทั้ง ๆ ที่ผมเองไม่แน่ใจว่า เป็นการถูกกาละ ถูกเรื่อง ถูกราว หรือไม่ อย่างน้อย เอาใจตัวเองว่า ระลึกถึงบุคคลผู้นี้ และอยากให้มีโอกาสได้อ่าน เหมือนที่ผมได้อ่านเช่นกัน .... อ่านนะครับ

 

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

 

สิ่งหนึ่งที่คนเราเฝ้าถามหามาตลอด ตั้งแต่เริ่มจำความได้ในชีวิตของแต่ละคน นั่นก็คือ "ความสุขและความสำเร็จ" แต่ถ้าถามถึงชีวิตที่ใช้ในแต่ละวัน เราสมหวังได้ครบสมบูรณ์แบบในทุกเรื่องหรือยัง ?

คำตอบของคนที่เฝ้าถามตัวเองในเรื่องนี้ ก็มักจะบรรจบลงที่หลุมแห่งคำตอบที่ดูเหมือนตื้น ๆ แต่ลึกเกินกว่าใครจะเข้าใจ นั่นก็คือ "เราไม่ค่อยสมหวังในสิ่งที่ชีวิตลงทุนไขว่คว้าเท่าใดนัก"

 

ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับญาติธรรมหลาย ๆ คน และได้รับรู้ว่า เมื่อแรกเริ่มของการแสวงหา ตามนิยามความคิดของตัวเอง ทุกคนต่างก็มีความหวังว่า "สิ่งที่หวังไว้จะสำเร็จได้แน่นอน"

แต่เมื่อแสวงหาไปเรื่อย ๆ ด้วยกำลังกายและใจที่ทุ่มเทเต็มร้อยกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เรียกหานั้น กลับไม่เคยหยุดนิ่งให้ได้เชยชมสักที กลับปรากฏเป็นเงาของความต้องการที่เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ เพราะเมื่อจบเรื่องหนึ่งที่เคยคิดว่าใช่ ก็มีเรื่องใหม่ที่ท้าทายมากกว่ามารอให้ค้นหา

จึงทำให้เราต้องออกติดตามความรู้สึกใหม่ ที่ผุดขึ้นมาในใจนั้นอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งเราเองก็งงว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่กำลังตามหานั้นมันคืออะไรกัน ด้วยเหตุนี้ ผลที่ได้รับกลับคืนมา จึงไม่ค่อยทำให้ใจของเราเป็นสุขแต่อย่างใด

เพราะหากสังเกตวิถีชีวิตของคนเรา จุดเริ่มต้นของการตามหาความฝันที่เกิดขึ้นในใจ เรามักจะมีคำตอบอยู่ที่ว่า "สักวันเราจะอยู่กับความพอดีของใจได้แน่นอน"

 

แต่เมื่อได้สิ่งที่ตัวเองหมายปองแล้ว คำตอบที่เคยรู้สึกดีกับสิ่งที่ได้มา กลับถูกลบทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย ซ้ำร้ายกลับเป็นการทิ้งความรู้สึกนั้นไป โดยที่ไม่เคยได้ปัญญาใหม่สักที

สิ่งที่เป็นเพียงความหลงที่บาง ๆ ทางความคิดที่เราสร้างขึ้น จึงเพิ่มเป็นผงขยะที่มากกว่าเดิม แล้วเพิ่มพื้นที่ของความหนาแน่นในใจ จนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "อัตตาตัวตน" ขึ้นมา

การแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ให้กับชีวิต ไม่ใช่ความผิดหากเข้าใจแต่การแสวงหาแล้วไม่รู้จักพอต่างหาก เป็นความบกพร่องของตัวเรา สิ่งที่ควรจะจบลงของแต่ละเรื่อง จึงเป็นไปแค่การจบเรื่องเก่า เพื่อเชื่อมต่อให้เรื่องใหม่ลุกลามตามมา

เพราะขึ้นป้ายว่ามีความหลงครอบงำ แม้ต้องการจะไปให้ถึงจุดหมายเพียงใด สิ่งที่เรียกหาก็เป็นแค่ความหวัง ที่พร้อมจะพังครืนลงมาทับตัวเราให้บอบช้ำเสมอ

 

แต่หากมีสติยับยั้งชั่งใจ แล้วรู้จักถามคนที่รู้มาก่อน แม้บางครั้งอาจดูเหมือนเราช่างอ่อนเยาว์ทางสติปัญญา แต่อย่างน้อยก็มีความน่ารักที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้นั้น นั่นคือ "ทำให้เรารู้จักยอมรับความจริงในความไม่รู้ของตัวเอง" ทำให้โอกาสที่จะค้นหาความถูกต้องเปิดช่องแก่เราได้

แต่หากจมอยู่กับความหยิ่งทะนงในความคิดที่ไร้หลัก สิ่งที่เกาะแน่นจนกลายเป็นอัตตา ก็จะเริ่มบีบตัวเราให้เล็กลง ทำให้จิตใจคับแคบเกินกว่าที่จะเปิดให้กว้าง เพื่อรับรู้ความจริงที่ถูกต้อง ความคิดที่เป็น "อัตตา" ก็จะเริ่ม "อัด" ตัวเราให้บอบช้ำมากขึ้นกว่าเดิม

 

ทว่าหากรู้จักยอมรับว่า "ไม่รู้" เพื่อที่จะให้ "ความรู้" เข้ามาแทนที่ เราย่อมมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น และรู้จักที่จะค้นหาคำตอบจากคำถามที่เคยสงสัยได้

ยิ่งหากหลงแล้วยังดื้อดึงในความคิดของตัวเอง แม้ต้องการจะให้ชีวิตเดินไปสู่จุดหมายที่แสนไกล ก็เปรียบเหมือนการเดินเข้าไปในป่าแห่งความหลงเช่นเคย แม้จะทำให้เราดูเหมือนเป็นคนฉลาด แต่ก็เป็นการอวดฉลาดในความเขลาที่คอยประจานตัวเราให้อับอายแทน

 

แต่หากรู้จักยอมรับในความไม่รู้ของตัวเองได้ จากสิ่งที่เคยเป็น "อัตตา" ที่บีบคั้นเราให้อึดอัด ก็จะกลายเป็น "ความผ่อนคลาย" ที่มาช่วย "แก้ปมที่ผูกแน่นในใจ" ให้สลายตัวลง สิ่งที่เคยอัดตัวเราให้บอบช้ำ ก็จะกลับมาเป็นครูสอนให้ชีวิต ได้รู้จักที่จะฉลาดขึ้นจากสิ่งนั้น ๆ เสมอ

ปัญหาที่เคยยุ่งยากในเบื้องต้น ก็จะกลายเป็นศิลปะแขนงใหม่ที่เกิดจากการรู้จักคลายเกลียวให้หลวม กระทั่งรู้จักวิธีขันน๊อตแห่งปัญหานั้น ให้อยู่ในกรอบที่ควรอยู่อย่างรู้เท่าทัน

 

หากรู้ว่าตัวเองหลงทางแต่ไม่ยอมแก้ไขให้ดีขึ้น การรู้นั้นก็ยังชื่อว่า เป็นเพียงแค่การเตรียมพร้อม ที่จะหลงใหม่ในครั้งต่อไปเช่นเดิม แต่หากรู้ว่าหลงแล้ว รู้จักพลิกชีวิตให้กลับมาเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น เราย่อมไม่อ้างว้างจากเป้าหมายที่ต้องการแน่นอน

เพราะปัญญาที่เรามีจะคอยเป็นแสงสว่างนำทาง ให้เราได้มองเห็นทิศทางของการก้าวไปที่ชัดเจนกว่า แล้วทุกอย่างที่เราต้องประสบ ย่อมทำให้เราพานพบและจบลง บนรากฐานแห่งความเข้าใจจากเรื่องราวเหล่านั้นเสมอ

 

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

 

อันความรู้สึกแสดงออกมาด้วยการรู้จักให้ ผมเองก็ทำได้แค่นี้ ให้ได้แต่ "ข้อเขียน" บทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งอาจจะดีในความรู้สึก หรือไม่ดีในความรู้สึกนั้น ผมเองก็ไม่อาจคาดหวังได้ เพราะเราไม่ใช่คนใกล้ หากแต่เป็นกัลยาณมิตรที่อยู่ห่างไกล มี "ดอยนางแก้ว" คั่นระหว่างกลาง เมืองที่มีผู้คนชอบฝ่าไฟแดดเป็นที่สุด (อิ อิ)

 

นอกจากนั้น ผมยังเชื่อในข้อคิดดี ๆ อันเกิดจากข้อเขียนนี้ จะยังประโยชน์ต่อผู้ที่ได้แวะเข้ามาอ่านมันครับ

บุญรักษา คนดี ครับ :)

 

 


แหล่งอ้างอิง

ชุติปัญโญ (นามแฝง).  สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก.  กรุงเทพฯ: ใยไหม, ๒๕๕๑.

หมายเลขบันทึก: 188600เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2008 19:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

- ปลวกหลวง ดีใจเข้ามาแทะคนแรก ขอแป๊ะไว้ก่อนนะคะ

* ยังมี สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก อีกฤาคะ ? ..

* งั้นข้าน้อย ขอเวลาไปค้นก่อนนะคะเจ้าค่ะ  *

... "เราไม่ค่อยสมหวังในสิ่งที่ชีวิตลงทุนไขว่คว้าเท่าใดนัก"

... สำหรับเกมรักแล้ว สมหวังหรือไม่ หาสำคัญเสมอไป ..

หากไม่ตั้งความหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง แล้วถ้าสมหวังล่ะ ก็

- - Great Expectation เลย ท่านอ. ปู่ เคยดูหนังเรื่องนี้ไหมคะ  - -

... ขออภัย หากยังไม่ตรงเนื้อหาในบันทึกนัก  ... ขอร้องอย่าว้ากก นะคะ  ...  :) ไว้นะคะ อ. เสือwas .. เดี๋ยวมาใหม่ค่ะ

- อ. ทานข้าวให้อร่อยเด้อ  ... ราดหน้ายอดผักหลังมอ. ...

ปูยังไม่ทราบรายละเอียดนะคะ แต่ขอเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

สวัสดีครับ คุณ poo  :)

แหม วันนี้พบกันหลายบันทึกเลยนะนี่ โอ้ ไม่

มีข้อเขียน ชื่อเดียวกับหนังสือเล่มนี้ด้วยนะครับ หากว่ามีข้อสงสัย มีทางเลือก 2 ทาง คือ

หนึ่ง ... เดินทางไปร้านหนังสือ แล้วหาซื้อหนังสือเล่มนี้ทันที

สอง ... โปรดรอ เดี๋ยวผมจะนำขึ้นให้หมดข้อสงสัยเอง

หากสงสัย โปรดติดต่อท่านชุติปัญโญด้วยตัวเอง อิ อิ

เข้าใจ๋ :) จ๊าก ๆ แฟนพันธุ์แทะเจง ๆ

มาตามคำเชิญของกัลยาณมิตรผู้น่ารักเสมอมาค่ะ

เบิร์ดชอบตรงนี้นัก....

แต่หากรู้จักยอมรับในความไม่รู้ของตัวเองได้ จากสิ่งที่เคยเป็น "อัตตา" ที่บีบคั้นเราให้อึดอัด ก็จะกลายเป็น "ความผ่อนคลาย" ที่มาช่วย "แก้ปมที่ผูกแน่นในใจ" ให้สลายตัวลง สิ่งที่เคยอัดตัวเราให้บอบช้ำ ก็จะกลับมาเป็นครูสอนให้ชีวิต ได้รู้จักที่จะฉลาดขึ้นจากสิ่งนั้น ๆ เสมอ

ปัญหาที่เคยยุ่งยากในเบื้องต้น ก็จะกลายเป็นศิลปะแขนงใหม่ที่เกิดจากการรู้จักคลายเกลียวให้หลวม กระทั่งรู้จักวิธีขันน๊อตแห่งปัญหานั้น ให้อยู่ในกรอบที่ควรอยู่อย่างรู้เท่าทัน

ขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งกับกำลังใจที่รับรู้ได้ว่าห่วงใยมากล้นนะคะ..กอดอุ่นๆข้ามดอยนางแก้วค่ะ

... ไม่เข้าจ๋าย ค่ะ อ. เสือ หลงทางมา ก็แค่นั้น :)

พบกันหลายบันทึก ก็แค่นั้นล่ะคะ เหมือนเดิม

... คุยคนละเรื่องเดียวกัน นี่เอง ....

มาอีกรอบค่ะ มาตามพี่เบิร์ดค่ะ

...  เพิ่งเข้าใจหลังจากอ่านจบค่ะ

แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ซะทีเดียวค่ะ  ...

อ่านจบแล้วก็ คิดถึง ประโยคนี้เจ้าค่ะ

- - เดินทางแสนไกล มุ่งมั่นแค่ไหน

- - ก็มิพบได้  หากยังหาใจไม่เจอ  - -

.... sleep tight night mare so mean ....

 

ขอบคุณ คุณ เบิร์ด ที่ได้ก้าวย่างมาถึงบันทึกนี้ ... ขอให้ก้าวเดินต่อไปด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นและเข้มแข็ง ครับ :)

สวัสดีครับ คุณ poo ... :)

แค่นั้น และ แค่นั้น ...

โลกนี้จะสวยงาม ถ้าเราเลือกที่สลัดอัตตาของตัวเองออกไป แถมด้วยการลดความสงสัยให้น้อยลงสักหน่อย จนหมดข้อสงสัย อัตตาก็จะหมดตามไป

ความสงสัยทำให้เราเกิดความเคลือบแคลง ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ หรือครับ

ผมก็เลยลองถามเพื่อนผมที่เป็นนักวิจัยแห่งชาติว่า มีความสุขหรือ กับการตั้งข้อสงสัยทุกย่างก้าว ... เขาก็บอกว่า นักวิจัยต้องตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบเสมอ ไม่งั้นจะหาหัวข้อวิจัยได้อย่างไร

ผมเลยตอบไปว่า งั้นผมไม่ขอเลือกเป็นนักวิจัยดีกว่า เดี๋ยวจะต้องคอยสงสัยอยู่ตลอดเวลา ผมเลือกที่จะปล่อยวางข้อสงสัยเหล่านั้น ให้คนที่ชอบสงสัยคนอื่น ๆ มาหาคำตอบแทนผมดีกว่า

อ้าว คำบ่นนี่ ... ขอบคุณครับที่แวะมาให้เห็นเสมอ :)

ขอให้มีความสุขครับ

ผมชอบแก่นของบันทึกนี้ครับ และก็ชอบประโยคยาวๆนี้

"หากรู้ว่าตัวเองหลงทางแต่ไม่ยอมแก้ไขให้ดีขึ้น การรู้นั้นก็ยังชื่อว่า เป็นเพียงแค่การเตรียมพร้อม ที่จะหลงใหม่ในครั้งต่อไปเช่นเดิม"

หลงซ้ำๆเพราะ ไม่เคยคิดจะตั้งหลัก ตั้งสติ กระชับปมแน่นให้เเน่นมากขึ้นไป...

-----------------------------------------------

ว้าว คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร  .. แอบมาดึก ๆ เลยนะครับ

รู้เท่าทันจิตใจตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ครับ ... :)

ขอบคุณนะครับ

สวัสดีคะ...มาเยี่ยมเยียน และตามมาขอบคุณคะ...เฮ้อ.บางครั้ง ตัวพูดนั้นง่าย แต่ตัวทำนั้นยาก.(เพราะตัวเองก้พยายามทำ แต่ก็ยากซะเหลือเกิน ...ใจหนอใจ)

ขอบคุณคะ

ขอบคุณมากครับ คุณ "เอื้อง...แสงเดือน v.2" ... ที่แวะเข้ามาเยี่ยม

ความยาก อันเนื่องมาจากใจ ... น่ะครับ คงต้องใช้ความเพียรและเวลาในการกล่อมเกลาใจของตัวเองด้วยนะครับ ... ความมีอัตตาสูง ๆ มีตัวตนเยอะแยะมากมาย ทำให้การฟังของเราลดน้อยถอยลงไป บางทีก็หูไม่ยินเลยก็มี แต่เชื่อในการตัดสินใจตามที่ตัวตนของตนเองบอกในใจ

ขอให้กำลังใจครับ :) 

แวะมาแล้วค่ะ จะทำเกลียวให้หลวม จะแก้ปม นั้นเป็นเรื่องดีค่ะ แต่ห้ามโกหกตัวเอง...นะคะ อิอิ แบบนี้ลองมาแล้วค่ะ ไม่ได้ผล ฮ่าๆๆๆ กลายเป็นว่ายิ่งโกหก ปมอัตตายิ่งโต..(ข้อสรุปส่วนตัวค่ะ ^ ^)

อยากเสนอว่ายิ่งชี้นิ้ว ปมอัตตาก็ยิ่งโตด้วยครับ

ขอบคุณครับ อาจารย์ กมลวัลย์ ... ที่แวะมาตามเทียบเชิญจอมยุทธ์ ครับ 555 ...

จะจำไว้ครับว่า "ยิ่งโกหก ปมอัตตายิ่งโต" :)

ขอบคุณครับ คุณ Conductor ... สำหรับคำแนะนำว่า "ยิ่งชี้นิ้ว ปมอัตตาก็ยิ่งโต" ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ตามรอยมาจากบันทึกอาจารย์กมลวัลย์ วันนี้ได้สนทนาธรรมแต่เช้า ดีจริงๆ สงสัยธรรมะจัดสรร เพราะเป็นเรื่องที่ตรงกับสิ่งที่ประสบมากในสองสามวันที่ผ่านมาค่ะ

แม้บางทีเราทำสิ่งที่คิดว่าดี(แบบของเรา) มีคนอื่นคิดไม่ตรงกับเรา เราก็ไปสงสัย วิจารณ์เขา แต่พอมีสติเห็นตนเอง ไอ้ที่คิดว่าเราถูกนั้น มันก็เป็นสิ่งสมมุติตามอัตตาของเรา คนอื่นเขาก็มีอัตตาของเขา เลยมานั่งขำว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง จะไปอะไรกันนักกันหนา เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราโชคดี มีบุญพอที่จะมองเห็นโทษของการกอดอัตตาไว้ เราจึงค่อยๆปล่อยวาง ทำให้เรื่องที่ดูเป็นปัญหา ก็ค่อยคลายไปเป็นเรื่องธรรมดาที่จะผ่านไป

สิ่งหนึ่งที่ตัวเองระวังตน คือตามประสามนุษย์ที่เคยชินกับการมีอัตตามากว่าครึ่งค่อนชีวิต ความหลงอัตตาจะมีมาเรื่อยๆ จากโลกธรรมที่เรายังเวียนว่ายอยู่ ยิ่งทำให้เห็นคุณค่าของการเจริญสติ รู้สึกว่าตัวเองชักจะสติอ่่อนกำลัง เรียกมาใช้ได้ไม่ค่อยทัน ไม่ค่อยเข้มแข็ง ได้เวลาไปบ่มเพาะกับครูบาอาจารย์กันอีกครั้งแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์

สวัสดีครับ อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์  :)

อาจารย์เขียนถ้อยคำได้เพราะจังเลยครับ ...

แม้บางทีเราทำสิ่งที่คิดว่าดี(แบบของเรา) มีคนอื่นคิดไม่ตรงกับเรา เราก็ไปสงสัย วิจารณ์เขา แต่พอมีสติเห็นตนเอง ไอ้ที่คิดว่าเราถูกนั้น มันก็เป็นสิ่งสมมุติตามอัตตาของเรา คนอื่นเขาก็มีอัตตาของเขา เลยมานั่งขำว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง จะไปอะไรกันนักกันหนา เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราโชคดี มีบุญพอที่จะมองเห็นโทษของการกอดอัตตาไว้ เราจึงค่อยๆปล่อยวาง ทำให้เรื่องที่ดูเป็นปัญหา ก็ค่อยคลายไปเป็นเรื่องธรรมดาที่จะผ่านไป

ขอบคุณเช่นกันครับอาจารย์ :)

ขอบคุณอาจารย์ที่สรุปเรื่องนี้ให้อ่าน

กำลังหลงทางบางเรื่องราว ไม่อยากหันหน้าเข้าหากัน ไม่อยากแก้ไขปัญหา ขี้เกียจฟังแล้วหาเรื่องมาแก้ตัว แก้ใจ ปรับใจ ทั้งที่รู้ว่า ผิด แย่มาก (บัวปริ่มน้ำ บางครั้งก็จมสำลัก)

แต่เมื่อไรเกิดความแปรปรวนข้างในจะแวะมาบล็อกนี้ และใช้สมาธิอ่านข้อเขียนด้วยเสียงดัง (แต่เบาๆ) จะจำและซึมซาบได้มากกว่าอ่านในใจเพราะแค่ไล่สายตาตามตัวอักษร สมาธิยังไม่ยอมจ่อในข้อเขียนดีๆของอาจารย์ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ

สวัสดีครับ พี่หม่อม ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี :)

ยินดี ... หากว่าจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากมายเสมอ ครับ

ข้อเขียนดี ๆ ธรรมะเย็น ๆ ยังเป็นที่โปรดปราน และ ชื่นชมสำหรับผมเสมอ ถึงแม้จะห่างวัดห่างวามากมายก็ตาม

บุญรักษา ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท