นำข้อเขียนจากหนังสือ ชื่อ "สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก" ของ "ท่านชุติปัญโญ"
มานำเสนอ แด่กัลยาณมิตรทุกท่าน ดังนี้
:) ............................................................................................................................... (:
ชีวิตของคนเราที่กำลังก้าวไปในแต่ละขณะ ช่างเป็นความท้าทายเหลือเกินว่าจะมีจุดจบเป็นเช่นใด เป็นความท้าทายท่ามกลางความเสี่ยงและความคาดหวังว่า จะได้อะไรกลับมาจากเวลาที่เสียไป
ความเคลื่อนไปของกาลเวลา จึงทำให้เราได้เห็นสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไป และเห็นถึงความแตกต่างกันตลอดเวลา พร้อมกับสร้างบทเรียนให้ชีวิต ได้ทำการศึกษาอยู่ในตัวของมันเอง
บางคนก็ใช้เวลาให้ดำเนินไป พร้อมกับคุณค่าของชีวิตที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่บางคนก็ให้เวลาหมุนชีวิตไปอย่างไร้เข็มทิศนำทาง คุณค่าของเวลาที่ควรจะทำให้ตัวเราได้เข้าใจสิ่งที่ดีกว่าจึงจืดจางไป พร้อมกับนำพาชีวิตไปสู่ความไร้ค่าอย่างน่าเสียดาย
เพราะหากใช้ตัววัดว่า "นาฬิกา" คือสิ่งที่ใช้บอกเวลาเพื่อสะท้อนให้เราได้มองเห็นความเปลี่ยนไป และชี้วัดว่ามีอะไรบ้างที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตของเรา แม้แต่เข็มนาฬิกาที่หยุดเดินเพราะถูกใช้งานหลัก ก็ยังสะท้อนให้เห็นคุณค่าตั้งหลายอย่าง
อย่างน้อยก็แสดงความมีค่าตั้งสองครั้งครา เพื่อให้คนเราได้เห็นว่า แม้ในสิ่งที่มองว่าไร้ค่า ก็มีความสำคัญที่ซ่อนอยู่ในนั้น เพราะเมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาในครั้งแรกว่า "หกโมงเช้า" ครั้งถัดมา เข็มนาฬิกาที่หยุดทำงาน ก็ยังบอกให้รู้ว่า เป็นเวลา "หกโมงเย็น" ได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เราควรถามตัวเองให้มากขึ้นก็คือ วันนี้เราใช้เวลาของชีวิตให้เป็นไปอย่างไร? เราดำเนินชีวิตอย่างมีกำไร หรือเพียงแค่ใช้สอยอย่างคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลาที่ได้มา?
พระพุทธองค์ได้ชี้นำชีวิตของคนเรา ให้รู้จักที่จะมีความสุขทุกโมงยามของการเปลี่ยนแปลง ด้วยการทำความเข้าใจอย่างรู้เท่าทันด้วยปัญญา
เริ่มตั้งแต่การรู้จักตั้งคำถามกับตัวเอง กระทั่งรู้จักทำความเข้าใจว่า จะให้ชีวิตนี้เป็นอย่างไร กำไรที่ทรงคุณค่าจึงจะเกิดมีและพร้อมจะยอมรับสิ่งที่มาพลัดพรากสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตให้จากไป
เพราะเวลาของความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา มิควรเป็นการร้องขอว่าจะได้อะไรมาครอง แต่ทุกขณะของเวลาที่เปลี่ยนไป เราควรมีคำถามว่า เรามีความเข้าใจในชีวิตมากหรือน้อยเพียงใด
นั่นจึงชื่อว่า เป็นการหมุนเวลา ให้เดินทางอย่างคนที่รู้คุณค่าในชีวิตนี้จริง ๆ
หากเรามีโอกาสศึกษาพระประวัติของสมเด็จเท็นซิน กยัตโส องค์ดาไลมะที่ ๑๔ แห่งประเทศทิเบต สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในวิธีคิดของพระองค์ก็คือ "การรู้จักทำชีวิตให้มีความสุขทุกขณะ"
แม้ช่วงที่ต้องเดินทางรอนแรมจากประเทศทิเบต เพื่อลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย พระองค์ต้องเดินด้วยระยะทางที่ไกลมาก และต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูง เพื่นเดินข้ามเทือกเขาหิมาลัย
ครั้งหนึ่งมีนักข่าวไปทูลถาม ถึงการเสด็จเดินทางไกลในครั้งนั้น ด้วยความสงสัยว่า พระองค์มีวิธีเดินอย่างไร และต่อสู้กับอารมณ์ที่เข้ามาบีบคั้นในขณะนั้นอย่างไร
โดยนักข่าวทูลถามว่า
"พระองค์เดินเสด็จข้ามภูเขาหิมาลัยได้อย่างไร?"
องค์ดาไลลามะก็ทรงยิ้มให้ พร้อมกับตอบด้วยพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ประหนึ่งว่า ปัญหาที่พระองค์ประสบนั้น ช่างเป็นเรื่องที่เล็กน้อยเหลือเกินว่า
"อาตมาภาพก็ใช้วิธีเดินทีละก้าว"
คำว่า "ทีละก้าว" ของพระองค์ อาจดูเหมือนเป็นความรู้สึกธรรมดาในความเข้าใจของคนทั่วไป แต่สำหรับความที่เข้าถึงคุณค่าของชีวิตแล้ว คำว่า "ทีละก้าว" นั่นหมายถึง การมีสติทุกขณะที่เท้าก้าวเดิน และเป็นสุขกับทุกก้าวย่างที่ก้าวไป
พระองค์แสดงให้เห็นว่า การทำหน้าที่เดินด้วยสติเป็นหน้าที่ของเรา แต่การถึงจุดหมายนั้น เป็นอีกเหตุปัจจัยหนึ่งที่จะตามมา พระองค์จึงมีความสุขทุกย่างก้าว แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะสุขได้ก็ตาม
ทีละก้าวของความสุข จึงเป็นสิ่งที่เราควรสร้างให้มีในตัวเอง เพราะความสุขที่มีปริมาณมาก ๆ ก็เริ่มจากความสุขที่เล็ก ๆ นั่นเอง เป็นสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ทุกวินาที และเป็นก้าวย่างแห่งกาลเวลาที่แสนสุขทุกขณะ หากเรารู้จักว่าชีวิตนี้ควรดำเนินไปอย่างไร
เวลาที่พัดพาสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต จึงมิใช่สิ่งที่ทำให้เราต้องหวาดกลัว แต่ควรเป็นโมงยามของความสุขใจ ที่สามารถรับรู้ทุกรายละเอียดของสิ่งที่ผ่านเข้ามา แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะร้ายบ้าง แต่นั่นก็เป็นอีกโมงยามหนึ่งของเวลาที่เข้ามาทดสอบ เพื่อทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
ชีวิตที่หมุนไปตามกาลเวลา จึงเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ มิใช่เพียงสักแต่ว่ากล้ำกลืนฝืนทน ที่จะเกี่ยวข้องกันไปอย่างไร้เยื่อใย แต่ควรรู้จักทะนุถนอมแต่ละวินาที อย่างผู้เห็นคุณค่าที่ควรดูแล
เป็นการเฝ้าถนอมเพื่อให้ชีวิตมีค่าที่มากกว่าเดิม เผื่อวันหนึ่งที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เราก็จะได้รับรู้ว่าโมงยามของเวลาที่หมุนไป คือ สิ่งที่ช่วยสร้างความสุขทางใจให้กับเราได้เสมอ
เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่เปราะบาง และต้องเกี่ยวข้องกับเวลาที่เราไม่อาจหยุดยั้งได้ เราจึงควรใช้เวลาที่หมุนไป ให้กลายค่าเป็นโมงยามของความสุขทุกขณะ
ควรให้ชีวิตที่น้อยนิดนี้ ได้มีโอกาสเรียนรู้อย่างชาญฉลาดที่จะต่อกรกับทุกการเคลื่อนไหวของสรรพสิ่ง บนรากฐานของการสร้างปัญญาให้แก่ตน เพื่อจะได้สัมผัสกับทุกบรรยากาศของชีวิตที่ทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดี ๆ เพื่อตนและคนรอบข้างได้
เราควรให้ชีวิตได้รับรู้ความสุขทุกขณะ ไม่ใช่เพียงแค่ความสุขชั่ววูบ ที่ถูกฉาบทาจากวัตถุภายนอกด้านเดียว แต่ควรให้เวลาเป็นครูสอนวิธีที่จะอยู่กับความสุขนั้นตลอดไป
ขอให้ทุกโมงยามของชีวิต ที่เกี่ยวเนื่องด้วยกาลเวลาของเรา
จงเป็นโมงยามแห่งความสุขทุก ๆ วัน
:) ............................................................................................................................... (:
แหล่งอ้างอิง
ชุติปัญโญ, นามแฝง. สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก. กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.
สวัสดีครับอาจารย์
ไม่ได้ทักทายซะนานเลย
ถ้าอยากมีความสุขก็จงทำตัวเหมือนน้ำ ผมได้บรรทึกไว้แล้วครับ ก็ลองอ่านๆดูก็ได้ครับ อิอิ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านสาระดี ๆ ในวันหยุดตามเคย..
"การรู้จักทำชีวิตให้มีความสุขทุกขณะ" และ "เดินทีละก้าว"
ขอบคุณมาก ๆ และขอให้มีสติและเบิกบานในวันหยุดค่ะ
(^___^)
สวัสดีครับ คุณครูเฉลิมศักดิ์ :)
สบายดีนะ ... มีความสุขในการทำงานทุก ๆ วันครับ
ขอบคุณครับ :)
ขอบคุณครับ คุณ คนไม่มีราก ... มีความสุขเช่นกันครับ
สุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ สถานการณ์ภายนอก นะครับ :)