ศิลปะของการเปิดรับและปกป้องตัวเอง ... (ท่านชุติปัญโญ)


การเปิดเผยเพื่อให้เห็นสิ่งดี ๆ มักมีรายละเอียดของความงามให้ได้ชื่นชมและนำปฏิบัติตามซ่อนอยู่เสมอ เป็นการเปิดเพื่อทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง และมีคุณค่าที่จะโน้มน้าวให้ผู้อื่นได้ทำตาม

ช่วงนี้เงียบหายไม่ค่อยได้มีโอกาสเขียนบันทึกเท่าไหร่ มีคนหน้าตาใหม่ ๆ ไม่เคยรู้จักกันมากมาย เหลือกัลยาณมิตรเก่า ๆ บ้าง ก็พอนับคนได้

มีโอกาสไปเดินซีเอ็ดฯ เห็นหนังสือของท่านชุติปัญโญเล่มล่าสุดออกมาให้เห็น จึงคว้าทันใด

ประกอบกับการอยากหาข้อธรรมมาอ่านบ้าง ไม่ให้จิตฟุ้งซ่านเพราะหน้าที่การงาน การเมืองภายในอันน่าเบื่อหน่าย การปิดใจไม่ยอมรับความไม่ถูกต้องของคนในสังคมก็มากมาย บางทีหัวโขนทำให้รู้สึกว่าตัวเองทำถูกต้อง โดยไม่ค่อยคิดถึงคนที่ตัวเองกำลังเบียดเบียนอยู่ น่าเวทนายิ่งนัก

กัลยาณมิตรมีเรื่องกลุ้มใจบ้างจากประสบการณ์ใหม่ ๆ มีเรื่องดีบ้าง ปะปนกันไป

"เปิดร้อย ปิดร้อย" "เปิดครึ่ง ปิดครึ่ง" เป็นสำนวนในการพูดคุยผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กับกัลยาณมิตร

พลิกข้อเขียนธรรมของท่านชุติปัญโญ .. อะไรจะตรงประเด็นนี้ขนาดนั้น

จึงเลือกยกบทความธรรมนี้ มาให้ท่านได้อ่านไปพร้อมกัน ครับ

 

*************************************************************************

 

ชีวิตของคนเราเป็นเหมือนการเรียนรู้ที่จะเปิดเผยตัวเอง ในวันที่มีสิ่งดี ๆ ผ่านเข้ามาให้ได้ทำความรู้จัก ขณะเดียวกันก็พร้อมจะปิดตัวเอง ในวันที่สิ่งต่าง ๆ เข้ามาทำร้ายให้เจ็บตัว

เป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ที่ชีวิตของเรามีระบบการปรับเปลี่ยนตัวเองที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งดี ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้มีคุณค่าที่ดีกว่าเดิม และเป็นสิ่งดีที่รู้จักปกป้องตัวเอง ให้พ้นจากอันตรายที่จะเข้ามาทำร้ายตัวเรา

แต่เมื่อใดที่ไร้ความเข้าใจในวิธีเปิดและปิดวงจรชีวิตของตน การเปิดเพื่อรับเพราะคิดว่าจะทำให้ได้เจอโลกที่กว้างกว่า และการปิดที่คิดว่า เป็นการป้องกันอันตราย ก็ยังคงชื่อว่าเป็นบ่อนทำลายตัวเราอยู่ดี

 

ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่พร้อมจะพลิกมุมให้เราได้เห็นหลาย ๆ สิ่ง หากรู้จักสร้างวิธีเปิดรับและสร้างเกราะป้องกัน เพื่อปกป้องไม่ให้สิ่งร้ายเข้ามาแผ้วพาน หรือเพื่อรักษาสิ่งดีให้คงอยู่กับเรานาน ๆ

สำหรับผู้เขียนเอง ในวันที่ต้องการตรวจสอบรายละเอียดของชีวิต บางครั้งก็เลือกจะปลีกตัวเองไปอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง เพื่อเก็บรายละเอียดบางอย่างที่หล่นหายไป และเพื่อเตรียมความพร้อมว่าจะทำอะไรต่อไปให้ดีกว่าเดิม

เป็นการชาร์ทแบตเตอรี่ให้ชีวิตมีพลังในการขับเคลื่อนหลาย ๆ อย่างให้เดินทางต่อไป ด้วยจังหวะที่เสมอต้นเสมอปลาย ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มีเวลาสำรวจชีวิตอย่างละเอียด ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่กำลังเป็นไป

 

สิ่งมีชีวิตได้เรียนรู้จากตัวเองและธรรมชาติรอบข้างล้วนสอนให้ฉลาดขึ้นเสมอ โดยมีข้อแม้อยู่ที่ว่าเราต้องไม่เผลอให้ความเข้าใจผิด มาคอยกำกับสิ่งที่กำลังทำการศึกษา หรือมาคอยเฝ้าตรวจตราด้วยการจ้องจับผิด แต่ควรเป็นการเฝ้าดูด้วยการไตร่ตรองผ่านปัญญาที่มีสติครอง

แล้วทุกปรากฎการณ์ของชีวิต ที่เดินผ่านบทเรียนของธรรมชาติ จะช่วยให้ข้อคิดแก่เราผู้ยังอ่อนเยาว์ ให้มีการเติบโตที่เข้มแข็งมากกว่าเดิม

เช่นในวันที่ฝนตก เมื่อรู้จักเรียนรู้จากปรากฎการณ์ของธรรมชาติ เราจะสามารถซึมซับรายละเอียดบางอย่าง ที่บางครั้งเราไม่เคยมองเห็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งล้วนบอกให้รู้ว่า มีเหตุผลมาจากอะไรอยู่ในตัวของฉัน

 

ผู้เขียนเฝ้าสังเกตธรรมชาติของสัตว์ต่าง ๆ และได้ความรู้จากสิ่งที่มาพร้อมกับเรื่องราวที่เกี่ยวกับฝนคือ ในวันที่ฝนยังไม่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งดูเหมือนว่า ธรรมชาติของแต่ละสิ่ง กำลังปกปิดอะไรบางอย่างของตัวเองไว้

ทว่าในวันที่ฝนพรำลงมาซึ่งดูเหมือนเป็นวันฟ้าเปิด เพื่อให้ทุกชีวิตได้เปิดเผยตัวเอง บางครั้งก็ทำให้สัตว์บางชนิดที่เคยอยู่อย่างสงบสุข ต้องตะโกนเรียกหาเพื่อนพ้องน้องพี่ เพื่อให้รู้ว่าถึงเวลาที่เราและเขาจะเปิดใจเข้าหากัน

อึ่งอ่างที่เคยเก็บตัวเงียบในวันที่ฟ้าไร้ฝน ซึ่งดูเหมือนเป็นการปิดตัวเอง ประหนึ่งว่าโลกทัศน์ช่างแคบเหลือเกิน แต่ในความเล็ก ๆ ของช่องว่างของชีวิตเช่นนี้ กลับเป็นโล่กำบังชั้นดีให้อึ่งอ่างปลอดภัย

 

แต่ในวันที่ฝนหลั่งมารดพื้นดินให้ชุ่มฉ่ำ เจ้าอึ่งอ่างที่เคยอยู่อย่างเงียบสงัด กลับกระโดดออกจากที่อยู่และพากันร้องระงมลั่นทุ่ง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากหลายสิ่งที่ได้รับเสียงกระทบจากมัน

แต่การเปิดตัวของอึ่งอ่าง ที่ดูเหมือนเป็นการเปิดเพื่อปลดปล่อยบางอย่างที่เก็บกดไว้ กลับเป็นการเรียกให้ผู้คนมาทำร้ายตัวมันเอง เป็นการเปิดเผยเพื่อเปิดรับสิ่งร้าย ๆ ให้เข้ามาปลิดชีพตน

ทุกการเปิดรับที่คิดว่าจะทำให้โลกทัศน์กว้างมากขึ้น หรือ การปกป้องเพื่อปิดตัวเองให้ปลอดภัยจากอันตรายที่จะมากล้ำกราย จึงเป็นการเปิดและปิดอย่างผู้ที่ไม่ฉลาดพอ

 

ชีวิตจึงต้องเผชิญกับความยากลำบาก ต่อสิ่งที่ผ่านเข้ามาทดสอบอยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่มันควรจะทำให้ฉลาดและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน หากรักที่จะถักทอสายใยแห่งชีวิต ให้ช่วยห่อหุ้มตัวเราและผู้คนรอบข้างให้มีความสุข เราควรจะเรียนรู้วิธีเปิดเพื่อรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความเข้าใจ และศึกษาวิธีปิดเพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากภัยพิบัติอย่างชาญฉลาด

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เมื่อเปิดเผยคราใด แล้วทำให้ปรากฎเป็นความงามทุกที นั่นก็คือ "การเปิดเผยความดีที่เราได้ทำมา และกำลังทำอยู่"

 

เพราะการเปิดเผยเพื่อให้เห็นสิ่งดี ๆ มักมีรายละเอียดของความงามให้ได้ชื่นชมและนำปฏิบัติตามซ่อนอยู่เสมอ เป็นการเปิดเพื่อทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง และมีคุณค่าที่จะโน้มน้าวให้ผู้อื่นได้ทำตาม

การเปิดเผยสิ่งดีให้ปรากฎ เป็นเสมือนการสร้างศูนย์รวมของสิ่งที่มีค่าให้ได้โชว์ตัว ประหนึ่งเป็นสัญญาณบอกต่อแก่โลกใบนี้ว่า เพราะความดีที่แต่ละคนร่วมกันสร้างมา จึงช่วยเปิดหน้าต่างของโลกให้กว้างขึ้น

ตรงกันข้าม สิ่งที่เกิดจากความอยากได้ไร้หลัก เป็นสิ่งที่เราควรปิดล้อมมันเอาไว้ เพราะนั่นคือการให้โอกาสสิ่งที่เป็นฝ่ายลบ เข้ามาทำชีวิตให้เสียระบบ และทำให้เราต้องวิ่งออกนอกลู่ทางของความดีในสักวัน

 

เพราะสิ่งร้ายที่ได้รับการเปิดเผยตัวในวันที่เราไม่ฉลาดพอ ย่อมพร้อมจะเป็นพญามัจจุราชที่ร้ายกว่าเดิม และจูงลากชีวิตของเราเข้าไปสู่วงจรแห่งความหายนะเสมอ

การเปิดรับและการปิดบังอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญยิ่งในชีวิต ถือเป็นสิ่งที่สร้างกำไรทุกครั้งหากมีในตัวเรา นั่นก็คือ "การเปิดและปิดใจของตนอย่างคนที่มีปัญญา"

เพราะในวันที่เรารู้จักเปิดใจ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยความเข้าใจ ชีวิตที่ก้าวไปบนลู่วิ่งของการตามหาสิ่งดี ๆ ย่อมมอบคุณค่าราคางามให้ และพร้อมจะคล้องแขนเราเดินไปด้วยกันอย่างเต็มใจ

 

แต่หากคราใดต้องการปิดใจ ก็ไม่ควรเป็นการปิดเพื่อปัดความรับผิดชอบ เพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ฝ่ายเดียว มิควรเป็นไปเพื่อหลบเลี่ยงโดยที่ปัญหานั้นไม่ได้รับการแก้ไข

เพราะนั่นมิใช่การปิดตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหา แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาใหม่เข้ามาซ้ำเติม แทนที่จะเป็นการปิดเพื่อบดบังสิ่งร้ายให้ผ่านเลยไป กลับเป็นความร้ายของใจเราที่ไม่รู้จักรับผิดชอบมัน

การปิดเพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งร้าย ๆ ในทางพระพุทธศาสนานั้น แม้หากเป็นการหลบ ก็ต้องไม่ใช่การเลี่ยงเพื่อเบี่ยงหนีปัญหา หรือเข้าข่ายของการหลบเพื่ออยู่รอดอย่างคนที่เห็นแก่ตัว

 

เมื่อจะหลบสิ่งที่คิดว่า ไม่คู่ควรต่อการเสวนา สิ่งที่เข้ามาช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหานานา ก็ต้องมีปัญญาคอยเกื้อหนุน แล้วทำให้เราได้ศึกษาปัญหานั้น ๆ เพื่อผลักดันให้สติปัญญาได้งอกเงย และแก้ไขสิ่งร้าย ๆ นั้นอย่างทันท่วงที

 

โปรดเรียนรู้วิธีเปิดรับและปกปิดชีวิตด้วยความเข้าใจ แล้วจะทำให้ทุกย่างก้าวทีกำลังดำเนินไป ได้มีกำไรสำหรับเดินเคียงข้างไปด้วยกันอย่างสง่างาม

 

*************************************************************************

 

บทความธรรมเย็น ๆ .. ชวนคิดในหลาย ๆ เรื่องที่คนเรามักมองข้ามกันไป

 

ท่านได้อะไรติดไม้ติดมือ ติดใจไปบ้างครับ

 

บุญรักษา ครับ :)

 

*************************************************************************

 

แหล่งอ้างอิง

ชุติปัญโญ.  มองโลกให้งาม ชีวิตก็งาม.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.

 

หมายเลขบันทึก: 224214เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2008 02:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่พร้อมจะพลิกมุมให้เราได้เห็นหลาย ๆ สิ่ง

หนังสือน่าอ่านมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สุขภาพแข็งแรง นะคะ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเรื่องธรรมชาติ การก้าวไปข้างหน้าเพื่อค้นหาความหมายบางอย่าง เราคงต้องเจอบทเรียนที่หลากหลายเรียงรายมาทดสอบครับ...ดูเหมือนบทเรียนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ให้เราได้เรียนรู้และสอบผ่านเลื่อนขั้น

ปิดๆ เปิดๆ...

ผมมองประเด็นนี้ว่า ...เราหวั่นไหวกับสิ่งเร้าข้างนอกเพราะเรายังไม่เข้มแข็งพอครับ การที่เปิดเพราะอยากให้ทุกคนรู้จักตัวจนที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในทางวิชาการที่สามารถอ้างอิงได้ หากจะมีใครสักคนโต้แย้ง เป็นบรรยากาศที่ดี หากอยู่ภายใต้กรอบแห่งเหตุผล และกัลยาณมิตร ไม่ใช่อารมณ์ มิจฉาทิฐิ แต่ยากมากครับ คนหลากหลาย ระดับของคนที่เข้ามาก็หลากกลุ่ม มากความคิด เราก็คอยดูไปแก้ไขไป เรียนรู้ไป ก็ไม่ได้เครียดมากเพียงแต่บางครั้งรู้สึกเหนื่อยๆไปบ้าง...ก็เรื่องธรรมดาอีกละครับ

จะเปิดร้อย หรือเปิดเท่าไหร่ ต้องดูว่า "พร้อมหรือไม่" นะครับ หากพร้อมก็เตรียมตัวรับมือ ไม่พร้อมก็ยังไม่ต้อง...

บางบทสนทนาที่ไม่ก่อให้เกิดปัญญา หรือลดทอนพลังที่มีอยู่ก็แขวนลอยเอาไว้ พิจารณาให้ถ่องแท้ พร้อมกับสอนตัวเอง ให้เวลาเขาได้เรียนรู้อย่างเมตตา...

ขอบคุณครับกัลยาณมิตรที่ดี ขอให้มีความสุข และมีพลังในการทำงานต่อไป..

:)

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เมื่อเปิดเผยคราใด แล้วทำให้ปรากฎเป็นความงามทุกที นั่นก็คือ "การเปิดเผยความดีที่เราได้ทำมา และกำลังทำอยู่"

 

ถูกใจใช่เลยค่ะ

เนื่องจากเป็น "คนขี้โม้" อยู่แล้วค่ะ

เอิ๊กซ์!

อาจารย์สบายดีนะคะ

ระลึกถึงเสมอค่ะ

แย่จัง พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาดูแลเลยค่ะ  อิอิ

 

สวัสดีครับ คุณ @..สายธาร..@ :)

ท่านชุติปัญโญยังคงเขียนข้อเขียนธรรมเย็น ๆ แบบนี้มาเรื่อย ๆ ครับ

ชีวิตมีหลากหลายมุม ... เลือกมุมสวยงามในการมองดู ครับ

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

เปิดเมื่อพร้อม ... และเตรียมรับด้วยใจที่หนักแน่น

ขอบคุณนะครับ :)

สวัสดีครับ คุณ ครูปู :)

เชิดชูคนทำความดีครับ

ขอบคุณครับที่แวะมาดูแล :)

สวัสดีครับอาจารย์

ไม่มาเที่ยวแม่ฮ่องสอนเหรอครับ

นักท่องเที่ยวเยอะมากเลย

อยากไปแม่ฮ่องสอนสิครับ คุณครูเฉลิมศักดิ์ :)

จะได้ไปตอนไหนหนอ ... คิดถึง ๆ แม่ฮ่องสอน

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์

 ขอบคุณ  เสียงเล็กๆจากธรรมชาติค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณ ครูเอ :)

อากาศเย็นแล้วครับ ต้องดูแลตัวเองและครอบครัวให้ดี

อากาศการเมืองมันหาจุดลงตัวที่ยากครับ เพราะต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์ สงสัยว่า หยุดใช้อารมณ์เมื่อไหร่ คงหมดลมหายใจเมื่อนั้น

อย่าเครียดนะครับ ปิดสื่อบ้าง เปิดสื่อบ้าง เลือกรับสารที่สำคัญและป้องกันตัวเองก็พอครับ

สู้ ๆ ครับ :)

ตามมารับธรรมะด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณ ท่าน ผอ.บวร ที่ได้มาเยือนสมุดบันทึกอีกเล่มหนึ่งของผม :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท