"เวลาที่เหลือของชีวี มาทำความดีกันเถอะ" ... (ท่านชุติปัญโญ)


ชีวิตนี้ช่างสั้นนัก จนเวลาที่จะหยุดพักนั้นแทบจะไม่เหลือให้เราได้ชื่นชมกับเรื่องใด ๆ ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรเรียนรู้ที่จะเกี่ยวข้องต่อกันและกัน ด้วยใจที่มีเมตตาคอยนำทาง เพื่อเป็นแสงสว่างและเป็นแรงดลใจให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของแต่ละคน ได้มีโอกาสทำความดีที่มากกว่าเดิม

ผมมักจะสอนลูกศิษย์ไว้เสมอว่า "ให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เหมือนกับว่า วันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต" ด้วยการเห็นหลายคนใช้เวลาไปอย่างไม่คุ้มค่า หากไม่ทราบจะทำอะไร ก็นั่งหายใจทิ้งเล่นไปวัน ๆ พอสอบถามก็ได้ความว่า "ผมกำลัง ฆ่าเวลา อยู่ครับ" ... ฆ่าเวลา เหมือนว่า มนุษย์มีเวลาให้ฆ่าซะมากมายเต็มประดา มนุษย์เรามีเวลากันสักกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นวันกันเชียว ประเดี๋ยวก็ตายแล้ว ทำไมเราไม่ถึงทำเวลาทุก ๆ วินาทีให้มีค่าที่สุดล่ะครับ จริงไหม :)

ท่านชุติปัญโญ ได้สอนไว้ในบทความที่ชื่อ "เวลาที่เหลือของชีวิต มาทำความดีกันเถอะ" ในหนังสือ ชื่อ "มองโลกให้งาม ชีวิตก็งาม" เล่มล่าสุดของท่าน

จึงขอยกบทดังกล่าว ดังต่อไปนี้ ครับ

 

*****************************************************************************

 

นกพิราบสองตัวผัวเมียอาศัยอยู่ในรังแห่งหนึ่ง เมื่อถึงหน้าฤดูผลไม้สุกงอม จะเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่ดีใจยิ่งนัก เพราะจะได้หาเสบียงมาเก็บไว้ได้ง่าย ทั้งสองจึงช่วยกันเก็บผลไม้มาไว้จนเต็มรัง

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อฤดูแล้งย่างกรายเข้ามา หลังจากออกไปหาผลไม้แล้วกลับมาที่รัง นกพิราบตัวผู้รู้สึกว่า ผลไม้ลดน้อยลง จึงเริ่มระแวงนกพิราบตัวเมีย

ยิ่งนานวันเข้า ไม่ว่าจะหามาไว้เต็มรังอย่างไร ผลไม้ที่เคยมีอยู่จำนวนมากก็ดูเหมือนลดลงทุกวัน ๆ ทำให้นกพิราบตัวผู้ระแวงนกพิราบตัวเมียมากขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่งเมื่อทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า

"เสบียงที่อยู่ในรังนี้ เราทั้งสองต่างช่วยกันเก็บมา แต่พอข้าเผลอทีไร เจ้าเป็นต้องแอบกินทุกที จนผลไม้ที่เคยเต็มรังลดลงทุกวัน เจ้าทำอย่างนี้ทำไม?"

ฝ่ายนกพิราบตัวเมียเมื่อได้ฟังคำกล่าวหาเช่นนั้น ก็รีบชี้แจงให้สามีของตนรับทราบในทันที

"ฉันไม่เคยแอบกินก่อนเลยนะ เหตุที่ผลไม้มัดูลดลงเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะฉันกิน แต่เป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัดต่างหากมาแผดเผาจนมันเหี่ยวแห้งและหดตัว จึงทำให้ผลไม้ที่มีปริมาณเท่าเดิมดูเหมือนหายไป"

แต่นกพิราบตัวผู้กลับไม่เชื่อในคำกล่าวของนกพิราบตัวเมีย หนำซ้ำกลับแสดงความโกรธตอบกลับคืน เพราะคิดว่าคำกล่าวนั้นเป็นข้อแก้ตัวให้ตัวเองพ้นข้อกล่าวหา

เมื่อระงับความโกรธไม่อยู่ นกพิราบตัวผู้ก็กระโดดเข้าจิกตีนกพิราบตัวเมียอย่างรุนแรงด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ที่ภรรยาแอบกินผลไม้ก่อน แถมยังโกหกด้วย ในที่สุด นกพิราบตัวเมียก็สิ้นใจตายในเวลาต่อมา

จนกระทั่งเมื่อมีฝนตกลง สิ่งที่มาเปลี่ยนความคิดของนกพิราบตัวผู้ก็เกิดขึ้น คือ เมื่อฝนโปรยปรายลงมา ผลไม้ที่อยู่ในรังที่เหี่ยวแห้ง ก็มีการขยายตัวขึ้น ทำให้รังของนกพิราบกลับมามีผลไม้เต็มรังเหมือนเดิม

เมื่อนกพิราบตัวผู้เห็นปรากฎการณ์เช่นนั้น ก็คิดได้ว่า สิ่งที่เมียรักกล่าวไว้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่เป็นคำโกหกแต่อย่างใด นกพิราบตัวผู้จึงรู้สึกผิดในการกระทำของตนที่มัวแต่หวาดระแวงจนเป็นเหตุให้ฆ่านางตาย ทำให้ตัวมันเองต้องบินร้องเรียกหาภรรยา ด้วยความอาลัยรักตลอดมา จนกระทั่งตรอมใจตายในที่สุด

 

บางครั้งชีวิตของเราก็ไม่ต่างอะไรกับนกพิราบทั้งคู่ ที่เมื่อแรกเริ่มเราต่างมีความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น หากมีใครมาคอยเคียงข้าง และคอยให้กำลังใจเมื่ออีกฝ่ายพลาดล้มลง

ทว่าเมื่อชีวิตได้มีการเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด แต่ครั้นอยู่ต่อมาเรื่อย ๆ โดยไร้ความเข้าใจ สิ่งที่ตามมาก็มักจะเกิดการกระทบกระทั่งกันเสมอ บางครั้งก็ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่ด้วยกันนาน ๆ

จากเมื่อแรกเริ่มที่เคยรัก ก็กลับกลายเป็นความร้ายทุกจังหวะของการเคลื่อนไหวในนามของความรัก กลายเป็นการแสดงออกของความร้ายที่เข้ามาสิงสถิตแทน

จากที่ไม่เคยระแวงก็กลายเป็นความห่วงหวง เพราะคิดว่าตัวเองคือเจ้าของสิ่งนั้น ๆ ที่ต้องคอยจับจ้องมองไม่ให้ห่างตา จนเกิดเป็นความยึดติดในสิ่งนั้นแทน

จากที่เคยเข้าใจก็กลายเป็นเอาแต่ใจ เพื่อให้อีกฝ่ายทำตามที่ความรู้สึกของตนเรียกหา แม้ว่าสิ่งนั้น ๆ จะผิดครรลองครองธรรมก็ตาม

ทุกภาพของการเคลื่อนไหวในชีวิต จึงก่อให้เกิดเป็นรอยร้าว และนำไปสู่ความเลวร้าย เกินกว่าที่จะเยียวยาให้กลับมาดีได้ดั่งเดิม

ชีวิตที่ก้าวไปกับสังคมก็เช่นเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่เรามองมาที่การเข้าข้างตัวเองเป็นหลัก และมองว่าความคิดเห็นของคนอื่นนั้นผิด เมื่อนั้นสิ่งร้าย ๆ ก็พร้อมจะเข้ามาเปลี่ยนชีวีของเราให้แหลกเหลวอย่างไม่มีชิ้นดี

ทำให้ชีวิตที่เกิดมาแล้ว และควรจะได้รับการต่อยอดให้มีกำไรที่งดงามกว่าเดิม เป็นได้แค่เพียงซากชีวิตที่ถูกใช้งานมาอย่างบ้าคลั่ง และพร้อมจะจากไปโดยไม่กล้าบอกใคร ๆ ว่า เรามีคุณค่าที่น่าจดจำแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรกลับมาทบทวนชีวิต และชวนพี่น้องผองมิตร ให้เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อกันด้วยใจที่ปรารถนาดี ช่วยกันถักทอความดีเล็ก ๆ ให้เกิดขึ้น ด้วยจิตที่เอื้ออารีต่อสิ่งที่เราได้มีโอกาสรู้จัก และพร้อมจะต่อยอดให้เป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ในโอกาสต่อไป

 

"เวลาที่เหลือของชีวี มาทำความดีกันเถอะ" จึงเป็นถ้อยคำแห่งความหวังดี ที่เราควรเรียกร้องให้เกิดมีในตัวเรา รวมทั้งการขยายความดีที่ทรงคุณค่านั้นไปให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความงามที่ควรจะทำให้ปรากฎร่วมกัน

เพราะเมื่อประมวลผลอย่างคนที่รู้เท่าทันชีวิต เวลาที่เราได้มาและเวลาที่เหลืออยู่ของแต่ละคน ช่างน้อยนิดเสียนี่กระไร จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรหลงใหลไปกับมัน

แต่เราควรดึงสติให้กลับมาทำความรู้จักชีวิตด้วยปัญญา หมั่นสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดมีแต่ตัวเรา และโลกใบนี้ที่เราได้อยู่อาศัย ก่อนที่ชีวิตนี้จะต้องกล่าวอำลา เพราะมีความตายมารอพรากให้จากไป

เพราะชีวิตนี้ช่างสั้นนัก จนเวลาที่จะหยุดพักนั้นแทบจะไม่เหลือให้เราได้ชื่นชมกับเรื่องใด ๆ ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรเรียนรู้ที่จะเกี่ยวข้องต่อกันและกัน ด้วยใจที่มีเมตตาคอยนำทาง เพื่อเป็นแสงสว่างและเป็นแรงดลใจให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของแต่ละคน ได้มีโอกาสทำความดีที่มากกว่าเดิม

แล้วเราจะไม่เสียใจ หากได้ลงมือเยียวยาชีวิตด้วยความดีที่มีอยู่ และได้ช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ไว้ อย่างน้อยเราก็ตอบใจตัวเองได้ว่า "เราได้ทำหน้าที่ของคนดีอย่างเต็มที่แล้ว"

 

ผู้เขียนเชื่อเสมอว่า ความดีที่ยิ่งใหญ่ ก็มาจากต้นกล้าของความดีที่เล็ก ๆ ความสุขที่สมบูรณ์พร้อม ก็มาจากความสุขที่เล็ก ๆ ที่มีความเข้าใจเป็นบันไดให้ไต่ขึ้นไป สู่ความสุขที่มีปริมาณที่มากกว่าเสมอ

 

**************************************************************************

 

ชีวิตของเรา เราเป็นคนเลือกเดิน ... เส้นทางไหนเป็นเส้นทางความดี ก็ควรเลือกทางนั้น ลำบากสักหน่อย ก็เตือนตนว่า การทำความดีย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา เส้นทางไหนไม่ดี ก็ไม่ควรเลือกทางนั้น ถึงแม้ว่า หนทางสบายในช่วงต้น หากจะลำบากหนักในภายหลัง

บุญรักษา ทุกท่าน :)

 

**************************************************************************

 

แหล่งอ้างอิง

ชุติปัญโญ.  มองโลกให้งาม ชีวิตก็งาม.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.

 

หมายเลขบันทึก: 225458เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

มองโลกงามอยู่บนความไม่ประมาท   อย่าเป็นทาสกิเลสเปรตตัณหา

เมื่อโลกงามคนต้องงามตามกันมา   มิใช่ว่าโลกงามคนทรามเลว

เพราะชีวิตนี้ช่างสั้นนัก จนเวลาที่จะหยุดพักนั้นแทบจะไม่เหลือให้เราได้ชื่นชมกับเรื่องใด.....

อ่านแล้วได้เตือนสติค่ะ....

ขอบคุณนะคะ

ขอบพระคุณ ท่าน วิโรจน์ พูลสุข ครับ ... :)

ขอบคุณครับ คุณ  . •.♥ kittyjump~เลขา~natadee.•.♥.•° ที่แวะมาเยี่ยมเยือนบันทึกธรรมนี้ :)

เป็นบันทึกที่สร้างแรงบันดาลใจ ที่ดีเลยครับ

เวลาเราเหลือไม่มากครับ ...สิ่งที่เราทำได้ โดยไม่ต้องลงทุนคือ ทำดีเล็กๆน้อยๆ จนถึงทำดีโดยใช้พลังที่เรามีอยู่ ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น

และ ที่เราทำได้เสมอคือ "ยิ้ม" ครับ ยิ้มให้สดชื่นให้คนอยู่รอบข้างเรามีความสุขเสมอ...ไม่ต้องลงทุนเลย

 

"ความดี" ทำไม่ยากจริง ๆ ครับคุณเอก ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน ทั้งกาย วาจา ใจ ...

"ความดี ทำให้ยิ้มได้เหมือนเดิม" ครับ :)

เวลาเป็นของมีค่า ไม่เหมาะแก่การที่จะฆ่าเวลา

ตอนนี้ปูต้องการเวลาวันละ 30 ชั่วโมงเลยกำลังทำงานแข่งกับเวลาอยู่

ทำสิ่งดีๆ แม้เพียงเล็กน้อยก็สุขใจมากอยู่

( ขอเล่าประสบการณ์การทำความดีซักเล็กน้อย )

วันหนึ่งซึ่งเป็นวันให้บริการฉีดวัคซีนที่ อนามัย มีแม่คนหนึ่งซึ่งมีความพิการพาลูกชายมาฉีดวัคซีน เมื่อได้รับแล้วก็ยังไม่ได้กลับบ้าน สงสัยถามได้ความว่ารอรถกลับบ้านไม่มีรถกลับ แล้วก็อุ้มลูกวัย 10 เดือนที่กำลังซนจะเดินกลับบ้านอย่างทุลักทุเล จึงตัดสินใจไปส่งคุณแม่ท่านนี้ที่บ้าน เป็นการกระทำเพียงเล็กน้อยแต่วันนั้นรู้สึกดีใจ ปลื้มใจที่ได้ทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่น

ทุกวันนี้ขณะทำงานให้บริการดูแลคนไข้ จะตั้งสติอยู่ทุกเมื่อว่าจะให้บริการพวกเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่อยู่ในชุมชน คนเหล่านี้น่าสงสาร

มาทำเริ่มต้นทำความดีกันั้งแต่วันนี้เถอะค่ะ พรุ่งนี้เราอาจไม่มีโอกาส

ขอบคุณค่ะสำหรับบันทึกนี้ อ่านแล้วชอบมาก

คุณปู อังคณา ครับ :)

แค่นี้ล่ะครับ คือ "การทำความดี" ทำแล้วหัวใจสบายใช่ไหมครับ

นี่ถ้าผมเป็นเจ้าของมูลนิธิ "การทำความดี" ผมจะให้รางวัลคุณปูเลย

ขอบคุณ "ความดี" ที่มีต่อผู้ด้อยโอกาสกว่าเรา ของคุณปู มาก ๆ ครับ

ด้วยจิตคารวะ ครับ

ขอบคุณค่ะ

สำหรับบทความที่อ่านแล้ว

...สงบ และเย็นด้วยจิต...

ในภาวะเช่นนี้ 

สวัสดีครับ คุณ ครูเอ :)

ไม่ได้พบกันนานนะครับ สบายดีนะครับ

"ความเย็น" ของธรรม ทำให้ "ใจเย็น"

ขอบคุณนะครับ

สวัสดีค่ะ ....แวะมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ (เล็กๆ) ค่ะ

       การทำความดี ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยค่ะ  1. ใจดี  2.ยินดี 3.นิสัยดี 4. คิดดี 5.พูดดี 6. ปฎิบัติดี 7.ยื้มแสดงความยืนดี,ชื่นชม และให้กำลังใจ    สุดท้าย ได้พบกัลยาณมิตร ที่ดีๆ  และ เมื่อเราจุติ ก็จะไปในที่ที่ดี   (สื่งเหล่านี้เหมือนน้ำหลายๆหยดมารวมตัวกัน เป็น คู  คลอง  บึง ลำธาร แม่น้ำ และไหลรวมกันสู่ทะเล ...ช่วยกันสร้างหยดน้ำแห่งความดีกันค่ะ)

สวัสดีครับ คุณ สายนที"๑๙ :)

ขอบคุณมากครับสำหรับสิ่งดี ๆ ที่ได้กล่าวมา

และ กำลังใจที่เล็ก แต่ยิ่งใหญ่สำหรับคนรับครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

สวัสดีค่ะ...

แวะมาเยี่ยมเยียนอีกครั้งค่ะ

วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันพ่อแห่งชาติ ขอน้อมนำพระราชดำรัส และพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับ “ ความดี “ มาฝากเพื่อนๆ ชาว GOTOKNOW ค่ะ

“ กายที่มีสุขภาพดีก็หมายความว่ากายที่แข็งแรง ที่เดินได้ ยืนได้ นั่งได้มีกำลัง มีทุกอย่าง รวมทั้งความคิดที่ดี ถ้ามีสุขภาพจิตที่ดีก็มีกำลัง เป็นกำลังที่จะแผ่ความเมตตาให้แก่คนอื่น มีกำลังที่จะคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองแก่ตัวและความเจริญรุ่งเรืองในสังคม “

พระราชดำรัส

ในโอกาสที่คณะจิตแพทย์ นักวิชาการสุขภาพจิต อาจารย์จากมหาวิทยาลัย และผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐

“ ความรู้สึกระลึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ สติ “ นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้บุคคลหยุดคิดพิจารณา ก่อนที่

จะทำ จะพูด และแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ว่าสิ่งนั้นดีหรือชั่ว

มีคุณประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร เมื่อยั้งคิดได้ ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ออกได้หมด คงเหลือแต่เนื้อแท้ที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งเป็นของควรคิดควรพูดควรทำแท้ ๆ…”

พระบรมราโชวาท

พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเชิญไปอ่านในการประชุมสามัญประจำปี ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐

ข้อมูล : หนังสือความดี โดยมูลนิธิธารน้ำใจ

ขอบคุณมากครับ คุณ สายนที"๑๙ :) ... รักในหลวงครับ

ยินดีมากที่วันนี้ได้อ่านสิ่งดีๆ รับรู้สิ่งดีๆเพิ่มขึ้น และได้วางแผนทำความดีให้มากขึ้น

ความดีทำให้เกิดสุข และเป็นหนทางไปสู่ความสุข ความดี ยิ่งใหญ่กว่าผืนน้ำ ผืนฟ้า และพสุธา ขอบคุณค่ะ ความดี

ขอบคุณ คุณ krutoi ที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำความดีกันนะครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท