การใช้ชีวิตที่ดำเนินไปแต่ละย่างก้าว และแต่ละขณะของวงจรชีวิต คนเราย่อมมีวิธีคิดและการกระทำที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากก็มีเป้าหมายที่คล้ายกันคือ ต้องการประสบความสำเร็จและมีความสุขกับสิ่งที่ใฝ่ฝันนั้น จนบางครั้งเรียกร้องที่จะให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์กับตัวเองอยู่ร่ำไป โดยอาศัยการอ้อนวอนขอจากสิ่งไร้ตัวตนที่เราเข้าใจว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ปาฏิหาริย์"
เมื่อเราฝากชีวิตไว้กับปาฏิหาริย์ที่ไร้ตัวตนที่จับต้องไม่ได้ จึงทำให้วิธีคิดและการกระทำของคนเราเพี้ยนจากวิถีชีวิตตามความเป็นจริง ลืมที่จะคิดบนรากฐานของการลงมือทำ หรือลงมือทำบนรากฐานที่ไม่รู้จักคิด ปาฏิหาริย์แห่งความสำเร็จจึงลอยละลิ่วออกไปจากชีวิตอยู่ร่ำไป ทั้งที่ปาฏิหาริย์พร้อมที่จะเกิดกับใครก็ได้ที่มี "ความเพียรพยายามบนความถูกต้อง"
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า "ไม่ใช่ว่าผมเป็นอัจฉริยะ แต่เพราะผมอยู่กับปัญหาเหล่านั้นมาอย่างยาวนานมากกว่า" ด้วยคำกล่าวของไอน์สไตน์นี้ จึงเป็นแสงไฟที่ชี้ให้เห็นว่า การที่คนเราจะมีความสุขหรือทุกข์ หรือพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้นั้น มิใช่อยู่ที่แช่อยู่กับความคิดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอย่กับความคิดและปัญหา แล้วพยายามออกจากสิ่งนั้นด้วย ปาฏิหาริย์คือคำตอบจึงจะปรากฎเป็นรางวัลตอบแทน
เพราะในชีวิตจริงนั้น ไม่มีปาฏิหาริย์โดยไร้ซึ่งการลงมือทำ ซึ่งตามหลักพระพุทธศาสนากล่าวว่า เป็นกฎแห่งกรรม คือกฎเกณฑ์ที่ว่าด้วยการลงมือทำจึงเกิดผล เป็นกฎที่แสดงถึงความถูกต้องบนความเรียบง่าย คือง่ายเพราะทำถูกต้อง งดงามเพราะวิถีที่ถูกธรรม ปาฏิหาริย์คือ การก้าวหน้าพ้นปัญหาจึงปรากฎเกิดขึ้นอยู่เสมอ
ยิ่งเมื่อได้เรียนรู้อย่างเข้าใจ ในกระบวนการทางความคิดและการกระทำที่สมดุลต่อกันด้วยแล้ว เราจะเข้าใจว่า แท้ที่จริงชีวิตของคนเรานั้น ไม่ได้ต้องการปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ตัวเองมีสิ่งต่าง ๆ เข้ามาครอบงำชีวิตตัวเองแต่อย่างใด แต่ต้องการเพียงแค่รู้สึกเท่านั้น เพราะถึงจุดหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าเราจะสูงศักดิ์หรือต่ำต้อยในเกียรติยศเพียงใด สุดท้ายก็มีสถานีจอดแห่งชีวิต คือความตายเป็นหลักชัยด้วยกันทุกคน
ดังนั้น ชีวิตที่ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ จึงควรเป็นปาฏิหาริย์แห่งการตื่นตัว รู้ตัว และเบิกบานที่จะเรียนรู้ชีวิตอย่างเข้าใจ เป็นปาฏิหาริย์ที่ตั้งอยู่บนความธรรมดาของชีวิต แต่ไม่ธรรมดาสำหรับการรับรู้อารมณ์ที่ก่อให้เกิดทุกข์ เพียงแค่นี้ชีวิตก็ดำรงอยู่ด้วยความรู้สึกมั่นใจเป็นกำไรตอบแทนเสมอ เพราะว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจหล่อเลี้ยงอยู่ ก็ต้องมีการก้าวย่างไป แต่หากไร้สติเป็นแสงสว่างส่องนำทาง สิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง ปาฏิหาริย์ที่เราอยากให้เกิดแก่ตัวเรา ก็คงเป็นได้เพียงอนุสาวรีย์แห่งความเศร้าตราบจนชีวิตมลายเท่านั้นเอง
มีพระรูปหนึ่ง เห็นอาจารย์บันไกมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากก็รู้สึกอิจฉา วันหนึ่งเขาประสงค์ที่จะไปลองดีกับอาจารย์บันไก จึงเดินทางไปยังสำนักของท่าน พอไปถึงก็เริ่มเปิดฉากการโต้คารมในทันที โดยเดินเข้าไปส่งเสียงเอะอะโวยวาย ในขณะที่อาจารย์บันไกกำลังแสดงธรรมอยู่ ท่านจำต้องหยุดแสดงธรรม ฝ่ายพระอวดดจึงพูดโม้ขึ้นว่า
"ท่านอาจารย์บันไก ท่านรู้ไหมว่าอาจารย์ของเรามีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าผู้ใด เพราะท่านสามารถจับพู่กันอยู่ฝั่งนี้ ให้ลูกศิษย์ยืนหยิบกระดาษชูขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง แต่ท่านสามารถเขียนพระนามของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแล้วให้ลอยไปติดลงบนแผ่นกระดาษนั้นได้ ท่านทำได้อย่างนั้นไหมล่ะ"
อาจารย์บันไกนั่งรับฟังข้อมูลจากพระรูปนั้นด้วยอาการสงบ หลังจากพระที่มาท้าทายกล่าวจบลง ท่านจึงกล่าวตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีว่า
"อาจารย์ของเธอถึงแม้จะแสดงปาฏิหาริย์ได้ดีเยี่ยมราวกับคนเล่นกล แต่นั่นไม่ใช่วิถีที่จะทำให้หลุดพ้นได้ ไม่สามารถทำให้สติปัญญางอกงามในจิตใจได้แต่อย่างใด แต่ฉันมีปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าอาจารย์ของเธอเสียอีก"
"ปาฏิหาริย์ที่ว่าของท่านคืออะไร ?" พระผู้มาเยือนย้อนถาม
"ปาฏิหาริย์ของฉันก็คือ เวลาหิวก็กิน เวลากระหายก็ดื่ม" อาจารย์บันไกกล่าว
พอพระที่มาลองดีฟังประโยคดังกล่าว ก็เกิดความรู้แบบปิ๊งแว้บขึ้นในฉับพลัน สามารถเข้าถึงธรรมชาติแห่งการรู้แจ้งในทันที เพราะเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของสรรถสิ่งด้วยสติปัญญาอย่างถ่องแท้ และรู้ว่าแท้จริงแล้วปาฏิหาริย์มิใช่การเกิดขึ้น เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวตนแต่อย่างใด แต่เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไปเพื่อความงดงามของชีวิตจิตใจต่างหากและเป็นผลอันเนื่องมาจากความพยายาม และรู้เท่าทันอารมณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นจึงชื่อว่า "เป็นปาฏิหาริย์ในชีวิตจริง"
แหล่งอ้างอิง
ชุติปัญโญ. วันเวลาผ่านไป ใจของเราล่ะ ?. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2549.
สวัสดีครับ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง :)
หนังสือธรรม ... ผมเลือกเล่มที่อ่านแล้วเข้าใจ ไม่ต้องตีความมากมาย อาจจะเป็นเพราะผมเข้าใจในภาษาบาลี สันสกฤต น้อย ทำให้ชอบท่านผู้เขียนที่เขียนด้วยภาษาง่าย ๆ ดังเช่น ท่านชุติปัญโญ
คนห่างวัด ... อย่างผมจึงได้มีโอกาสได้รับธรรมะเช่นกันครับ
บุญรักษา "ครูดี" อย่างอาจารย์ ครับ :)
สวัสดีครับ คุณ ครูปู~natadee t'ซู๊ด :)
หลับพักผ่อนใช่ไหมครับ :) ...
ผมอยากตรวจข้อสอบอัตนัยให้เสร็จน่ะครับ ตั้ง 3 ห้อง
ปีใหม่ทำความสะอาดบ้านอย่างเดียว ยังไม่เสร็จเหมือนกัน
มีความสุขครับ มีความสุข :)
มาอ่านเรื่องจริงค่ะ พี่(ห่างวัด)ก็เป็นเหมือนกัน เลือกอ่านเล่มที่อ่านแล้วเข้าใจ หนังสือแนวธรรมะเล่มแรกๆ ชุด กฎแห่งกรรม ของ ท.เลียงพิบูล ค่ะ
กฎแห่งกรรม ของ ท.เลียงพิบูล เป็นหนังสืออมตะครับ พิมพ์ตั้งแต่สมัยเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว จนปัจจุบันก็ยังพิมพ์อยู่เลยครับ
สำนวน ท.เลียงพิบูล ต้องใช้สมาธิอ่านมาก คล้ายนวนิยายอิงเรื่องจริง ครับ :)
สวัสดีปีใหม่ครับ
ขอให้มีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรงครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณครูเฉลิมศักดิ์ ครูดอย :)
ขอบคุณมากครับ สบายดีนะ ...
หากมีเวลา และเอารถกระบะเข้ามาเชียงใหม่ แวะมาหาครูด้วยล่ะ :)
สวัสดีครับ
รู้สึกผมจะห่างหายจากบันทึกไปนาน ไม่ได้เข้ามาทักทาย
เมืองปายเปลี่ยนแปลงจากที่น้องเอกบอกเล่า ผมเสียดาย แต่ผมก็ติดใจอยากไปอีกครั้งครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๒ ครับ ... เสธ.Col.boonyarit :)
"ปาย" สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาลครับ
หากเสธ.หาเวลาว่างได้ ... เสธ.สามารถเก็บรายละเอียดของเมืองปายได้มากกว่านี้แน่นอนครับ
เรียกว่า "ละเมียด ละเลียด ละไม" ครับ :)
ขอให้เสธ.และครอบครัว มีความสุขตลอดปีตลอดไป ครับ
....ชีวิตที่ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ จึงควรเป็นปาฏิหาริย์แห่งการตื่นตัว รู้ตัว และเบิกบานที่จะเรียนรู้ชีวิตอย่างเข้าใจ เป็นปาฏิหาริย์ที่ตั้งอยู่บนความธรรมดาของชีวิต ....
ได้เข้าใจก็เมื่อปฏิบัติธรรมด้วยตนเองจริงๆค่ะ ขนาดเริ่มต้นอยู่แค่ชั้นอนุบาลยังรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์นี้เลยค่ะ ยังต้องฝึกฝน สร้างสมความเพียรต่อไปอีกยาวนาน ขัดกิเลสให้เบาบางลงๆทีละน้อย
ขอบคุณครับ คุณปู อังคณา :) ... ธรรมะทำให้ใจคนเย็นลงครับ
ขอบคุณครับ พี่อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ :) ...
ความเพียรทำให้ประสบความสำเร็จ ครับ