"4 ปี นรกในเขมร" เขียนจากชีวิตจริงของ ยาสึโกะ นะอิโต ... วรรณกรรมที่คนไทยควรใช้เป็นบทเรียน


"...

17 พฤษภาคม 2518

ลูกชายคนเล็กพาฉันไปที่หลุมศพพี่ชายของเขา และเอามีดเล็ก ๆ ไปสลักที่ต้นตาลข้างหลุมศพว่า

"โศ โทโมรี 12 พฤษภาคม 2518"

ฉันกอดต้นไม้แล้วเริ่มร้องไห้ ลูกชายคนโตของฉันโทโมรี อายุ 17 ปี ลูกคนนี้คลอดยาก ฉันต้องผ่าท้องที่โรงพยาบาลโตเกียว เมื่อเรามีลูกชายคนแรกด้วยกัน สามีของฉันดีใจมาก ลูกคนนี้มีชื่อเขมรและชื่อญี่ปุ่นที่แม่ของฉันตั้งให้ เขาไม่แข็งแรงมาแต่เด็ก เพราะเป็นหวัดตอนเกิดใหม่ ๆ จึงไม่ได้ไปโรงเรียน ฉันจ้างครูมาสอนที่บ้าน เขาเป็นคนน่ารัก แต่เดี๋ยวนี้เขานอนอยู่ใต้ดินสีแดง โดยที่ฉันไม่มีโอกาสช่วยอะไรเลย จะหาขนมหวานที่เขาอยากกินมาให้ก็ไม่ได้ เขาต้องตายบนเสื่อผืนเดียวแท้ ๆ

สามีของฉันได้แต่ปลอบใจว่า มันเป็นโชคชะตา เขาเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับคำทำนายของพระในวังที่พนมเปญว่า มีอีกาคาบผลไม้กลิ่นหอมมาจับกิ่งไม้อยู่ กาตัวนั้นตกใจอะไรสักอย่าง พอส่งเสียงร้อง ก็ทำให้ผลไม้หล่นลงมา ผลไม้นั้นเน่า น้ำสกปรกจากผลไม้ไหลท่วมเมืองพนมเปญ และนี่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2518

และก็เป็นความจริงที่ว่า กองทัพสีดำของพอลพตซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า "อีกา" เข้ามายังพนมเปญ ทำให้คนตายมากมาย

นี่หรือคือโชคชะตาของเรา - - - 

..."

 

  

หนังสือเล่มที่แสนจะเก่า วางไว้อยู่บนชั้นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนของห้องสมุดมหาวิทยาลัย เห็นแค่ฉบับเดียว ภาพปกเป็น "นางอัปสร" แห่งนครวัด

หนังสือเล่มนี้ชื่อ "4 ปี นรกในเขมร" เขียนโดย ยาสึโกะ นะอิโต แปลโดย ผุสดี นาวาวิจิต

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มเดียวที่ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน ผมได้มีโอกาสยืมมาอ่าน แต่เชื่อไหมว่า ผมอ่านไม่เคยจบแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก ณ ที่ทำงานปัจจุบันที่ผมได้ใช้เวลาอ่าน 2 วันจบ

หนังสือเล่มนี้เขียนจากชีวิตจริงของ ยาสึโกะ นะอิโต ภรรยาของท่านฑูตชาวเขมรที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญเมื่อปี พ.ศ.2518 - 2522 เป็นการแต่งงานข้ามเชื้อชาติระหว่างเขมรกับญี่ปุ่น

หากจะว่ากันตามจริงคือ เธออยู่ชนชั้นระดับสูงของประเทศเขมรในสมัยนั้น ถ้ามาอยู่บ้านเรา ผมว่า เข้าถึงขั้นคุณหญิงแล้ว

 

 

หนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนในลักษณะไดอารีหรือบันทึกประจำวัน นับตั้งแต่กรุงพนมเปญแตก โดยฝีมือเขมรแดง นับจากนั้นไปอีก 4 ปี ก็คือ สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมรด้วยกันเอง ฝีมือและความคิดของการต้องการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเขมรใหม่ของพลพต ผู้นำเขมรแดงที่ในอดีต คือ ครู

บันทึกเริ่มในวันที่ 15 เมษายน 2518 - 16 มิถุนายน 2552

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เริ่มจากการยึดเมืองหลวงพนมเปญ หลังจากนั้น ก็ไล่คนที่อาศัยอยู่ในพนมเปญออกจากเมือง ไปสู่หัวเมือง หรือ สถานที่ที่กำหนดไว้ แล้วใช้แรงงานคนเหล่านั้นจนตาย เหมือนค่ายกักกันแรงงานในสมัยนาซีเรืองอำนาจไม่มีผิด แต่ผมว่า เขมรโหดกว่า

ยาสึโกะ นะอิโต และครอบครัว ก็ต้องอพยพออกไปจากพนมเปญเหมือนคนอื่น ๆ แรก ๆ มีของติดตัว แต่ระหว่างทางก็ถูกทหารเขมรแดงยึดหมด จนเหลือแต่ตัว

ไดอารีได้เล่าความเป็นไปในการเดินทางและความยากลำบาก การกระทำของพวกเขมรแดงไว้ได้อย่างหดหู่และเวทนาเป็นที่สุด ที่ไม่น่าเชื่อว่า คนเชื้อชาติเดียวกันจะทำร้ายกันเองได้

ยาสึโกะ นะอิโต ต้องเสียลูกชาย ลูกสาว และสามีจากการใช้แรงงานหนัก เหลือเธอคนเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอด

เส้นทางเดินทางของเธอ คือ ศรีโสภณ ใกล้ชายแดนไทยมาก อพยพมาทีละหมู่บ้านที่กำหนด พักนานบ้าง ไม่นานบ้าง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคำสั่งเขมรแดง

 

ยิ่งอ่านเรื่องราว เหมือนในหนังชีวิตในสงครามที่นำเสนอให้เราชม

มนุษย์เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่ต้องการเอาชีวิตรอด เขาจะไม่มีเพื่อนไม่มีฝูงอีกต่อไป เขาพร้อมจะทำอย่างไรก็ได้ให้มีชีวิตรอดเหนือคนอื่น เรียกว่า ทรยศเพื่อนได้ทันที

เราจะพบเห็นเหตุการณ์นี้ในเรื่องเล่าของยาสึโกะตลอดการเดินทาง

ที่ผมเห็นเด่นชัดอีก คือ การไม่มีการใช้เงินมาแลกเปลี่ยนสินค้าอีกต่อไป สังคมใหม่ของเขมร จะใช้แรงงานแลกข้าวมากิน ใครไม่ทำงาน จะไม่ได้การปันส่วน

หากอยากได้สินค้าอื่น ๆ ก็ดูในตัวของแต่ละคนว่า มีอะไรที่มีค่าบ้าง ก็นำออกไปแลกมา เช่น เสื้อ กางเกง รองเท้า นาฬิกา ปากกา ยารักษาโรค ฯลฯ แลกของกินได้หมด

ความอดอยากที่เห็น บังคับให้ต้องกินทุกอย่าง เช่น หมา แมว แมลง งู ฯลฯ ทุกอย่างเพื่อความมีชีวิตรอด

 

ยาสึโกะ  นะอิโต รอดมาได้จากความช่วยเหลือของนักข่าว NHK ของญี่ปุ่น ที่ชื่อ โนริโมโต โมริ

และการที่เขมรฝ่ายเฮง สัมริน ได้นำพาทหารเวียดนามเข้ามายึดเขมรคืนได้สำเร็จ แล้วจัดตั้งรัฐบาล

คุณจะมองภาพเห็นเลยว่า เวียดนามดีกว่าเขมรแดงเยอะแยะ ในกรณีนี้ ไม่ต่างจากสัมพันธมิตรยึดกรุงเบอร์ลิน

ยาสึโกะ นะอิโต ขณะที่รอดมาได้นั้นเหลือตัวคนเดียว อายุ 45 ปี ได้กลับมาอยู่ญี่ปุ่นได้แค่ 4 ปี ก็ตายด้วยโรคมะเร็ง หลังจากการใช้ชีวิตอย่างทรหดในเขมรนั้น ด้วยอายุ 49 ปี

 

แต่เรื่องเล่าของเธอกลายเป็นวรรณกรรมแห่งความเป็นจริงที่โลกปฏิเสธไม่ได้ถึงความโหดร้ายของเขมรแดงที่มีต่อคนประเทศเดียวกัน

สิ่งที่ผมมองเห็นในเมืองเขมร คือ การแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง

ประชากรของเขมรสมัยนั้นมี 7 - 8 ล้าน หลังสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหลือไม่ถึง 3 ล้านคน ถ้าไม่ตาย ก็สาบสูญหมด

 

หันมาดูประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ทำไมจะเกิดการฆ่าล้างคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองบ้างล่ะ ในเมื่อ แค่ใส่เสื้อคนละสี ก็ตะโกนด่ากันว่า เอ็งมันคนละพวกกับข้า ... ฆ่ามันเลย

คนไทยทั้งสองฝ่ายนั้นแหละ ใช้ปัญญาคิดไตร่ตรองให้ดี ๆ อย่าไปหลงงมงายกับตัวบุคคลที่จะพาเราทำลายประเทศของตัวเอง จงทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อประเทศและในหลวงของเราไม่ดีกว่าหรือครับ

โง่ งม งาย หลง ใหล ได้ ปลื้ม กับสิ่งหลอกลวงให้เราฆ่ากันเอง ละ ดีกว่าไหมครับ

 

คุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้หรือยัง ?

 

บุญรักษา ประเทศของเรา ... อย่าให้เป็นแบบที่เขมรเป็นเลยครับ

 

 

บันทึกที่เกี่ยวข้อง

กร่อนคำ..ถอดความ จากหนังสือ "กัมพูชากับสงครามล้างเผ่าพันธุ์ฯ" ... ( 1 )

กร่อนคำ..ถอดความ จากหนังสือ "กัมพูชากับสงครามล้างเผ่าพันธุ์ฯ" ... ( 2 )

กร่อนคำ..ถอดความ จากหนังสือ "กัมพูชากับสงครามล้างเผ่าพันธุ์ฯ" ... ( 3 )

 

 

แหล่งอ้างอิง

ยาสึโกะ นะอิโต (ผุสดี นาวาวิจิต, ผู้แปล).  4 ปี นรกในเขมร. พิมพ์ครั้งที่ 9.  กรุงเทพฯ: ผีเสื้อ, 2543.

 

หมายเลขบันทึก: 290325เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2009 15:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)
  • อ่านบันทึกนี้แล้วขนลุกซู่ด้วยความเหลือเชื่อในความเป็นมนุษย์ที่เบียดเบียนกันและกัน การแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย เกลียด ฆ่ากันเพียงเพราะความเชื่อ
  • เคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ของพม่า ก็โหด ๆ เช่นนี้ค่ะ ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะเรามีประวัติศาสตร์มากมายเป็นบทเรียน
  • ยกประเด็นมานำเสนอได้ดี เห็นภาพมากค่ะ เก่งรอบด้านเลยนะคะ 
  • อยากร่วมทำงานกับคุณนพลักษณ์ 10 ค่ะ คุณเอกชมให้ฟังเสมอ

สวัสดีครับอาจารย์

ขอบคุณ ครับ ที่เป็นธุระให้

ยังไงวันศุกร์ผมจะพยายามติดต่อมาอีกทีครับ

ขอบคุณครับ

ตามพี่หญิงศิลา มาแล้วก็ขนลุกเช่นกันค่ะ

นึกถึงเพลงปลุกใจให้คนไทยรักกัน ... เพราะเขามาย้อมให้เราวุ่นวาย แบ่งแยกชนชั้นกันไป เพราะจะได้ไทยฆ่ากันเอง ... คนไทยเราเอง ...

ภาวนาให้เมืองไทยยังไม่สิ้นคนดี ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

เทียนน้อยกำลังอ่าน โต๊ะโต๊ะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง  ผลงานของ

คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ  แปลโดย ผุสดี  นาวาวิจิต  พอดิบพอดีเลยค่ะ

พลิกไปท้ายเล่ม เรื่องที่ควรอ่านจากผลงานของคุณผุสดี นั้นมีเรื่อง

"4  ปีนรกในเขมร" ด้วยค่ะ กำลังว่าจะไปหามาอ่านเหมือนกันค่ะ 

พอดีมาเจอในบันทึกของอาจารย์เสียก่อน...ขอบคุณค่ะ 

โต๊ะโตะจัง  น่ารักมากเลยค่ะอาจารย์  สะท้อนมุมมองการศึกษา

ในประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้น...อ่านแล้วชวนคิดให้สะท้อนการศึกษา

ไทย...อาจารย์สบายดีนะคะ  ^_^

อ้อ  อิอิอิ  ตามพี่ศิลา  กับพี่ปู  พี่สาวที่แสนจะคิดถึงทั้งสองคนค่ะ

^___________________________________________^

สวัสดีค่ะ อ.วสวัส

  • เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ซื้อไว้นานแล้ว ด้วยอยากสนับสนุนงานเขียนของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ เพราะเห็นอุดมการณ์ในการทำงานหนังสือของสำนักพิมพ์  ที่เลือกหนังสือดีๆ มาพิมพ์ แม้บางครั้งยอดขายจะต่ำ
  • แต่...เป็นเล่มหนึ่งที่ซื้อแล้วไม่อยากหยิบอ่าน  เพราะความสะเทือนใจเรื่องสงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  ความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำกับมนุษย์ด้วยกันเอง
  • คงทำให้พลาดสิ่งดีๆ ที่ควรจะได้จากงานชิ้นนี้...ขอทำใจอีกนิด แล้วจะหยิบมาอ่านค่ะ
  • อ่านเรื่องนี้นานมากแล้ว รู้เพียงว่าอ่านจบแล้วรู้สึกหดหู่มาก เออหนอ มนุษย์ช่างโหดร้ายนัก
  • อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ต้องฟังเพลงนี้ด้วยค่ะ
  • เรฟูจี   ดินถิ่นเดิมลุกร้อนดังไฟแผดเผา ... เกลือจิ้มเกลือเหลือเพียงเรือล่องมา...
  • เราคงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ถ้าเราร่วมแรงร่วมใจกัน รักกัน
    เผื่อแผ่ และ แบ่งปัน ความรู้ ความคิด ความสามัคคี
  • ตายไปไม่มีใครเอาอะไรไปได้หรอก เหลือแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานอยู่อย่างมีความสุขกันดีกว่า

สวัสดีครับ อาจารย์ศิลา Sila Phu-Chaya นพลักษณ์ ๙ ;)

สำหรับพม่าเองนั้น อยากเรียกจังว่า "เถื่อน" ครับ กฎมี แต่ไม่ใช้

แต่เขมรแดง เรียกว่า "โหด" ไม่มีกฎอะไรทั้งสิ้น คิดอยากจะทำอะไรก็ทำให้ทันใจ

หากอาจารย์เคยรับรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัสเซียที่พรรคบอลเชวิค เปลี่ยนจากระบบกษัตริย์ เป็น คอมมิวนิสต์ "โหด" ไม่ต่างกันครับ เพียงแต่ว่า "รัสเซีย" เค้าใช้ลัทธิมาร์กซิสต์เป็นหลักปฏิบัติ แบ่งสรรปันส่วนให้เท่ากัน แต่ "เขมรแดง" ของพอลพต คิดใหม่ ทำใหม่ ไม่ให้เหมือนใคร ใครอยู่พนมเปญ ถือเป็นชนชั้นนายทุน ต้องล้างให้หมด แล้วให้ชาวนาไปมีบทบาทแทน นั่นคือ "โหด" ของพอลพต ครับ

ประเทศรอบข้างเราเป็นอย่างงี้ทั้งนั้น แต่คนไทยไม่ค่อยสนใจศึกษา กลับนำความโหดร้ายที่ว่า มาปลุกปั่นคนทุกชนชั้นให้ตีกัน ฆ่ากัน น่าเวทนาใจ

อาจารย์ศิลา อย่าชมให้ผมตัวลอยเลยครับ ผมรู้เท่าทันตัวเองดีว่า เป็นแค่คนปลายแถว ปลายดอย ตามความรู้จากคนที่จบต่างประเทศ จบเมืองหลวงไม่ค่อยทัน ภาษาอังกฤษก็อ่านไม่ค่อยออก อาจจะด้วยโอกาสที่ไม่ค่อยมี ความสามารถไม่ค่อยถึง ครับ

อีกอย่างผมเก็บตัวมากมายจนอาจจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออาจารย์ได้เต็มที่ แบบนี้ยิ่งไม่ควรครับ

คุณเอก เพื่อนผมก็ POSITIVE THINKING ไว้เฉย ๆ น่ะครับ NEGATIVE ผมมีมากกว่าอีก แต่ยังไม่ปรากฎไงครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

ไม่เป็นไรครับ คุณครูเฉลิมศักดิ์ ครูดอย ;)

หากมีอะไรที่ครูพอจะช่วยได้ ครูจะช่วยนะ

อาทิตย์หน้าก็คุยกับคุณ กานต์ค่ะ ดูแล้วกันนะครับ

ขอบคุณมาก ;)

ขอบคุณมากครับ คุณ poo ;)...

การยุยงให้คนไทยฆ่ากันนั้น เป็นเพียงเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองไม่กี่กลุ่ม แต่ปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้เกิดการเคลิบเคลิ้มใจ ทำให้เชื่อได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องไปถามว่า เรียนจบชั้นไหนมา

ก่อนเกิดสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขมรก็เช่นกันครับ เกิดความแตกแยก มีการยุยงประชาชนให้เกลียดกัน ทำร้ายกัน โดยเริ่มเป็น เขมร 3 ฝ่าย คือ เขมรเสรี เขมรอนุรักษ์นิยม เขมรแดง

หลังจากนั้น ใครยึดเมืองหลวงได้ ก็อยากเปลี่ยนประเทศไปอย่างที่ตัวเองฝัน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของคนในชาติเขมร ใครเป็นศัตรูก็ต้องตาย ใครไม่ทำตามก็ต้องตาย

จาก 6 - 7 ล้าน จึงหายไป 3 ล้านคนไงล่ะครับ ตายไปเกิน 3 ล้านแน่ ๆ อยู่ใน Killing Field นั่นไง

ดังนั้น ที่มาที่ไปของเขาก่อนการฆ่ากัน ประเทศไทยกำลังเริ่มต้นครับ

ขอพระบารมีของในหลวงคุ้มครองประเทศไทยครับ ;)

สวัสดีครับ น้องคุณครู เทียนน้อย ;)

สบายดีนะครับ หายไปเลย

หนังสือวรรณกรรมเยาวชนของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ มีเรื่องเด่น ๆ มากมายครับ ล้วนแต่สะท้อนมุมมองในสังคมโลกทั้งนั้น

สิ่งดีจงนำไปใช้ สิ่งไม่ดีควรยกเลิกเสีย

สบายดีนิดหน่อยครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ pis.ratana ;)

"4 ปี นรกในเขมร" ผมหยิบจับตั้งแต่เรียน ป.ตรี ป.โท ทำงานหลาย ๆ ที่ หยิบแล้ว แต่ไม่เคยอ่านจบสักกะที

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อ่านจบภายใน 2 วัน ครับ

ผมชอบประเด็นคิดอาจารย์นะครับ จนเป็นคำถามในใจต่อไปว่า

"หนังสือเล่มไหนที่หยิบแล้วไม่กล้าเปิดอ่านบ้าง ??"

ผมว่า นักอ่านทุกคนน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจ

สันนิษฐานว่า มาจากเรื่องราวที่โหดร้ายภายในเล่มนั้น

ยกตัวอย่างของผม เล่มที่หยิบแล้วไม่กล้าเปิด หรือหยิบแล้วใจสั่น มีไม่กี่เล่มเหมือนกันครับ

ประเด็นนั้นคือ ความโหดร้ายของเรื่องราวที่รับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นความจริง แต่เป็นความจริงที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับผม

เช่น สงครามที่นานกิง เขียนมากี่เล่มต่อกี่เล่ม โห ... ไม่กล้าจริง ๆ ต้องทำใจอยู่นาน กว่าจะเริ่มอ่านได้

ญี่ปุ่นโหดกว่าคิดจริง ๆ ในสงครามมหาเอเชียบูรพา

ขอบคุณอาจารย์ครับ ;)

สวัสดีครับ คุณบรรณารักษ์ Wanpen ;)

เล่มนี้ ... ยังเบาในด้านความโหดร้ายนะครับ

นี่หากไปอ่านหนังสือบางเล่ม หรือดูหนังเรื่อง The Killing Fields โห นั่นแทบไม่อยากดูต่อให้จบ

แต่เรื่องจริงที่เขมรแดงทำไว้ โหดกว่านั้นครับ

แบ่งปันความรู้ ให้ความคิดต่อผู้ที่กำลังคิดจะทำร้ายคนที่ไม่ใช่พวกตัว จึงจะเป็นเรื่องที่ดี และหยุดยั้งความเลวร้ายที่จะเกิดในอนาคตได้ครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

ชอบเรื่องนี้มากอ่านเล่มแรกที่มีรูปปกเป็นหญิงคลุมหน้า ละเอียดกว่าเล่มรูปปกเป็นนางอัปสรหรืออะไรสักอย่างมีการตัดการบันทึกส่วนสำคัญทิ้งไป..ผมคนชายแดนเขมรอำเภอบ้านกรวด บุรีรัมย์อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์นี้มากช่วงเกิดเหตุพบเห็นพี่น้องชาวเขมรอพยบเข้ามามากมายน่าสงสารมาก...คนไทยควรอ่านที่สุด..นั้นแหล่ะสงครามโดยเฉพาะคนในชาติเดียวกัน..เศร้าจริงๆ..

ว้าว ขอบคุณมากครับ คุณ วิมล รัตนา ;)...

นั่นคือ ประเด็นหลักที่ผมต้องการชี้ให้เห็นครับ

นายจิรศักดิ์ แสนสันทัด

อ่านหนังสือเล่มนี้ รันทดใจ แบบ หาประมาณมิได้ พอลพจเอ้ย อำนาจมึงตายไปแล้ว มึงจะหอบไปด้วยหรือเปล่า สาวญี่ปุ่นคนนี้ เป็นหญิงเหล๊ก แห่งมวลมนุษยชาติ

ขอบคุณมากครับ คุณ จิรศักดิ์ ;)...

ตอนนี้ยังมีขายอยู่มั้ยอ่ะคะ รึถ้าใครอยากขายต่อทักไลน์มาได้นะคะ id:nb_147

ตอนนี้ยังมีขายอยู่มั้ยอ่ะคะ รึถ้าใครอยากขายต่อทักไลน์มาได้นะคะ id:nb_147

ลองสอบถามที่ไปที่สำนักพิมพ์ผีเสื้อดูนะครับ ;)...

คุณตามหา ... วันนี้ผมไปเจอหนังสือเล่มนี้ พิมพ์ครั้งล่าสุดอยู่ที่ SE-ED นะครับ ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท