ผมอยากยกตัวอย่างจากหนังสือ "วันเยาว์ของคนใหญ่" ที่เล่าเรื่องโดย "ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช" ที่เพิ่งออกมาใหม่ของสำนักพิมพ์มติชน
เป็นประวัติในวัยเยาว์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เจ้าของทฤษฎีสัมพันธภาพ ที่มาของระเบิดปรมาณู
นักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก ไอน์สไตน์
คะแนนฟิสิกส์ก็แย่ คะแนนเคมีก็ห่วย จนครูว่าโง่
เชิญติดตามอ่านได้ครับ
(http://ffden-2.phys.uaf.edu/211_fall2004.web.dir/George_Walker/Albert_Einstein_by_Yousuf_Karsh.jpg)
(พ.ศ.๒๔๒๒ - ๒๔๙๘/ค.ศ.๑๘๗๙ - ๑๙๕๕)
นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว เจ้าของทฤษฎีสัมพันธภาพ หรือ Theory of Relativity ซึ่งเปลี่ยนโลกด้วยสมการ E=MC2 หรือพลังงานเท่ากับมวลของวัตถุ คูณด้วยความเร็วของแสงกำลังสอง
การปฏิวัติวิชาฟิสิกส์ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกและได้รับรางวัลโนเบลในปี พ.ศ.๒๔๖๔ แต่เยอรมนีสมัยฮิตเลอร์ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของไอน์สไตน์ซึ่งเป็นยิว เขาจึงย้ายไปเป็นผู้อำนวยการสถาบันที่มหาวิทยาลัยพรินซตันในอเมริกา และเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน
เชื่อกันว่าไอน์สไตน์มีส่วนในการกระตุ้นให้สหรัฐอเมริกาสร้างระเบิดปรมาณูขึ้นก่อนเยอรมัน และเปลี่ยนโฉมหน้าของสงครามโลกครั้งที่สอง
เขาเป็นลูกยิวที่เกิดในเยอรมนี เมืองที่ครั้งหนึ่งผู้คนไม่ชอบหน้ายิวเอาเสียเลย
เมื่อแรกเกิดเขาเป็นทารกหัวโตเบ้อเริ่ม บรรดาญาติโยมเห็นแล้วตกใจ แม้กระทั่งแม่ยังนึกว่าเขาผิดปกติ หรือพิการ (ภายหลังมีการพิสูจน์ว่าสมองของไอน์สไตน์นั้นขนาดปกติ แต่มีความหนาแน่นของเซลล์มากกว่าสมองคนทั่ว ๆ ไป)
นอกจากขนาดของศีรษะแล้ว อะไรอื่นเกี่ยวกับหนูน้อยอัลเบิร์ตก็ดูจะปกติดี
มาไม่ปกติอีกทีก็ตรงที่เขาไม่พูดเมื่อถึงอายุที่หนูน้อยควรจะพูดได้แล้ว เขาเป็นเด็กเงียบเฉย ชอบมอง หรือทำท่าคิดอะไรนาน ๆ และไม่ค่อยซน ทั้ง ๆ ที่สามารถทำอะไรได้เหมือนเด็กปกติ
เป็นธรรมดาอยู่เองที่พ่อแม่จะต้องวิตก
อัลเบิร์ตพูดครั้งแรกเมื่ออายุเมื่อเกือบสี่ขวบ
มีเรื่องเล่าเชิงขำขันว่า ประโยคแรกที่เขาพูดคือ
"ซุปมันร้อนเกินไป"
พอแม่ถามว่าพูดได้แล้วทำไมไม่พูดอยู่ตั้งนาน หนูอัลตอบว่า
"ก็เมื่อก่อนแม่ไม่ทำซุปร้อนลวกปากอย่างนี้"
ความที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นอัจฉริยะ และมีอะไรไม่เหมือนคนอื่น ใคร ๆ ก็ชอบแต่งเรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับเขาขึ้นมาไว้เล่าเพื่อความสนุกปาก เรื่องซุปร้อนไปนี่ก็อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นก็ได้
เมื่อเขาอายุได้ห้าขวบ อัลเบิร์ตได้เข็มทิศเป็นของขวัญจากพ่อ ตัวเขาเล่าเอาไว้ว่า การทำงานของเข็มทิศน่าสนใจจนทำให้เขาเริ่มคิดถึงอะไร ๆ ในทางวิทยาศาสตร์นับแต่บัดนั้น
พ่อกับลุงจาคอบของอัลเบิร์ตทำธุรกิจด้วยกัน ลุงเป็นนักประดิษฐ์ที่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์ต่าง ๆ แถมยังใจดี ช่างเล่า ช่างสอน เวลาลุงสอนเลขให้หลานอัล ลุงก็ทำให้สนุกเหมือนเล่นเกม อัลเบิร์ตจึงเรียนได้เร็วจนลุงแปลกใจ
ครอบครัวไอน์สไตน์มีความสุข เพราะพ่อแม่ใจดี แถมยังไม่เคร่งศาสนาอย่างชาวยิวทั่วไป ทั้งพ่อและแม่ชอบอ่านหนังสือ พ่อชอบภาษาและบทกวี ส่วนแม่เป็นนักเปียโน จึงมีหน้าที่เล่นเปียโนให้คนในครอบครัวร้องเพลงตาม
ความที่แม่รักดนตรี จึงให้อัลเบิร์ตเรียนไวโอลิน แม้จะไม่ชอบให้ใครมาสอน แต่เจ้าหนูก็ทนเรียนเพราะรักแม่ แต่แล้วในที่สุดเขาจะเล่นไวโอลินในยามพักผ่อนเพื่อคลายเครียดไปตลอดชีวิตโดยไม่เคยทิ้งเลย และได้ชื่อว่าเป็นนักไวโอลินฝีมือดีคนหนึ่ง
แม้จะมีความสุขที่บ้าน แต่ความทุกข์ของหนูอัลเบิร์ตอยู่ที่โรงเรียน เขาไม่ชอบกฎเข้มงวดของโรงเรียน ไม่ชอบการสอนเข้มงวดของครูแผนโบราณ ที่ให้เด็กท่องจำอย่างเดียวโดยไม่ยอมให้คิดเอง
โรงเรียนเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วเป็นอย่างนั้นแทบทุกมุมโลก แต่ครูเยอรมันดูจะนำวิธีของทหารมาใช้ เด็ก ๆ ต้องเชื่อฟัง ซ้ายหัน-ขวาหัน-ห้ามหือ ทุกอย่างต้องเป้นไปตามที่ครูสั่ง
อัลเบิร์ตซึ่งชอบเรียนเอง คิดเอง จึงไม่ชอบครู
ไม่ใช่แต่เจ้าหนูอัลเบิร์ตจะไม่ชอบครู ครูก็ไม่ชอบอัลเบิร์ตเหมือนกัน พวกครูว่าเขาเป็นเด็กโง่ ไม่สนใจเรียน โตขึ้นคงไม่ได้ดี
ครูคนเดียวที่อัลเบิร์ตชอบ คือ นักศึกษาแพทย์ที่เป็นครูพิเศษของเขา ครูจะเอาหนังสือเรียนของครูมาให้เขาอ่านและอธิบายให้ฟัง แต่อ่านไปไม่นาน อัลเบิร์ตซึ่งมีอายุเพียง ๑๐ ขวบก็เข้าใจตำราพวกนั้นแจ่มแจ้งยิ่งกว่าครูเสียอีก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นครูพิเศษของใครกันแน่
เมื่ออัลเบิร์ตอายุ ๑๕ ปี ธุรกิจของพ่อและลุงก็ขาดทุน ต้องขายทุกอย่างใช้หนี้ แล้วเอาเงินที่พอมีเหลืออยู่อพยพครอบครัวไปตั้งตัวกันใหม่ในอิตาลี น้องสาวก็ได้ไปด้วย แต่พ่อแม่กลับฝากอัลเบิร์ตไว้กับญาติ ให้เรียนต่อในเยอรมนีจนจบ
อัลเบิร์ตไม่อยากอยู่ เพราะไม่ชอบทั้งประเทศเยอรมนีและคนเยอรมัน เขาแกล้งป่วยพร้อมหาเรื่องให้โรงเรียนไล่เขาออก พอทำสำเร็จก็แล่นปร๋อไปหาพ่อแม่ที่อิตาลี แม้ว่าจะไม่มีประกาศนียบัตรจากโรงเรียนติดมือไปเขาก็ไม่แคร์
พ่อแม่และลุงอ้าแขนรับอัลเบิร์ตอย่างดี ไม่ดุ ไม่เอ็ด หรือต่อว่าแม้แต่คำเดียว
อัลเบิร์ตมีความสุขมากที่ได้อยู่พร้อมหน้ากับทุกคนที่เขารัก ได้ช่วยลุงและพ่อทำงาน เขาชอบคนอิตาเลียนซึ่งใจดีและเป็นมิตร ชอบประเทศสวยงามและอบอุ่นแห่งนั้นด้วย
อัลเบิร์ตเข็ดเยอรมนีเสียจนขอให้พ่อช่วยดำเนินการถอนสัญชาติเยอรมันของเขา ในวัยนั้นดูเหมือนเขาอยากจะเป็น "พลเมืองของโลก" หรือ citizen of the world มากกว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพลเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง
เป็นความคิดที่รุนแรงพอดูสำหรับเด็กที่อายุไม่ถึง ๑๖ ปี
เมื่อได้ยินว่า ในสวิตเซอร์แลนด์มีโรงเรียนโพลีเทคนิคชั้นเลิศที่รับนักศึกษาเข้าไปไม่ต้องมีประกาศนียบัตรจากโรงเรียนใด ๆ เพียงแต่ต้องสอบเอ็นทรานซ์ให้ได้เท่านั้น อัลเบิร์ตก็ไปสอบผ่านทั้ง ๆ ที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์เกือบสองปี
แต่โรงเรียนไม่ให้เรียนเพราะภาษาอื่น ๆ เขาไม่ดี คล่องแต่ภาษาเยอรมันเท่านั้น อัลเบิร์ตจึงต้องไปเรียนที่โรงเรียนธรรมดาก่อนหนึ่งปี
ระยะที่ต้องเรียนอย่างเบื่อ ๆ ในโรงเรียนนี้เองที่อัลเบิร์ตเริ่มคิดเรื่องความเร็วแสง
หากครูที่โรงเรียนนี้เห็นอนาคตว่านักเรียนที่ไม่เอาไหนชื่อ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" จะกลายเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ครูคงเป็นลมเพราะคะแนนฟิสิกส์ของเขาแย่ คะแนนเคมีก็ไม่เข้าท่า คะแนนจะไปสูงได้อย่างไรในเมื่อเขาเกลียดการสอบ แต่ถึงกระนั้น ผลสอบเขาดีพอที่จะกลับไปโพลีเทคนิคได้ตามต้องการ
เพียงไม่กี่ปีต่อจากนี้อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เด็กที่เบื่อห้องเรียน เบื่อครู และเบื่อการสอบ ก็จะทำให้โลกเห็นถึงความเป็นอัจฉริยะของเขา
ไม่มีใครทราบว่า ครูที่เรียกเด็กยิวคนนี้ว่า "เด็กโง่" รู้สึกอย่างไร หากครูได้เห็นเขาขึ้นไปรับรางวัลโนเบลเมื่อ ค.ศ.๑๙๒๑
..............................................................................................................
ความอัจฉริยะของเด็กเป็นไปไม่ได้เลย หากครูมองไม่เห็น พ่อแม่ไม่สนใจ หาว่าลูกตัวเองไม่เหมือนลูกคนอื่น
วิธีการสอนของครูที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ชื่อชอบนั้น คือ การสอนเด็กรู้จักคิดเอง วิเคราะห์ตามความสนใจ โดยมีครูคอยเป็นผู้ให้คำแนะนำและปรึกษา เพื่อให้เขาเดินทางไปในทิศทางที่เป็นตัวเขาให้ได้
ไม่ใช่ ครูคิดเองว่า เด็กต้องเป็นไปตามที่ครูคิด ... และหากเด็กจะหนีออกจากโรงเรียน เพราะไม่ชอบวิชาเลข วิชาภาษาอังกฤษ ครูก็อย่ามาแปลกใจว่า ควรพิจารณาตัวครูหรือตัวนักเรียนก่อน
อัตชีวประวัติของอัจฉริยะของโลกมันสอนเรา สอนครู สอนพ่อแม่
จะมีประโยชน์ ถ้าโปรดนำไปใช้จริง
ขอบคุณที่ติดตามครับ
หากสนใจหนังสือเล่มนี้ เชิญแวะที่ร้านหนังสือได้นะครับ
สนับสนุนคนเขียนดีกันครับ ;)
..............................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ จาก
ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช. วันเยาว์ของคนใหญ่. กรุงเทพฯ : มติชน, 2552.
ชอบความคิดนี้ที่สุดค่ะ
ในวัยนั้นดูเหมือนเขาอยากจะเป็น "พลเมืองของโลก" หรือ citizen of the world มากกว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพลเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง
เคยดูรายการเกมที่เด็กทั่วโลกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และทำภารกิจหนึ่ง จะสังเกตได้เลยว่า เด็กเค้าถูกปลูกฝังให้รู้จักคิด เพื่อโลก ประเทศ สังคม ชุมชน ครอบครัว ตนเอง ตามลำดับ
ขอบคุณka
ขอบคุณมากครับ คุณ poo ที่มาเยี่ยมเป็นคนแรกเลย ;)
ขอบคุณมากครับ คุณ ธรรมทิพย์ ที่ได้แวะมาเยี่ยมบันทึกนี้ ;)
ขอบคุณสำหรับสาระดีดีมีประโยชน์
ดิฉันชอบอ่านหนังสือ จึงมาเยี่ยมชม
หนังสือดีๆมีสาระอย่างนี้ อ่านแล้วได้แง่คิด
ขอบคุณครับ คุณ ครูจิ๋ว ... ในสมุดเล่มนี้มีอีกหลายเล่มครับ ;)
ตรอบครัวของเขาเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีจัง มิน่าอะไรๆก็เป็นไปได้สำหรับเขา
;)
ขอบคุณมากครับ คุณ เต้าเจี้ยว ต.ที่2 ทีมเลขา 3 ต. ;)
สวัสดีค่ะ
ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อ่านจากที่เล่า น่าสนุกค่ะ
มีคนบอกว่า อัจฉริยะกับวิกลจริต มีเส้นแบ่งเพียงบาง ๆ ....
ความจริง ความโง่ กับ อัจริยะอาจอยู่ข้าง ๆ กันก็ได้จริงไหมคะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
ดีใจที่ได้อ่านข้อมูล ลูกสาวคนเล็กเป็นสมาธิสั้นชอบคิดเองทำเอง
แต่เป็นเด็กน่ารัก อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์เรียนดีแต่ไม่ชอบเขียน
หนังสือ ชอบแต่อ่านหนังสืออย่างเดียวอ่านไวและจำข้อมูลที่อ่านได้
มีปัญหาในห้องเรียนเหมือนกันไม่ชอบเขียนเลยไม่มีงานส่งคุณครู
ตอนแรกกลุ้มใจค่ะ แต่พอได้อ่านบทความนี้แล้วทำให้สบายใจมาก
รู้ว่า "ความสำเร็จอยู่ที่ความอบอุ่น ความเข้าใจ กำลังใจของครอบครัว"
ขอบคุณมากค่ะ
จริงครับ คุณ คนไม่มีราก ;) ... ห่างกันนิดเดียวเอง
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ คุณ moddang ;)
อยากกำลังใจจังเลยครับ ... ผมว่า คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องใช้การสังเกตเยอะ ๆ ครับ และหาช่องทางให้การศึกษาที่ถูกทางกับเค้า
ผมว่า แบบนี้ "อัจฉริยะ" นะครับ ทางการศึกษาเรียกว่า "เด็กปัญญาเลิศ" ครับ
เหมือนทางกระทรวงศึกษาฯ จะมีสถาบันที่ดูแลเด็กลักษณะนี้อยู่ ลองไปปรึกษาดูนะครับ
ขอบคุณมากครับ ;)
ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ครับ ;)
หวังว่า ครูคงเป็นประโยชน์และสอนเด็ก ๆ ด้วยความรักจริง ครับ ;)
แวะมาเยี่ยมครับ
เมื่อวานได้คุยกับคุณเอก
นินทาอาจารย์ด้วยครับ...
ขอบคุณท่าน หนานเกียรติ ที่มาแจ้งให้ทราบครับ ฮึ ฮึ คุณเอก จ๊าก ;)...
สวัสดีครับ อาจารย์ จินตนาการ ก่อเกิด ผลงานทางความคิด ยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ แต่ต้องหามาอ่านเป็นอาหารสมองแล้วครับ
อาจารย์ สบายดีน่ะครับ
สบายแป๊บ ๆ ครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า ;)
จันทร์หน้าก็เปิดภาคเรียนแล้ว ... ทำหน้าที่ของคุณครูต่อไปครับ อิ อิ
หนังสือใหม่ น่าจะหาง่ายครับ
ขอบคุณมากครับ ;)
อ.เสือ ที่ร้ากกกก......
เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้....ไม่แน่ใจว่าข้อมูลเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ....
พี่นำหลักฐานผลการเรียนของไอน์สไตน์มาให้ ฟิสิกส์ได้เกรด 6 ส่วนเคมีได้เกรด 5 จากสเกลเต็มๆ คือ 6 นะครับ
บันทึก : ผลการเรียนของไอน์สไตน์วัยเยาว์
สำหรับชื่อทฤษฎีนี่ ขอแก้นิดหนึ่ง เรียกว่า ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity) ครับ (สัมพันธภาพ = Relationship)
บันทึกอื่นๆ เกี่ยวกับไอน์สไตน์ที่พี่เคยเขียนไว้ อยู่ที่นี่ครับ
http://portal.in.th/buncha/pages/2350/
------------------------ จบเรื่องไอน์สไตน์ (ชั่วคราว ;-)) ----------------------
มาชวน อ.เสือ ไปร่วมเขียน ร่วมแก้ไข
พจนานุกวน - ศัพท์ GotoKnow (ร่าง)
โดยเฉพาะความหมายของคำว่า "พรวน" น่ะครับ
ขอบคุณคร้าบบบ....พี่ชิวเอง
แฮะ แฮะ ขอบคุณมากครับ พี่ชิว ;)...