ผมก็ไม่รู้จะบอกคุณ ๆ ว่าอย่างไรมากไปกว่าจะขึ้นหัวเรื่องอย่างที่คุณ ๆ ได้อ่าน
หนังสือเล่มนี้ได้รับการเรียบเรียงจากคนหลาย ๆ ฝ่าย เกี่ยวกับ ประวัติและความเป็นตัวตนของคุณแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้ซึ่งมีคนบอกว่า "เขาทวนกระแสกิเลส" ได้สำเร็จและเป็นตัวอย่างที่ดีที่ควรค่าแก่การปฏิบัติตาม
ผมไม่สามารถเลือกเนื้อความที่ประทับใจได้หมด เพราะประทับใจทุกเรื่องราว ดังนี้ ผมจึงอยากจะขอยกเนื้อหาสักตอนที่ตัดออกมาจากตัวเล่ม เป็นเรื่องที่คุณแทนคุณ เล่าเรื่อง "แม่" ให้ฟัง
"ผู้หญิงคนหนึ่งเสียสละความสุขส่วนตัวทุกอย่าง เพื่อดูแลคนที่เธอเพิ่งรู้จักได้เพียงไม่นาน แต่เหมือนผูกพันกันมาตลอดชีวิต เป็นความผูกพันที่เริ่มต้นในช่วงสั้น ๆ แต่ยึดโยงหัวใจสองดวงไว้แล้วตลอดไป ไม่ว่าใครคนหนึ่งจะต้องพรากจากกันไปก่อนก็ตาม"
นี่คือนิยามรักจาก "ความเป็นแม่" ที่ผมสัมผัสและเข้าใจอย่างถ่องแท้จากแม่ของผมเอง
ด้วยสองมือแม่
ผมโตมากับอาหารรสมือแม่ โดยเฉพาะมื้อเช้า ซึ่งบ้านเราให้ความสำคัญที่สุด ตลอดชีวิตผมจำได้ว่า แม่ไม่เคยพลาดการทำอาหารเช้าแสนอร่อยให้ทุกคนในครอบครัวเลย ภาพกิจวัตรประจำวันของแม่ในวันวานยังฉายชัดอยู่ในความทรงจำของผม...
ทุกวันแม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมแป้งทำบะหมี่ขาย เสร็จแล้วก็้ต้องทำอาหารเช้าให้ลูก ๆ กิน ส่งลูกไปโรงเรียน กลับมาทำบะหมี่ต่อ จากนั้นก็ไปส่งบะหมี่ให้ลูกค้า
ส่วนตอนกลางวัน แม่จะทำอาหารไปส่งให้ที่โรงเรียนอีก เพราะกลัวว่าผมจะกินอาหารที่โรงเรียนไม่อิ่ม และกลัวว่าอาหารจะไม่สะอาด แทบทุกวัน แม่จะต้องลวกบะหมี่พร้อมกับเตรียมอาหารเช้าไปด้วย ครั้งหนึ่งด้วยความรีบร้อน แม่เสียหลักลื่นล้ม และเอื้อมมือไปคว้าเข้าที่กระทะลวกบะหมี่ใบมหึมาจนมันเทค่ำลงมาจากเตาไฟ น้ำในกระทะที่กำลังเดือดปุด ๆ จึงราดรดลงไปบนตัวแม่ !!!
แม่บาดเจ็บสาหัส เป็นแผลพุพองไปทั้งตัว รุนแรงจนผิวหนังของแม่หลุดลอกออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะนั้น แม่ถูกส่งไปโรงพยาบาล หมอสั่งให้นอนพักเพื่อรักษาบาดแผลหลายวัน แต่แม่ไม่ยอม ยืนยันจะรีบกลับบ้านให้ได้ เมื่อหมอถามว่าไม่ห่วงตัวเองหรือจะรีบกลับบ้านไปทำไม แม่ตอบว่า
เหตุผลของแม่ทำให้พวกเราอึ้งไป ตอนนั้นผมได้บอกแม่ว่า ไม่ต้องห่วงเราอยู่กันได้ แต่แม่ก็ยืนยันจะกลับบ้านท่าเดียว เมื่อกลับมารักษาที่บ้านแม่ต้องทายาตามที่หมอสั่ง ทุกครั้งผมจะเห็นผิวหนังของแม่พองแดงไปหมด แต่แม่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงดูแลพวกเราตามปกติ ทั้งที่ผมรู้ว่าแม่ต้องเจ็บปวดมาก เหมือนกับอีกหลาย ๆ ครั้งที่ผมเห็นมือของแม่บวมพองเพราะทำงานหนัก แต่ท่านก็อดทน และอึดมาก ทั้งทำงานทั้งดูแลลูก ๆ ผมจึงรู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับรักของ "แม่" อีกแล้ว
สมัยเป็นเด็กทุกครั้งที่ได้หนังสือหรือสมุดเรียนใหม่ ผมจะห่อปกแล้วให้แม่เขียนชื่อผมที่ปกให้ ถ้าเล่มไหนแม่ยังไม่เขียน ผมจะไม่เอาไปที่โรงเรียนเด็ดขาด มีอยู่วันหนึ่งผมต้องใช้หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งอยู่ที่บ้าน จึงรีบกลับมาเอา ปรากฎว่ายังไม่ได้เขียนชื่อ ผมจึงร้องเรียก "ม่าม้า เขียนชื่อให้หน่อย" โดยอัตโนมัติ แม่วางมือจากงานตรงหน้า เพื่อมาเขียนชื่อให้ผมทันที ตอนนั้นแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องให้แม่เขียนให้ มาคิด ๆ ดูตอนนี้อาจเป็นเพราะผมเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า มือของแม่มีมนตรวิเศษก็ได้
ทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่แม่ทำให้ตอนเด็ก ๆ ผมเกิดความรู้สึกที่มากกว่าความสุข เพราะสิ่งนั้นเป็นความทรงจำที่มีชีวิต ซึ่งกระตุ้นเตือนว่า เราโชคดีมากเหลือเกิน ที่เกิดมาแล้วมีคนที่รักและคอยดูแลเอาใจใส่ ถึงแม้จะสมบุกสมบันบ้างในบางครั้ง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยหัวใจที่อ่อนโยน ซึ่งความอ่อนโยนของแม่นี้ปลอบประโลมใจให้เราเข้มแข็งขึ้นได้เสมอ
เมื่อผมเลี้ยงลูกเองก็ยิ่งรู้ซึ้งว่าการเป็นพ่อ-แม่นั้น ช่างละเอียดอ่อนละมุนละไมเหลือเกิน แม้เหน็ดเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสนุก มีความสุข เคล้าไปด้วย และนี่เองคือคำสอนที่ยิ่งใหญ่ ที่ทั้งสองท่านทำให้ผมเข้าใจถึงความหมายของสิ่งที่เรียกว่า "ชีวิต"
...
...
...
คำสอนของแม่
แม่เป็นพระที่สอนธรรมะให้ผมเป็นคนแรก สอนให้รู้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
แม่เป็นครูผู้ให้สติคอยชี้แนะแนวทาง ให้ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองทั้งถูกและผิด
ตั้งแต่เล็กจนทุกวันนี้แม่ก็ยังเป็นครูผู้สอน ทั้งที่แม่เรียนจบแค่ ป.4 แต่มีความรู้สูงกว่าผมที่เรียนจบปริญญาโทมากมาย จนทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีทางจะรู้และคิดอะไรได้มากกว่าแม่
...
...
...
ทุกครั้งที่กราบเท้าแม่ เหมือนผมได้ตอบแทนพระคุณท่าน เพราะท่านย่อมสบายใจเมื่อรู้สึกว่ายังคงยิ่งใหญ่ในสายตาลูก และเราเคารพนบนอบท่านเสมอ และทุกครั้งที่เข้าไปบีบนวดให้แม่ ผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสของความรักและความอบอุ่นที่เราแม่-ลูกถ่ายเทให้กันและกัน ผมตั้งใจปรนนิบัติรับใช้ท่านโดยทำให้เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่นาน ๆ ครั้ง
ผมปรารถนาจะทำทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับแม่ คติประจำใจว่า...
"ถ้าผมทำให้คนอื่นดีที่สุดอย่างไรได้ จะต้องทำให้แม่ดีกว่าสิ่งนั้นสิบเท่า"
อ่านจบแล้ว ผมคิดถึงแม่ผมขึ้นมาทันที
คุณเชื่อผมหรือยังว่า "หนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ"
บุญรักษา ลูกกตัญญูทุกท่านครับ ;)
หนังสือดี ๆ
นิภาพร จตุพรโภคา. มองชีวิต มีชีวา กับ แทนคุณ จิตต์อิสระ. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2553.
เชื่อค่ะ ว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริงๆ
ขอบคุณครับ คุณ KRUDALA ;)
***ชื่นชอบ...คุณแทนคุณอยู่แล้ว...อ่านบันทึกของอาจารย์ยิ่งน่าติดตาม
*** ขอบคุณค่ะ...จะต้องเป็นเจ้าของหนังสือให้ได้
ยินดีและขอบคุณมากครับ คุณครู กิติยา เตชะวรรณวุฒิ ;)
สวัสดีค่ะอาจารย์
อ้าว!!ลืมเข้าระบบ อิอิ
ซึ้งซะ .. เหมือนเรื่องน้องเค้าเล่าว่า แม่เค้าไปผ่าตัด แต่เกรงจะยกครกบ่ไหว .. ทุกลมหายใจของแม่คือลูก .. ขอหันหน้ามองฟ้า ก่อนน้ำตาจะหยดแหมะ .. บายค่ะ
แทนคุณคนนี้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย คนดี หนังสือย่อมดีด้วย หาไว้ติดบ้านให้ลูกๆ หลานได้อ่าน ดีครับ
ยังไม่ได้อ่านเลยครับ จะไปหาหนังสือมาอ่านนะครับ
ขอบคุณมากครับ พี่ครูนก NU 11 ;)
ขอบคุณครับ คุณ poo ;)
หนังสือเพิ่งออกใหม่ในงานมหกรรมหนังสือที่ผ่านมานี้เองครับ ท่าน ผอ. วัฒนา คุณประดิษฐ์ ;)
ขอบคุณครับ
อาจารย์ค่ะ เมื่อวานหนูเห็นที่ร้านหนังสือแล้ว หยิบขึ้นมาเปิดและตัดสินใจว่าวันนี้จะซื้อมาเป็นเจ้งของให้ได้ค่ะ หนังสือแล่มนี้ดีจริงๆค่ะ อ่านบทความข้างบ้นแล้วทำให้หนูคิดถึงพ่อกับแม่ และนั่งน้ำตาซึมคิดถึงท่านคะ ^^
สวัสดีครับ น้อง อาร์ม ;)
หนังสือเพิ่งวางจำหน่ายไม่กี่วันมานี้ครับ เป็นของสำนักพิมพ์สุขภาพใจ
เรื่องที่เล่าไว้ในบันทึกเป็นเรื่อง "แม่" ใช่ไหมครับ แต่ต้น ๆ เล่มเป็นเรื่อง "พ่อ" ของคุณแทนคุณ ... ที่อ่านแล้วเราได้ข้อคิดถึงการทำความดีให้กับท่านที่ไม่ทันกาล
อ่านแล้วก็น้ำตาจะไหลครับ ตั้งใจนำไปสอนเด็ก ๆ นักศึกษาเช่นกันครับ
หากน้อง อาร์ม ได้ซื้อ ลองเอามาเล่าไว้ในบันทึกก็จะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นนะครับ
ขอบคุณครับ ;)
เอ...จะหาซื้อได้ที่ไหน ร้านหนังสือซีเอ็ดบิ๊กซีพอมีไหมค่ะ
จะเอามาเล่าให้เด็กๆฟังคงจะดี ขอบคุณค่ะ ^ - ^
สวัสดีครับ คุณ ครูเอ ;)...
ที่ซีเอ็ดฯ มีแน่นอนครับ
25 พ.ย. - 2 ธ.ค.53 นี้มีงานหนังสือในมอชอนะครับ สนใจป่ะ ;)
ขอบคุณครับ
น่าสนๆๆค่ะ แต่แน่ๆคงไปหาซื้อก่อน อิอิ
ได้เลยครับ คุณ ครูเอ ;)
วันนี้ไปหาในซีเอ็ด บิ๊กซี แล้วไม่เจออ่ะค่ะ
คุณแทนคุณ จะมาสุริวงศ์ฯ วันที่ 28 พ.ย.53 นี้นะครับ เวลา 13.00 - 15.00 น.
คุณ ครูเอ ควรจะมาซื้อที่นี่เลย ขอลายเซ็นไปด้วย ;)
ขอบคุณค่ะ วันอาทิตย์ด้วย ไปๆค่ะ
อ๋อครับ คุณ ครูเอ ;)
ขอบคุณมากค่ะค่ะอาจารย์ แต่ไม่ได้ไปเลยเพราะมีประชุมด่วน ฮือ...น่าเสียดายจริงๆ
ผมก็ไม่ได้ไปเหมือนกันครับ บ่ว่างเลย ;)...