วันเวลาที่เรามีความสุข มันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ... หากแต่วันเวลาที่เราจมอยู่ในกองทุกข์ กลับเดินผ่านเราอย่างเชื่องช้าสุดทรมาน
หนังสือเล่มหนึ่ง ผมซื้อไว้ได้สักปีหนึ่งแล้ว ชื่อ "กุญแจสำรองของชีวิต" เขียนโดย ลูกปัด สำนักพิมพ์ใยไหม เห็นชื่อ "ใยไหม" อาจจะนึกว่า สำนักพิมพ์นี้มีแต่แบบหวาน ๆ น้ำตาลเรียกพี่ แต่ระยะหลัง "ใยไหม" มีหนังสือเชิงจิตวิทยาการให้กำลังใจออกมาเยอะ หนังสือธรรมะก็หลายเล่มพอสมควร
พลิกอ่าน ...
สะดุด บทที่ 10 ...
เคยไหม...ทำอะไรให้ใครบางคนอย่างตั้งใจและทุ่มเท
แต่สิ่งที่ได้คืนกลับมาคือ เราเป็นเพียงเทียนเล่มเล็ก ๆ
ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา
พอส่องทางให้เขาไปพบเจอแสงตะวันแล้วก็ละลายหายไป
ไม่มีค่า
ไม่มีใครเห็นความดี
และถูกมองข้ามอยู่เสมอ
สิ่งนั้นอาจทำให้เราเหนื่อยใจ หรือ ท้อแท้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เปลี่ยนแนวคิด วิธีคิด
หรือแนวทางการปฎิบัติตัว
โดยเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาเป็นอารมณ์ว่า
ถ้าเขาไม่เห็นความดีของเรา หรือ ทำความดีแล้วไม่ได้รับสิ่งดี ๆ
แล้วต่อไปเราก็จะไม่ทำดีอีก
ชีวิตไม่ได้สอนเรามาแบบนั้น
ชีวิตสอนให้เรารู้จักการเป็นคนดี
โดยเริ่มต้นจากการทำความดีที่ไม่มีใครมองเห็นให้ได้ก่อน
แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดูยากพอสมควร
แต่อยากให้คิดว่า มันก็เหมือนกับการเรียนรู้ในเรื่องที่เรา
ไม่มีความรู้มาก่อน
เริ่มต้นเรียนบทแรกอาจจะดูยากสักหน่อย
แต่ต่อไปทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
ถ้าเราเริ่มรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นใครสักคนมีความสุข
หรือประสบความสำเร็จได้
โดยมีเราเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนั้น
นั่นแหละที่ถือว่าเราได้ผ่านบทที่ยากที่สุดไปแล้ว
แสงเทียนเล็ก ๆ ในคืนที่มืดมนนั้นจึงสำคัญมาก
เวลาที่ใครสักคนตกอยู่ในความมืดมิด
ด้วยบทเรียนที่ยากบทนั้นจะทำให้เรายิ้มได้และพอใจ
กับการเป็นแสงเทียนส่องชีวิตให้ใครสักคน
ได้เดินทางไปเพื่อพบเจอแสงสว่างจากดวงตะวัน
แม้เมื่อเวลาผ่านไป
เทียนจะมอดดับ และถูกหลงลืมไปในที่สุดก็ตาม
การทำความดีไม่จำเป็นต้องมีใครเห็น
สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าอยู่แล้วคือ
ความสุขที่เกิดขึ้นในใจของเราเอง
หากแสงเทียนน้อย ๆ เล่มนั้น คือ คุณครูตัวเล็ก ๆ ที่ขัดเกลาลูกศิษย์ให้เติบโตทีละน้อย ๆ เมื่อลูกศิษย์เติบโตออกไปเป็นคนดีของสังคม แสงเทียนน้อย ๆ เล่มนั้นก็คงภาคภูมิใจน่าดู โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใด ๆ
หากแสงเทียนน้อย ๆ คือ การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ถึงแม้จะเป็นความดีเล็ก ๆ ก็ควรค่าแก่ความภูมิใจที่ได้ทำลงไปด้วยหัวใจที่เบิกบาน
คิดถึงตัวเองในสิ่งที่ผ่านมา
คิดถึงใครบางคนในสิ่งที่ผ่านมา
ส่งข่าวคราวให้ได้ทราบกันบ้างนะครับ
คิดถึงจริง ๆ
บุญรักษา ครับ ;)
ขอบคุณหนังสือดี ๆ
ลูกปัด. กุญแจสำรองของชีวิต. กรุงเทพฯ : ใยไหม, 2552.
ว้าว เล่มนี้ของลูกปัด แตกต่างไป อ่านแล้วสะกดใจ ใช่เลยค่ะ :)
ชัดเจนมากๆ นึกถึงเพลง ความสุข .. สุขได้ง่ายๆ จากใจเราเอง
เมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงนะคะอ. เสือ คืนนี้ก็คงยังกระจ่างแจ่มเช่นเคย
ส่งกำลังใจให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นดีๆ ที่สุขแท้จริงๆ อิ่มรำยามเย็นโตยเจ้า
ไค้บอกกึดตึงหาไผหนอครูคุณวัต
วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวาน เมื่อตอนทุ่มกว่าๆ ไปนั่งกินส้มตำกับรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันที่แยกเกษตร พอกินอิ่มจนพุงจะแตกก็เดินกลับหอที่อยู่ไกลถึงตำแหน่งที่ตั้งพรรคภูมิใจไทย ด้วยความที่รู้สึกว่าแค่ไม่กี่ป้ายเลยงกสตางค์ ไม่วิ่งขึ้นรถเมล์ เดินไปเรื่อยพอผ่านหน้าธนาคารออมสิน สาขา ม.เกษตร ตรงสะพานลอยก่อนจะถึงกรมส่งเสริมฯ จู่มีผู้หญิงผมสาวๆ สวมเสื้อสีชมพู กางเกงขาสั้น วิ่งมาหาแล้วบอกว่า "พี่หนูตังค์สักยี่สิบบาทสิค่ะ หนูทำไซด์ไลน มากลับแขกแต่มันโรคจิต หนูเลยโดดลงรถมา หนูไม่มีตังค์ค่ารถกลับบ้าน"
ด้วยความตกใจ สมองยังคิดไม่ทันว่า "ไซด์ไลน" คืออะไร หยุดคิดไป สามวิ คิดออก ก็ถามอีกทีว่า
" ทำงานอะไรนะ"
เขาก็บอกว่า "ทำไซด์ไลน"
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคืออาชีพอะไร ก็เลยบอกไปว่า
"ทำไมไม่ทำงานอย่างอื่นล่ะ"
เขาบอกว่า"หนูไม่รู้จะทำงานอะไร"
"แล้วบ้านอยู่ไหน"
เขาบอกว่า".............."
"หาอย่างอื่นทำได้ก็ทำนะ ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย สังคมมันอันตราย"
เขาบอกว่า"ค่ะ" แล้วเขาก็ไหว้ขอบคุณ แต่ที่จริงแล้วดูแล้วเขาน่าอายุเยอะกว่าอยู่ สงสัยเขาเห็นว่าหน้าแก่เลยเรียกพี่
.......................................จบแค่นี้ค่ะ........................................................
แสงตะวัน
สรุปว่า คุณ แสงตะวัน ไม่ได้ดูแลรักษาหน้าตาของตัวเองใช่ไหมครับ
เลยหน้าแก่กว่าที่ควรจะเป็น 555
ขอบคุณมากครับ ;)...
สงสัย ถ้าจะเป็นอย่างนั้น ๕๕๕๕
แสงตะวัน
แสงดาวงามจับใจในคืนเดือนมืดฉันใด
แสงเทียนที่รำไร ก็ส่งประกายเจิดจ้าในมุมมืด ฉันนั้น
ขอบคุณลำนำอันงามจับใจครับ พี่คุณครู อิงจันทร์ ณ กระท่อมอิงจันทร์ ;)...
แสงดาวงามจับใจในคืนเดือนมืดฉันใด
แสงเทียนที่รำไร ก็ส่งประกายเจิดจ้าในมุมมืด ฉันนั้น