หอผู้ป่วยหนักศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

หากจะมีการเอ่ยถึง ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นวิกฤติ และแพทย์วินิจฉัยว่าต้องได้รับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ICU แล้ว

จินตนาการที่หลายๆคน อาจจะนึกถึง หรือมีประสบการณ์คือ ห้องที่มีฝาผนังทึบทั้งสี่ด้าน มีเตียงผู้ป่วยที่นอน เรียงกัน มีม่านกั้นแต่ละเตียง หรืออาจจะแบ่งเป็นห้องแยก เปิดไฟสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีความเป็นส่วนตัวน้อย บางครั้งคนไข้ อาจจะตระหนกตกใจ กับการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยที่นอนอยู่ข้างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ICU น่าหวาดกลัว ยิ่งเปิดโอกาสให้ญาติเข้าเยี่ยมได้น้อย ก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกขังในที่แคบๆ

แต่ที่หอผู้ป่วยหนัก ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆคิด  ผู้ป่วยหนักที่นอนพักรักษาตัวที่นี่ แม้จะจำเป็นที่จะต้องให้การรักษาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ว่าการเป็นคนไข้หนัก ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสในการชื่นชม ความงามของธรรมชาติ ดอกไม้ หรือท้องฟ้าสีคราม ที่จะช่วยให้คนไข้มีสภาวะที่สมดุลย์ ทั้งร่างกายและจิตใจ และเป็นโอสถขนานวิเศษ ที่จะช่วยเยียวยาให้คนไข้เข้าสู่ความเป็นปกติ

เตียงของผู้ป่วยหนักของที่นี่ได้จัดเป็นห้องแยกเพื่อความเป็นส่วนตัว  การตบแต่งห้อง เน้นโทนสีอ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดใส ข้างๆเตียงเป็นฝาผนังทำด้วยกระจกแผ่นใหญ่ มองเห็นสวนหย่อมเล็กที่จัดบริเวณ ระเบียงด้านนอกอย่างน่ารัก บางครั้งมีนกตัวเล็กๆ บินมาเกาะต้นไม้ มองดู ราวกับจะมาให้กำลังใจ  คนไข้มีโอกาสได้สัมผัสกับแสงแดดอ่อนยามเช้า และธรรมชาติที่สวยงามคล้ายๆ รักษาตัวที่บ้าน

ในการดูแลคนไข้ที่ต้องการเอาใจใส่เป็นพิเศษนั้น ทีมพยาบาลวางระบบพยาบาลเจ้าของไข้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ เข้าใจปัญหา และให้การดูแลแบบองค์รวมได้  มี Massage and Aromatherapy for relaxation ในห้องผู้ป่วยจึงมีกลิ่นหอม อ่อนๆ บางครั้งหากคนไข้มีอาการดีขึ้นก็จะมีเสียงเพลงเบาๆอันเป็นการผ่อนคลาย และเป็น Music Therapy ที่ทั้งผู้ป่วยและญาติมีความพอใจ

ญาติคนไข้ที่ไปเยี่ยม จะมีความเป็นส่วนตัว และมีความรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ จากลักษณะ ของการจัดวางเครื่องอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ ที่วางไว้อย่างสวยงาม น่านั่ง อ่างล้างมือ และน้ำยาล้างมือแห้ง

คนไข้ICU ที่นี่จึงใช้ชีวิตยามเจ็บป่วยภายใต้การดูแล ตามมาตรฐานคุณภาพ  มีความปลอดภัย โดยยังคงความสัมพันธ์กับธรรมชาติ  กับสังคม กับครอบครัวและคนที่เขารัก ซึ่งเป็นการตอบสนองมิติทางด้านจิตใจ  รวมทั้งตอบสนองต่อกิจวัตรประจำวัน อันเป็นวิถีปกติของทุกชีวิต ที่ทุกคนไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วยต้องการ

นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดสำคัญของทีม ที่คำนึงถึงคุณภาพการรักษาและการเยียวยา ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ

ทีมผู้ให้บริการเองก็รู้สึกมีความสุข มีความปิติในงานของตนเอง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วยและญาติ

ประเภทรางวัล  Healing Environment Award ระดับหน่วยงาน

และเมื่อเริ่มรู้สึกตัว พบว่าได้นอนบนเตียง