เช้าวันที่ ๒ ของการประชุมเครือข่าย SHA พวกเราใส่เสื้อยืดคอกลมมีลายขวางตรงกลาง โลโก้ เขียนไว้ว่า SHA… Together. มองไปทางไหนก็เจอะเจอคนใส่เสื้อสีนี้ทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นใจ บรรยากาศดูเป็นกันเองขึ้นมาก
หลายๆคนในวันแรกใส่สูทดูน่าเกรงขาม มาวันนี้เสื้อที่สวมใส่ดูลำลอง ผ่อนคลาย และเป็นกันเอง หลายคนจึงหยอกเย้ากันว่าดูหนุ่มจัง ดูสาวจริง
เริ่มต้นในวันที่ ๒ ด้วย วิทีอาร์สั้นๆ ที่ประทับใจของเพื่อนร่วมวิชาชีพ ที่ทำงานด้วยการใช้ พื้นฐานของความรัก และความเมตตา ส่งผลให้คนทำงานมี ความปิติ และรู้คุณค่าของการเป็นผู้ให้ ที่สำคัญผลงานนั้นมีคุณภาพ
ผลงานชิ้นนี้เป็นของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในโครงการ SHA รุ่นแรก น้องๆหลายคนมาถามต่อว่า
“ อันนี้เป็นเรื่องจริง หรือเป็นการถ่ายทำคะ แม่ต้อย ”
แม่ต้อย อยากจะบอกว่า การแสดงที่ยากยิ่งนั้นคือการแสดงที่ต้องเลียนแบบ การกระทำที่ออกจากใจ จากสายตาที่กรุณา และจากคำพูดจากใจโดยไม่ต้องมีบท
แม่ต้อยเลยตอบสั้นๆว่า " เป็นเรื่องราวการทำงานจริงของเพื่อนเราเองคะ"
วันนี้เราได้จัดให้มีการเรียนรู้ประสบการณ์จริงจากโรงพยาบาลที่ได้ทดลองนำแนวคิดนี้ไปทำในระยะ ๑ ปีที่ผ่านมา มีข้อคิดหลายๆอย่างที่ชวนให้เรียนรู้
เช่น น้องจากรพ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ที่พกพาอารมณ์ขัน และประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยในสังคมแบบทวิลักษณ์ มาแลกเปลี่ยนแบบชัดเจน จริงใจ และอย่างชนิดที่ไม่มีใครกล้าแย้งได้
“ หากไม่เข้าใจประชาชน ยังไม่ต้องคิดเรื่องการพัฒนา”
แค่ประโยคแรกของน้องเซาะ ก็สะกดคนฟังให้เงียบไปทั้งห้องแล้ว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่เพียงเรื่องยา เรื่องระบบยาในโรงพยาบาล แต่ถ้าหากเรานำมิติเรื่องจิตใจเข้าไปผสมผสานด้วยเพื่อให้เป็น “ ยา.. SHA “ นั้น มีเรื่องละเอียดอ่อนมากมาย
ซึ่งหากเราเพียงแค่มีระบบที่ดี มีการส่งมอบ ยาให้ถึงมือคนไข้ อย่างครบถ้วน ถูกต้อง ถูกคน ถูกเวลา ไม่มีผิดพลาดแล้วก็ตาม ก่อนที่คนไข้จะกลับบ้าน
แต่ทว่า ยานั้นอาจจะไม่ส่งผลใดๆกับคนไข้เลยก็ได้ หากเราไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึง ความเชื่อ ความไม่เข้าใจ ความไม่คุ้นเคยของคนไข้
ภาพที่น้องเซาะ ไปตามเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านและมีถุงยานับสิบถุงแขวนไว้ที่เสาบ้าน ยาไม่มีพร่องไปสักเม็ด นั่นย่อมเป็นประจักษ์ที่ดี
เราจึงต้องเข้าใจคนไข้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ ชาวบ้านมีความเชื่อว่า มีข้อห้ามมิให้กินยาร่วมกับอาหารหลายๆประเภท นัยว่าเป็นอาหารต้องห้าม ซึ่งเมื่อรวบรวมรายชื่อแล้ว มีรายการมากมายนับไม่ถ้วน จุงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม คนไข้ถึงยังมีอาการคงเดิม หรือกลับไปหาหมออีกบ่อยครั้ง
การทำงานคุณภาพ ที่ใช้ความประณีต ด้วยความกรุณา จึงต้องมีความ ละเอียดอ่อนที่จะเข้าใจ และหาทางโอบอุ้มด้วยวิธีการที่นุ่มนวลเข้าใจ
ในรพ.อีกแห่งที่มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน คือน้องจากรพ.เสาไห้ การเริ่มต้นทำงานอย่างประณีตและใช้มิติจิตใจ ทางรพ.เริ่มจากทีมของรพ.เองก่อน
โดย การปลูกฝังวิธีคิดใหม่ให้กับทีมงาน ให้คิดบวก ฝึกการให้อภัย ฝึกการอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อเพื่อนผู้ร่วมงาน
ดังนั้นระดับหัวหน้างานที่มีอายุน้อยก็สามารถก้มหัวและ ยกมือไหว้คนงานที่มีอาวุโสกว่าได้ ฝึกการมีวินัย
ฝึกการเป็นผู้ให้
และที่สำคัญคือการฝึก” แพ้ให้เป็น”
แม่ต้อยรู้สึกปลื้มปิติกับการแลกเปลี่ยนเรื่องราวดีดีอย่างนี้เป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่ามีคุณค่าและเป็นโอสถทิพย์ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากจะร่วมกันฝ่าฟันไปอย่างไม่หยุดยั้ง
การนำเสนอของน้องๆ เป็นความงดงาม เป็นการทำงานของคนเล็กๆ แต่ทว่ายิ่งใหญ่
แม่ต้อยว่า น้องๆกำลังขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ระดับที่เรียกว่า จิตสำนึกใหม่ จิตสำนึกที่เหนือกว่าการนึกถึงตนเอง แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเป็นผู้ให้ ที่ยิ่งใหญ่
“ การแพ้ให้เป็น” แท้ที่จริงแล้ว คือการลดความยิ่งใหญ่ของตนเอง ลดอัตตาตัวเองลงให้ได้ เพื่อที่จะสามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้กว่า นั่นคือการเป็นผู้ให้
ก่อนจบการประชุมในเย็นวันนั้น แม่ต้อยได้ขอให้ผู้แทนของรพ. SHA รุ่นที่ 2 มาพูดแสดงความรู้สึก ก่อนจากกันไป
ท่านผู้อำนวยการรพ.ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกทม.
กล่าวสั้นๆว่า
“ ตั้งแต่ผมได้ เข้าร่วมอบรม สัมมนามา ผมชอบครั้งนี้มากที่สุด ขอให้พวกเรา SHA2 จึงดีใจที่ได้มาร่วมเส้นทางนี้ ผมขอขอบคุณ สรพ.มาก ครับ “
ในช่วงนั้น แม่ต้อยนึกในใจว่า
“เส้นทางนี้.. แม้ว่าจะยังยาวไกล..
แต่ระหว่างทาง ก็เริ่มมีความงาม ให้เห็นได้ชื่นใจ....
นั่นก็เพียงพอแล้ว กระมัง
สวัสดีคะ
ลองเข้าไปดูบรรยากาศนะคะ
http://www.youtube.com/watch?v=AGfDG74HQCg
สวัสดีครับแม่ต้อย...
บันทึกน่าอ่านมาก ๆ ครับ
แหะ แหะ ยังพอมีเสื้อเหลือไหมครับ
อยากไปครับ
เมื่อไรครับแม่ต้อย...
มีเรื่องอยากปรึกษาแม่ต้อยเหมือนกันครับ
เคยไปพูด palliative care ที่หนองจิก คนเขาดี มีพลังจริงๆครับ มาทำ SHA น่าจะสนุก
แม่ต้อยคะ...รับฟังจากรุ่นพี่ เห็นตัวอย่างความงามที่ปรากฏ ทำให้เห็นสิ่งดีดีใน รพ.ที่มีอยู่ ได้แรงใจเยอะขึ้น และจะแพ้ให้เป็นค่ะ...เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย ผู้รับบริการและประชาชน
ตามมาให้กำลังใจ มาชื่นชม มาเรียนรู้ค่ะ
ถ้าฝาผนัง คือ คุณภาพของโรงพยาบาล อิฐแต่ละก้อน คือ HA ปูนที่คอยเชื่อมอิฐแต่ละก้อนให้เป็นฝาผนังที่แข็งแรง และยั่งยืน ก็คือ SHA ส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องความสมดุลระหว่าง Hard Science และ Soft Science อยู่แล้ว ตั้งแต่โรงพยาบาลได้นำมาตรฐานฉบับ HA& HPH มาใช้ก็เริ่มรับรู้แล้วว่า HPH ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และชุมชน หรือสังคม พอได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ SHA Season II ทำให้มั่นใจว่าเราน่าจะมาถูกทางแน่นอน ขอบคุณแม่ต้อย และ สรพ. ครับที่ให้โอกาสกับทีมของเรา
ชอบคำนี้มากเลยค่ะ “หากไม่เข้าใจประชาชน ยังไม่ต้องคิดเรื่องการพัฒนา”
ได้อะไรๆทุกครั้งที่เข้ามาอ่านบันทึก "แม่ต้อย"
แม่ต้อยสบายดีนะครับ