มาจนถึงวินาทีที่นั่งอยู่หน้าจอ ฟังผู้มีอำนาจสูงสุดในคณะรัฐบาลประกาศผ่านฟรีทีวีหลายช่องว่า "วันนี้มีความจำเป็นที่จะใช้กำลังสลายการชุมนุม เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมชนทำลายความมั่นใจต่อการลงทุนที่มาจากภายนอก และอื่นๆ อีกมากมาย"
วินาทีนี้ฉันยังเชื่อเรื่อง "การเคลื่อนสังคมด้วยความรู้" และคงไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่า "ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับวิธีคิดของท่านผู้นำ ที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดเลือก แต่จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การใช้วิถีชิตในการนำพาประเทศของท่าน"
ท่านผู้นำผิดไหม ที่คิดแบบนี้ "ฉันฟันธงว่า ท่านคิดไม่ผิดหรอก เพราะท่านคิดอย่างนี้จริงๆ"
แต่ความคิดของท่านเป็นความซวยของชาติ
เนื่องจากท่านผู้นำไม่ได้มีขอบเขตอิทธิพลความคิดแค่รั้วบ้าน หรือรั้วตระกูล แต่ดันมามีอิทธิพลกับการสั่งการโดยอำนาจภายใต้ขอบเขตรัฐ และดันเป็นรัฐที่มีคนที่หลากหลายความคิด ความเชื่อ และระดับขั้นของความเข้าใจในตัวกรอบความรู้
ท่านผู้นำยังเชื่อมั่นว่า “การเมืองต้องอยู่ในรัฐสภา ประชาธิปไตยนั้นเป็นสิทธิขาดผ่านตัวแทนที่ประชาชนเลือกเข้าไปนั่งในสภา และที่สำคัญเชื่อว่าสิทธิของประชาชนนั้น หมดไปแล้วตั้งแต่วันที่หย่อนบัตรเสร็จ” แถมยังเชื่อว่า “การนำพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งคือหนทางทำให้ทุกคนอยู่ดีมีสุข และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่การเมืองระบบตัวแทนได้เลือกให้คนไทย
ต่างความคิด ความฝัน ความเชื่อ
ประชาธิปไตยบนถนนจึงต้องเกิดขึ้น
แต่โชคร้ายของผู้ชุมชน ที่ท่านผู้นำไม่ได้เรียนรู้เรื่องแนวคิดใหม่ว่าด้วยกระบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ที่เน้นเพียงการขอนิยามความหมายการเมืองที่ควรจะเป็น ในพื้นที่ที่เขามีสิทธิ(เพราะเขาไปนั่งในสภาไม่ได้) และสิ่งที่เขาพูดบนเวที คือ ความหวัง ทางออกของสังคมเท่านั้น
ไฉนท่านผู้นำ จึงอ้างเพียงโอกาสความมั่งคั่งของประเทศ ที่ประชาชนไม่เคยพบพานมาตลอด 47 ปี (ของการพัฒนาประเทศตามแบบตะวันตก) มาเป็นข้อกล่าวอ้างในการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์นั่นเล่า
ผู้เชื่อเรื่องการเคลื่อนสังคมด้วยความรู้ ควรทำอะไรเพื่อทำให้สังคม “ตาสว่าง” “ใจสว่าง” ด้วยความรู้(ที่ท่านเชื่อ) แทนที่คำว่า “ฉันยืนอยู่ตรงกลาง” บ้างเล่าหนอ
ขอชมใน "ความกล้า" ที่จะแสดงแนวคิด...อย่างเปิดเผยค่ะคุณดอกไม้น้อย
แม้ตัวไม่ได้เข้าร่วมรวมพลังบริสุทธิ์...แต่ก็ติดตามข่าวและส่งกำลังใจหมดหัวใจ
ของคนไทยคนหนึ่งเพื่อร่วมสู้ผู้ใช้อำนาจโดยขาดครามสำนึกในความเป็นคนไทย
สวัสดีครับ
เราอยู่ในสังคมแห่งอำนาจครับ สังคมแห่งความรู้นั้นยังห่างไกลเราอีกมาก เราเชิดชู เงิน อำนาจ อิทธิพล เราต่างกลัวสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
มันยังมืดมนครับในวันนี้ และยังไม่อาจมองเห็นอนาคตอีกด้วย เราคงต้องสร้างสังคมใหม่ด้วย ผู้คนที่มีแนวคิดที่มีพื้นฐานความรัก ความเสียสละ รักธรรมชาติ ไม่สะสม ให้อภัย ยอมรับผู้อื่น เชื่อมั่นในการหาทางออกด้วยการพูดจาและเหตุผล
เราน่าจะแสดงออกถึงพลัง เหล่านี้ทีละน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ ขยายออกไป ผมเชื่อว่าที่ โกทูโนว ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่เราใช้คิดและทำเรื่องนี้ได้ ผมคนนึงที่พร้อมคิดให้ต่าง และทำให้แยกออกไปครับ
ขอบคุณค่ะที่มาให้กำลังใจกัน และยืนยันสิ่งที่อยู่ในใจ
เราคงต้องตามหาเพื่อนร่วมฝัน[Boundary หรือVisionary (ชอบคำนี้มากกว่า)Partners] ให้มากขึ้น(โดยระวังของปลอม เช่น กลุ่มรักกันเตือนกัน ที่เป็นนอมินีธุรกิจน้ำเมา เป็นต้น)
เพื่อร่วมกันคิด(strategic plan) พูด ทำ ให้ฝันของเรา(Vision-Mission = นักดื่มหน้าใหม่น้อยลง)เป็นจริง (ตามProgress Markers ที่ฝันร่วมกัน)ด้วยสติปัญญา โดยไม่ลืมเพื่อนเก่ง(strategic partners หรือ program enablers) มาหนุนให้ถึงฝันง่ายขึ้น
(ขอทบทวน OM. ที่ได้ไป KM. มาใหม่ๆ เผื่อเข้าใจผิดจะได้มีผู้รู้มาช่วยแก้ไขให้)
โหย โหย ถูกใจโก๋อีกแล้ว
"..แต่ความคิดของท่านเป็นความซวยของชาติ.."
5555
เมื่อ 30 ปีก่อนท่านผู้นำเชื่ออย่างไร อีก 30 ปีต่อมา ท่านก็เชื่ออย่างนั้น ...
ท่านเชื่อว่า ท่านกำลังหมุนโลกด้วยพลังเสียงของท่าน
ชอบวิธีคิดครับ :)
ขอบคุณมากครับ
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
จะต้องให้พูดสักกี่ครั้งว่ารับไม่ได้จริงๆๆ