หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

นักเรียนรุ่นเสาร์ ๕ ดูงานในประเทศ (๑๑) : ภาคใต้ - ไปพบชุดคุ้มครอง


จากหมู่ บ้านหนึ่งขยายผลไปสู่หลายหมู่บ้าน ในที่สุดทุกหมู่บ้านก็จับมือรวมพลังกันได้ เมื่อทั้งหมดมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นพลังร่วม จึงก่อเกิดเป็นกำลังพลภาคประชาชนทำงานด้านการดูแลความปลอดภัยภายใต้การดูแล ของข้าราชการกรมการปกครองในพื้นที่อีกต่อ

ออกจากที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี รถตู้ก็พาเราตะบึงเข้าหมู่บ้านแล้วก็ไปหยุดกึกอยู่ตรงพื้นที่แห่งหนึ่ง มองตรงเข้าไปก็มีป้ายผ้าใหญ่แขวนไว้ระหว่างเสาไม้เรียวเล็ก ๒ เสาแสดงความในใจบางอย่างกับพวกเรา ๔ส.รุ่น ๒  มุมขวาล่างของป้ายระบุผู้เขียนไว้ว่า “ชุดคุ้มครองตำบลสากอ”

อ๊ะ..อ๊ะ…อย่าเพิ่งเข้าใจว่าที่รถหยุดกึก ลงตรงนี้เป็นเพราะโดนข่มขู่ให้หยุดเพื่อเรียกค่าคุ้มครองนะคะ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ช่ายยยยยยยย..เลย  ชื่อผู้เขียนข้างบนนะเป็นกลุ่มผู้ก่อการดีของหมู่บ้านต่างหากค่ะ และพื้นที่ก่อการดีของพวกเขาชื่อ ตำบลสากอค่ะ

คำว่า “ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน” นี้มีที่มาด้วยหละ จุดกำเนิดมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบรายวันที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบ่อยๆ คนพุทธ มุสลิมในหมู่บ้านถูกลอบทำร้าย ด้วยภูมิหลังที่คนในหมู่บ้านแห่งนี้เคยปกป้องคุ้มครองหมู่บ้านให้พ้นภัยสมัยโจรคอมมิวนิสต์ ผู้นำธรรมชาติของหมู่บ้านจึงชวนกันจับมือรวมพลังเพื่อปกป้องหมู่บ้านอีกครั้ง

ลงจากรถเดินเข้าค่ายก็เจอภาพเหล่านี้แหละค่ะ

จากหมู่บ้านหนึ่งขยายผลไปสู่หลายหมู่บ้าน ในที่สุดทุกหมู่บ้านก็จับมือรวมพลังกันได้ เมื่อทั้งหมดมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นพลังร่วม จึงก่อเกิดเป็นกำลังพลภาคประชาชนทำงานด้านการดูแลความปลอดภัยภายใต้การดูแลของข้าราชการกรมการปกครองในพื้นที่อีกต่อ

กำลังพลภาคประชาชนแห่งนี้ก่อกำเนิดเริ่ม แรกจากทุนทรัพย์ที่พวกเขาระดมมาช่วยกันก่อสร้างที่พักสำหรับผู้เข้าเวรยาม ดูแลความปลอดภัย โดยมิได้ใช้งบประมาณของทางราชการ เพิ่งจะมีระยะหลังที่ราชการด้านการปกครองได้มีส่วนหนุน เสริมงบประมาณเป็นเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย

นอกจากข้าราชการฝ่ายปกครองแล้วที่นี่ยังมีทหารและตำรวจทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยประสานและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดด้วย

บรรยากาศก่อนและระหว่างการบรรยายสรุปของเจ้าของพื้นที่

เมื่อเข้าไปในบริเวณนี้ก็เห็นโต๊ะยาวถูกจัดวางไว้ที่ลานว่าง ตรงหน้าของโต๊ยาวมีเก้าอี้จำนวนมากจัดวางอยู่  เมื่อพิธีการของเจ้าบ้านเริ่มขึ้นบริเวณโต๊ะยาวนั่นแหละคือที่นั่งของพวกเรา ส่วนบรรดาเจ้าของบ้านนั้นพวกเขานั่งลงกันบนเก้าอี้ด้านหน้านั่นเอง

ถึงแม้บริเวณแห่งนี้จะดูเหมือนเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ก็มีบัณฑิตอาสามารอบริการน้ำและผลไม้ให้เราอยู่หลายคน  ผลไม้ที่ถูกเตรียมไว้ต้อนรับพวกเราคือเงาะโรงเรียนค่ะ

นั่งฟังด้วยความชื่นชมกับลูกฮึดจนเกิดพลังอย่างที่ได้เห็น ได้น้ำเย็นๆจากบัณฑิตอาสาช่วยให้คลายร้อนจากอากาศใกล้เที่ยงไม่น้อย

ตอนที่มีรายงานเรื่องของเบี้ยเลี้ยงสนับสนุน ฉันเดินออกมาจากโต๊ะยาวแล้วเพื่อเก็บภาพถ่ายต่างมุมของค่ายมาทำความเข้าใจความรู้สึกของคนอยู่ค่าย เมื่อได้ยินคำรายงานเรื่องเบี้ยเลี้ยง ฉันเกิดความไม่สบายใจเท่าไร จำได้ว่าปรารภกับพี่แดงไปว่า แล้วนี้ถ้าไม่มีงบเบี้ยเลี้ยงมาให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ กิจกรรมอย่างที่เกิดขึ้นนี้จะล้มมั๊ยนี่ ก็ฉันรู้สึกเหมือนการจัดตั้งไม่ใช่การอาสายังไงไม่รู้ จะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ควรจะฟันธงแบบคนคิดมากเลยเนอะ

การลุกออกมาจากโต๊ะยาวทำให้มีโอกาสซอกแซก ก็เลยได้ไปเห็นว่าตรงด้านหลังของโต๊ะยาวที่พวกเรานั่งนั้น มีบริเวณที่ถูกจัดไว้เลี้ยงเป็ดไข่ มีบ่อปลาเล็กๆด้วย ตอนที่เดินเข้าไปเห็นมีชาย ๒-๓ คนนั่งๆยืนๆคุยกันอยู่ ฉันเข้าใจว่าเขาคุ้นเคยกับสถานที่จึงถามไปว่า “เลี้ยงเป็ดไว้กินไข่ด้วย เลี้ยงปลาด้วยเหรอ”  คำตอบทำให้ฉันแป่วอีกแล้ว เขาตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมาที่นี่หรอก” แล้วมาได้ไง….??????

บ้านเรือนที่กำลังพลนี้ใช้พักเวลาเข้าเวร ยามเป็นกระต๊อบไม้เล็กๆทำขึ้นด้วยไม้แผ่นหยาบๆ มีหน้าต่างแบบใช้ไม้ค้ำยัน มองเข้าไปเห็นในกระท่อมบางหลังมีมุ้งอยู่  ไม่มีไฟฟ้า ฉันไม่เ็ห็นแหล่งน้ำใช้และไม่เห็นหน้าตาห้องน้ำค่ะ มีรั้วไม้กั้นเขตกระต๊อบ นอกเขตรั้วมีตู้ยามอยู่หลังหนึ่ง  ฉันไม่เห็นบังเกอร์ ไม่เห็นลวดหนามที่นี่ค่ะ ใครเห็นอยู่ตรงมุมไหนบ้างช่วยกระซิบหน่อย

สภาวะภายในค่ายชุดคุ้มครองหมู่บ้านต.สากอ อ.สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

สังเกตหน้าตาของกำลังพลที่มาต้อนรับพวกเราแล้ว ฉันรู้สึกได้เลยว่าพวกเขาเหนื่อยล้าและไม่สบายใจนะคะ  ฉันว่าสายตาของบางคนที่พอเห็นได้บอกถึงความกังวลใจแม้ว่าความรู้สึกรับผิดชอบที่พวกเขามีอยู่เต็มร้อย  ดูจากความเข้มแข็งและมีวินัยของแถวที่เขายืนต้อนรับฉันว่าพอประกันได้ถึงความเข้าใจที่ทำให้พวกเขามาเกี่ยวข้องทำหน้าที่เหล่านี้

เห็นพวกเขาแล้วฉันก็มีคำถามติดตัวกลับมาหาคำตอบด้วย  คำถามเดียวกับที่เพื่อนๆก็เคยถามในห้องเรียนค่ะ “การทำร้ายกันถึงชีวิต มุสลิมคิดอย่างไร หลักศาสนาอิสลามสอนไว้อย่างไร”

ก็งานที่กำลังพลเหล่านี้เขาทำกันอยู่และ เล่าให้ฟังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องราว “ทำร้ายกันถึงชีวิต” ไม่ใช่หรือ ทั้งหมดที่เห็นเป็นมุสลิมทั้งสิ้น  พวกเขารู้สึกขมขื่นที่จำเป็นต้องทำร้ายกันให้เสียเลือดเนื้อหรือเปล่านะอยาก รู้จริง

ภาพอย่างที่เห็นนี้ ในวันธรรมดาๆคงไม่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้

ตอนที่เดินทางมาถึงฉันเห็นรถตู้คันหนึ่งวิ่งมาจอดด้วย เมื่อคนในรถก้าวลงมาฉันก็เห็นป้าแจ๋ พี่จุกและพี่อู๊ด ที่แท้พี่จุกได้ทราบว่าป้าแจ๋มานราธิวาส จึงขอตามมาสังเกตการด้วย ตอนที่พวกเรานั่งฟังบรรยาย ป้าแจ๋ไม่ได้เข้าไปสมทบด้วย ดูเหมือนป้าแจ๋แวะลงเยี่ยมที่นี่ไม่นานก็เดินทางแยกตัวไปพร้อมพี่ทั้ง ๒ คน

๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 380112เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2010 19:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท