หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

นักเรียนรุ่นเสาร์ ๕ ดูงานต่างประเทศ (๔) : อินเดีย - พอเริ่มหากระดุมก็ถูกห้าม


มื้อแรกที่เริ่มลิ้มอาหารอินเดียบนเครื่องบิน ก็ได้กลิ่นของเครื่องเทศโชยเข้าจมูกเมื่อเปิดฟอยล์ รสชาติของอาหารมีเครื่องเทศพอประมาณ ฉันรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากอาหารในเมืองไทยเท่าไร รสชาติของแกงที่ราดข้าวมาให้เป็นรสถั่วล้วนๆเลยค่ะ

ถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาที พนักงานของสายการบินก็เปิดประตูให้ขึ้นเครื่องกันได้  บรรดาเพื่อนๆพี่ๆต่างทะยอยกันเดินเข้าไปด้วยกันเป็นกลุ่มๆ  คนที่ต้องอัดลมให้ปอดตัวเองก่อนก็พากันเลี่ยงไปเข้าโรงสีที่อยู่ใกล้ๆทางเดิน อัดลมกันจนเต็มปอดแล้วพวกเขาจึงพากันเดินขึ้นเครื่องอย่างสบายใจ

เดินไปจนถึงที่นั่งแล้ว ฉันจึงรู้ว่าผู้ที่ได้ที่นั่งข้างๆกันเป็นพี่ศิริศักดิ์ (ศิริศักดิ์ ติยะพรรณ) อัยการผู้เคร่งขรึมเมื่ออยู่ในห้องเรียน วันนี้พี่เขามาผิดฟอร์มแฮะ เฮฮายิ้มแย้มเป็นเด็กกว่าวัยมากมาย วาจาเย้าแหย่คมซะจนโต้ตอบไม่ทันด้วย  พี่วิเชียรได้ที่นั่งอยู่ด้านหลังไปหนึ่งแถว น้องจ๋าได้ที่นั่งด้านหลังเครื่องไปโน่นเลย ลุงเอกได้ที่นั่งตรงไหนมองไม่เห็น

เครื่องบินร่อนขึ้นจากรันเวย์เวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี ระหว่างบินได้ครึ่งทางพนักงานก็เสิร์ฟอาหารให้  อาหารที่เสิร์ฟเป็นอาหารอินเดีย มีเมนูให้เลือก ๒ แบบ หนึ่งเป็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นไก่ อีกหนึ่งเป็นอาหารมังสะวิรัติ  รสชาติของเมนูไก่เป็นอย่างไรฉันไม่รู้ เพราะฉันเลือกเมนูมังสะวิรัติ

๒ ภาพบน รันเวย์สนามบินไทย  วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๒๔ น. (เวลาไทย)

ภาพล่างรันเวย์สนามบินกัลกัตตา วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐.๓๐ น. (เวลาอินเดีย)

แพคกิ้งค์ของอาหารที่นำมาเสิร์ฟทำอย่างง่ายๆ ใช้กระดาษฟอยล์คลุมบนกันเปื้อนเท่านั้นเอง มีก็แต่ส่วนของอาหารหวานที่ใช้พลาสติกคลุมรัดกุมมิดชิด

มื้อแรกที่เริ่มลิ้มอาหารอินเดียบนเครื่องบิน ก็ได้กลิ่นของเครื่องเทศโชยเข้าจมูกเมื่อเปิดฟอยล์  รสชาติของอาหารมีเครื่องเทศพอประมาณ ฉันรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากอาหารในเมืองไทยเท่าไร รสชาติของแกงที่ราดข้าวมาให้เป็นรสถั่วล้วนๆเลยค่ะ

แม้ว่าสายการบินที่พาพวกเราบินขึ้นฟ้าในคืนนี้จะเป็นการบินไทย ฉันรู้สึกว่ารสอาหารที่เสิร์ฟให้ดูเหมือนไม่ใช่ฝีมือแม่ครัวไทยนะคะ

ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกแล้ว ระหว่างนั่งบนเครื่องบินฉันก็นอนไม่หลับ ในขณะที่พี่ศิริศักดิ์นอนหลับสนิทไปได้พร้อมหูฟัง การจัดการตัวเองอย่างง่ายๆบอกให้รู้ว่าพี่เขาคุ้นกับการเดินทางไกลเป็นนิจ

เครื่องพาบินมาถึงสนามบินกัลกัตตาตี ๒ เมืองไทย  มีคนบอกว่าเวลาอินเดียช้ากว่าเมืองไทยชั่วโมงครึ่ง เทียบเวลาอินเดียเครื่องร่อนลงที่พื้นดินกัลกัตตาเที่ยงคืนครึ่งของอินเดีย ซิเนอะค่ะ

ก่อนเครื่องลงพนักงานเครื่องบินประกาศว่า ห้ามถ่ายภาพสนามบิน แต่มือฉันไวกว่าถ่ายภาพไปก่อนแล้ว ภาพที่ถ่ายไว้มองเห็นแค่แสงไฟ

ไม่ได้ลบภาพทิ้งไปหรอกค่ะ ภาพมันมืดซะขนาดนั้นจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้นะเออ พี่วิเชียรซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังนึกสนุก แซวว่าเดี๋ยวจะแจ้งความเจ้าหน้าที่ว่ามีคนแอบถ่ายรูปไว้  ตอนฟังละอายอยู่เหมือนกันที่ทำอะไรแหกกฏ แต่พอรู้ว่าคนอินเดียเขายึดคตินิยมว่ากฎมีไว้แหกกฏ เลยถือโอกาสทำตามคนอินเดียซะเลย

สนามบินหน้าตาเป็นยังไงยังไม่เห็น กลับมาบ้านอยากรู้จึงไปค้นดูค่ะ ค้นแล้วได้ภาพข้างล่างนี้มา แถมได้รู้จักชื่อสนามบินด้วย ชื่อยาวเหยียดเชียว ขอบคุณคุณหนุ่มเมืองกรุง เจ้าของภาพนะคะ

สนามบินกัลกัตตา  ถ่ายเมื่อ เวลาเช้าของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๔๗ มีชื่อเต็มเรียกว่า

“ท่าอากาศยานนานาชาติ เนตาจิ สุภาส จันทรโภส”

“Netaji Subhash Chandra Bose International Airport”

ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางที่บินจากสุวรรณภูมิมายังกัลกัตตา ไกลถึง ๑,๖๗๕ กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาแป๊บเดียวเองก็ถึงแล้ว

ไชโย ในที่สุดนักเรียนโข่งก็เดินทางมาถึงแดนชมพูทวีปโดยสวัสดิภาพทุกคน

ก่อนลงจากเครื่องบิน พนักงานมอบช่อกล้วยไม้มาดามติดเข็มกลัดเรียบร้อยให้ช่อหนึ่ง  รู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษเลยค่ะ

๔ สิงหาคม ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 387585เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2010 22:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท