ระหว่างรอให้ผู้เชี่ยวชาญมากันครบ พวกเราก็มีการเล่นเก้าอี้ดนตรีสลับเก้าอี้กันหลายรอบ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องด้วย ไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก จนกระทั่งการสานเสวนาอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้น ลุงเอกแนะนำว่าชายดังกล่าวคือ ท่านทูตพลเดช วรฉัตร พอได้ยินชื่อฉันหูผึ่งเลยเชียว คุ้นๆว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน นึกไปนึกมาก็อ้อ…เคยผ่านตาเห็นท่านใน G2K นี่เอง
ไม่เคยคุยกันผ่านบล็อก ได้แต่แอบรู้จักท่าน วันนี้เจอตัวจังๆ ด้วยศักดิ์และฐานะของท่าน ไม่กล้าเข้าไปทักทายเลยอ่ะ ได้แต่แอบลุ้นเท่านั้นเองว่าจะมีโอกาสได้คุยกับท่านบ้าง
ระหว่างการสานเสวนาดำเนินไป ฉันไม่รู้เลยว่ามีเพื่อนๆป่วย มาูรู้อีกทีก็มีบางคนหายไปแล้ว รู้มาภายหลังว่าชวนกันไปนอนพักที่สถานทูต รอกันอยู่ที่นั่น
ตอนเดินเข้าไปเป็นบรรยากาศอย่างนี้ เจอบรรยากาศในห้องเป็นอีกอย่าง เผลอสนุกนอนดึกกันมาก่อนด้วย เลยเดี้ยงกันไปหลายคน
ท่านทูตให้เกียรติเรามาก อยู่ร่วมฟังการสานเสวนากับเราด้วยจนกระทั่งการแลกเปลี่ยนในห้องประชุมจบลง ก่อนที่ท่านจะผละไป ท่านบอกว่าไว้ไปที่สถานทูตแล้วจะมีรายละเอียดมาเล่าให้ฟัง
ทีมนักวิชาการที่มาคุยให้เราฟัง เขามีข้อมูลเชิงลึกในหลายแง่มุมในงานของเขาจริงๆ เขาจับเอาภัยคุกคามออกมาแตกเป็นประเด็นให้เราฟังได้เป็นฉากๆ ทั้งเรื่องแคชเมียร์ ลัทธิเหมา การก่อความไม่สงบในทุกแคว้น
เขามีผู้เชี่ยวชาญตามเรียนรู้ ตามวิเคราะห์เหตุการณ์หมดทุกพื้นที่ เขาไม่ได้แค่วิเคราะห์เพื่อใช้สอนเท่านั้น แต่เขาทำหน้าที่เป็นคลังสมองให้ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลด้วย และรัฐบาลก็ฟังเขาด้วย และรัฐบาลก็ไม่ได้ทำตามเขาไปทุกเรื่องหรอก
ความเป็นองค์กรอิสระของเขา ไม่ได้ใช้งบประมาณหนุนจากรัฐบาล แต่เป็นงบแบบกองทุนบริหารจัดการในรูปมูลนิธิซะมากกว่า
เขาเล่าว่าการควบคุมการก่อการร้ายที่นี่ใช้กำลังทหารด้วย เขาให้เหตุผลว่าใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ ไม่ได้ใช้เพื่อเผชิญหน้า
เขาพูดชัดว่าการใช้กำลังทหารจำเป็นสำหรับการมีภัยคุกคามลักษณะนี้
ในการแลกเปลี่ยน สานเสวนา ท่านทูตพลเดช วรฉัตร มานั่งเป็นกำลังใจให้เราด้วย
อินเดียมีจุดดูแลความมั่นคงอยู่รอบตัว ๔ จุด ทุกจุดเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเป็นเมืองท่าริมฝั่งมหาสมุทรอินเดีย โกลกาตาที่เราผ่านไปดูงานมาแล้วเป็น ๑ ใน ๔ จุดที่มีหน่วยความมั่นคงตั้งอยู่ อีก ๓ จุดอยู่ที่ เจนไน ไฮเดอราบัด และ มุมไบ
นอกจากหน่วยงานความมั่นคงที่อยู่ตรงจุด ยุทธศาสตร์แล้ว เขายังจัดระบบการข่าวที่รวดเร็วไว้ด้วย ในภาษางานของฉันเรียกมันว่า SRRT หรือ survellance rapid response team ทำหน้าที่เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วเรื่องการข่าวค่ะ เร็วในการลงไปพื้นที่ เพื่อค้นหาคำตอบของเหตุการณ์ หน้าที่สืบข่าวเพื่อวิเคราะห์ต้นเหตุและลงมือแก้ให้ทันท่วงทีเป็นของคนในทีม นี้
ระบบการข่าวที่เร็วของอินเดียเขามีระบบ คล้ายๆการทำงานแบบ SRRT ของฉัน เขามีหน่วยงานที่เรียกว่า หน่วยสอบสวนกลางแห่งชาติทำหน้าที่บัญชาการ มี quick response Team และ special intervention unit ทำงานอยู่ในรัฐต่างๆ คอยตอบโต้การก่อการร้ายให้ทันท่วงที มีระบบประสานงานด้านการข่าวจากรัฐบาลแห่งรัฐไปยังรัฐบาลกลางด้วย
การตอบโต้เพื่อลดอิทธิพลความเชื่อของลัทธิเหมาเขาใช้วิธีพัฒนาพื้นที่และแก้ไขปรับปรุงวิธีประสานงานระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐพื้นที่
คุยกัน ๒ ชั่วโมง มอบของที่ระลึกแล้วย้ายมาคุยตัวต่อตัวก่อนลากลับ
เขาเลี้ยงเราง่ายๆดี มีแค่บิสกิตหยิบเอาเอง ชงกาแฟ-ชาเอง
เรื่องที่เขาเล่าว่าท้าทายที่สุดเ็ป็นเรื่องปากีสถาน ประสบการณ์จากการมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับปากีสถาน และบทเรียนจากการก่อการร้ายทำให้เขาหันมามองว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องสำคัญ
วันนี้ทิศทางของการเมืองและการพัฒนาประเทศของอินเดียจึงคิดถึงการปรับ ดุลยภาพของการมีความสัมพันธ์ร่วมกันมากขึ้นไม่ลำเอียงเข้าข้างใครข้างใดข้างหนึ่งเกินไป
ฟังเขาแล้วรู้เลยว่าเพื่อนบ้านตามพรมแดนอย่างเช่นพม่า บังคลาเทศ และปากีสถานสอนบทเรียนด้านการเมืองให้อินเดียเกิดปิ๊งแง่มุมใหม่ในการพัฒนาประเทศและกำหนดนโยบายทางการเมือง การสานสัมพันธ์ที่มากขึ้นกับเพื่อนบ้านเหล่านี้จึงเกิดขึ้น
เรื่องที่ยากที่อินเดียมองอยู่คือบทบาทของอเมริกาที่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับการจัดการเรื่องการก่อการร้าย
รับรู้วิธีคิดของคนอินเดียระดับมันสมองที่ นี่แล้ว ต้องร้องเฮ้อในใจ ทำไมไม่เห็นบ้านเรามีระบบงานวิชาการที่เป็นคลังสมองเพื่อประเทศบ้างเลย บ่นแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ไม่ใช่ซิ บ้านเรามีนี่ไงคนหนึ่งในคลังสมองบ้านเรา
ลอดแว่นมองวิธีคิดของอินเดียด้านความมั่นคงผ่านภูมิรัฐศาสตร์
๖ สิงหาคม ๒๕๕๓
ท่านเอกชัยหรือลุงเอกได้แนะนำให้รู้จักหมอเจ้โดยบอกว่า นี่ไงหมอเจ้ จากบล๊อค G2K
ก็รู้สึกดีใจที่ได้พบกับสมาชิกเว๊บบล๊อคเดียวกัน แต่เนื่องจากนักศึกษาพระปกเกล้าคณะนี้มีจำนวนมาก เลยไม่ทันได้สนทนาอะไรมากมาย จึงได้บอกว่า
เอาไว้เย็นนี้เจอกันที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตนะครับ ซึ่งจะได้ให้การต้อนรับ บรรยายสรุปและเลี้ยงอาหารค่ำให้ด้วย
ก็รอหมอเจ้ คนสวย แซ่เฮเล่าต่อครับ
คุณหมอครับ
ต้องขอชื่นชมคุณหมอเจ้นะครับที่อุตสาห์นำเรื่องมาเล่าเป็นข้อมูลสำหรับนักศึกษาคนอื่นและผู้สนใจด้วย
ในรุ่นหนึ่งจำได้ว่ามีท่านทนายชาวเกาะที่ทำแบบนี้ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้สนใจมาก
ผมว่าท่านเอกชัยน่าจะมอบรางวัลนักศึกษาทำคุณประโยชน์ดีเด่นให้นะครับ มีกันรุ่นละ 1 คน ก็ถือว่าดีมากแล้วครับ
เท่าที่เล่ามาถือว่าสนุกและได้ใจความดีครับ เห็นภาพรวมการเดินทางและดูงานได้ดี ส่วนใครสนใจในรายละเอียดใด ก็คงไปหากันเองได้
อินเดียต้องถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับโลกปัจจุบันและในอนาคตครับ เพราะวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาแบบแขก บางทีก็ใช้ได้ผล ทั้งที่เราอาจคิดว่าไม่น่าจะได้ผล ที่สำคัญเขาคิดแล้วทำ ไม่ถูกก็แก้ไขกันจนสำเร็จ ได้สูตรสำเร็จนำไปใช้ได้
ด้วยการสร้างสมดุลย์ในนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านและมหาอำนาจ จะทำให้อินเดียมีบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศในอนาคตแน่นอนครับ