หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

นักเรียนรุ่นเสาร์ ๕ ดูงานต่างประเทศ (๓๘) : อินเดีย - incredible india


เรื่องยากในการลงทุนกับอินเดียอยู่ตรงที่ เขายังไม่เปิดเสรีเต็มที่ กฎระเบียบด้านการลงทุนในแต่ละรัฐไม่เหมือนกัน และไม่แน่นอน การติดต่อการค้าต้องผ่าน local partner ที่่เชื่อใจได้ การเข้าถึง Key Players ของเขายากสำหรับภาคเอกชน

แล้วท่านทูตก็นำพาให้มองเห็นมุมใหม่ของการ ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย ท่านเล่าว่าอินเดียมีบทบาทในอาเชียนสูง โดยเป็นประเทศคู่เจรจาอาเชียนในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ (ค.ศ. ๑๙๙๕) ก่อนลงนามใน FTA ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้เขาก็จะจัดงานฉลองความสัมพันธ์อาเชียน-อินเดียครบรอบ ๒๐ ปีด้วยการจัดประชุมสุดยอดอาเชียน-อินเดียสมัยพิเศษ

เป็นหนึ่งในประเทศ BIMSTEC ที่เชื่อมเอเชียตะวันตกเฉียงใต้กับเอเชียใต้ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมเข้าด้วยกันอย่างที่เล่ามาแล้ว

และเป็นส่วนหนึ่งของ MGC (Mekong - Ganga Cooperation) ซึ่งมีประเทศอยู่ ๖ ประเทศได้แก่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และอินเดีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและเชื่อมโยงความร่วมมือในกิจกรรมหลัก ๔ สาขา ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และด้านการคมนาคมขนส่ง

 

เรียนกันตั้งแต่ไม่มืดจนมืดเลย...เห็นความเข้มข้นของหลักสูตรมั๊ยค่ะ

ฉันไม่รู้จัก MGC ค่ะจึงแอบไปถามผู้รู้เพื่อให้รู้จัก แล้วได้ความมาว่าอย่างนี้ ก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟังประดับความรู้

แนวคิดการจัดตั้ง MGC เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่าง ประเทศของประเทศคู่เจรจา (Post Ministerial Conference: PMC) โดยแรกเริ่มเรียกว่า กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำคงคา - สุวรรณภูมิ - ลุ่มแม่น้ำโขง (Ganga-Suwannaphumi - Mekong Cooperation) และภายหลังจึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อที่เรียกอยู่ในปัจจุบัน

การดำเนินงานของ MGC จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส และคณะทำงาน โดยกำหนดให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีทุกปี back-to-back กับการประชุม AMM มีคณะทำงานทั้งหมด ๕ ชุดโดยมอบหมายให้ประเทศสมาชิกรับเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งไทยเป็นประธานคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว  อินเดียเป็นประธานคณะทำงานด้านการศึกษา กัมพูชาเป็นประธานคณะทำงานด้านวัฒนธรรม ลาวเป็นประธานคณะทำงานด้านการขนส่งและคมนาคม เวียดนามเป็นประธานคณะทำงานว่าด้วยแผนปฏิบัติการ

มีแผนปฏิบัติการ Hanoi Programme of Action ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ๖ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นความร่วมมือทำงานด้วยกัน แผนนี้จะมีการทบทวนทุก ๒ ปี และยังมี  Phnom Penh Road Map ซึ่งเป็นแผนงานเร่งรัดการดำเนินโครงการของ MGC ร่วมใช้อยู่ด้วย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เป็นต้นมา

มีการประชุมระดับรัฐมนตรีมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งถึงการประชุมครั้งที่ ๔  เมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค. ๒๕๕๐ ที่เมืองเซบู ไทยได้ส่งมอบความเป็นประธาน MGC ให้แก่ประเทศอินเดีย  สถานะล่าสุดอินเดียก็เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม MGC ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (MGC SOM) ครั้งที่ ๖ ที่กรุงนิวเดลีและระดับรัฐมนตรีครั้งที่ ๖ ที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

การให้ทุนการศึกษาที่เล่ามาแล้วในบันทึกก่อนก็มีที่มาจากความสัมพันธ์ใน MGC นี่แหละค่ะ

  s12

ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือและทหารอากาศ นาวาเอกบัญชา บัวรอด

กับนาวาอากาศเอกไพศาล น้ำทับทิม ให้ข้อมูลด้านการทหาร

ในส่วนของงานกงสุลมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการดูแลคนไทยด้วย ท่านทูตเล่าว่ามีคนไทยอยู่โดยรอบที่ต้องให้การดูแล ๑,๒๐๐ คนอยู่ในเดลี ปัญจาบ รัฐหรยาณา หิมาจัลประเทศ และอุตตระประเทศ ท่านใช้คำว่ามีทั้งนักเรียน พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา แสดงว่ามีคนไทยนำพาตัวมาปฏิบัติธรรมและเรียนหนังสือเยอะ มีชุมชนชาวอินเดียสัญชาติไทยด้วยนะ และมีหญิงไทยที่ติดตามคู่สมรสมาด้วย

ในกลุ่มของผู้มาศึกษามีกลุ่มหลายกลุ่ม ทั้งพระสงฆ์ ฆราวาสพุทธ และมุสลิมรวมตัวกันอยู่ในรูปสมาคม พระสงฆ์อยู่ในเดลี มุสลิมอยู่ในอาลิการ์ ฆราวาสพุทธอยู่ในลัคเนาว์

มีคนไทยที่เป็นนักโทษด้วย แต่ไม่ถึง ๑๐ คน คนต้องโทษเป็นหญิง ๗ คนอยู่ที่เดลี ๑ คนอยู่ที่โครักปูร์ ข้อหาที่ต้องโทษคือค้ายาเสพติด เรื่องนี้มองธรรมดาๆก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามองอีกมุมก็ให้ภาพอะไรอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับการเลี้ยงดูหญิงไทยและ ทัศนคติในครอบครัวไทย

จบเรื่องของการต่างประเทศแล้ว ท่านก็ส่งไม้ต่อให้ผู้ช่วยทูตด้านการทหารทััพเรือและอากาศเล่าเรื่องการทหารให้ฟัง ต่อด้วยผูู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์แล้วยุติการบรรยายค่ะ

ขอบคุณผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ที่ช่วยบรรยายสรุปให้ฟังสั้นๆ

แต่ได้แก่นสำคัญสำหรับให้พวกเราไปใช้ทำรายงานค่ะ

ความเป็น incredible india ที่ได้ฟังจากกระทรวงพาณิชย์ให้ภาพว่าอยู่ตรงที่ตะวันตกคาดการว่า อินเดียจะมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงเป็นอันดับ ๓ ของโลกด้วยความมั่นคงด้านประชากร ที่มีทั้งปัจจัยด้านจำนวนและปัจจัยด้านความสามารถ ทั้งๆที่มีตัวถ่วงคือความยากจนของคนในประเทศเขาติดอันดับรายได้ต่ำที่สุดในโลกและอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนที่ทั่วโลกใช้วัดความจน และคนจนนี้ก็มีตั้ง ๔๒% ในประเทศของเขาเชียวแหละ

คนจนตั้ง๔๕๖ ล้านคน เขาทำให้อยู่หมัดได้ยังไง ไม่น่าเชื่อเลย

คนอินเดีย ๑,๒๐๐ ล้านคน มีชายในสัดส่วนพอๆกับหญิง แต่ชายอายุสั้นกว่าหญิง (ชายเฉลี่ย ๖๖ ปี หญิงเฉลี่ย ๗๑ ปี) รวมๆแล้วอายุเฉลี่ยคนสูงวัยของเขาอยู่ที่ ๖๘ ปีครึ่ง

คนกำลังโตของเขามีตั้ง ๓๑.๘ %  คนที่พึ่งพาแรงกายและสมองได้แล้วมีถึง ๔๙ %  คนที่พึ่งพาประสบการณ์ได้แล้วมีถึง ๑๔%  และวัยขิงแก่มีถึง ๕%

ภาพรวมๆความมั่นคงทางประชากรของอินเดียอยู่บนบ่าของคนอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีซึ่งมีถึง ๘๐%  กินขาดประเทศไทยเราเลยนะ บ้านเรานะมีขิงแก่เยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว ต่อไปไม่รู้จะมีใครให้พึ่งได้…เฮ้อ

สมแล้วที่ยกให้อินเดียเป็นประธาน MGC เพราะว่าคนของเขารู้หนังสือเกินกว่าครึ่ง (๖๕.๓๘% )   คุณภาพชีวิตที่เราเห็นผ่านมาดูมันหลอกตาแฮะ อัตราตายของคนอินเดียอยู่ที่ ๐.๖๖% เท่านั้นเอง อัตราเด็กเกิดใหม่อยู่ที่ ๒.๒%

ตัวเลขนี้บอกคุณภาพงานสาธารณสุขของเขาให้รู้ คนเยอะขนาดนี้ ตาย-เกิดเพียงแค่นี้ คนทำงานสาธารณสุขเขาต้องเก่งจริงๆ การส่งเสริมสุขภาพของเขาต้องเจ๋งด้วยนะ

ได้ข้อมูลเพิ่มเรื่องศาสนาและภาษาของอินเดียมาอีกว่ามีภาษาใช้ ๑๘ ภาษา นอกเหนือจาก ๓ ศาสนาที่เคยเอ่ยถึงแล้ว ยังมีคริสต์ ซิกส์ และเชนอีก

คนคริสต์ ๒.๓% ซิกส์ ๒.๑% และมีเชนหรือชีเปลือย ๐.๔% ลองเอาไปคูณพันสองร้อยล้านคนดูซิค่ะ จะเห็นพลังทางศาสนาของแต่ละศาสนาในอินเดียที่บอกถึงความมีรากวัฒนธรรมเก่าแก่มานานเลยค่ะ

อินเดียมีดีตรงค่าแรงถูก มีคนอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีจำนวนสูง คนมีกำลังซื้อสูง กำลังซื้อระดับกลางขึ้นไปอยู่ที่ ๓๒%  กำลังซื้อระดับสูงอยู่ที่ ๑๐%  ข้อมูลตรงนี้บอกว่าคนชั้นกลางที่มีรายได้และคนรวยของเขามีถึง ๑ ใน ๓ ของคนของแล้ว ๑๐% ก็เป็นคนรวยมากด้วย น่าลงทุนมั๊ยละ

ถึงแม้จะค่ำแล้ว คนฟังก็ยังมีแรงฟัง มีแรงสนุกกับการฟัง

กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า ถ้าทำธุรกิจการบริการจะเติบโตได้สูงถึง ๕๕.๖% ของ GDP  อุตสาหกรรม ๒๖.๖% และการเกษตรอยู่ที่ ๑๗.๘%  จะเลือกลงทุนอะไรดีก็ลองคิดดูเถิด เมื่อรู้ว่าในการเป็นผู้ซื้อนั้นอินเดียจะพึ่งตลาดภายในประเทศตัวเอง ไม่ใคร่ต้องพึ่งตลาดส่งออก จะพึ่งนอกประเทศก็เรื่องการลงทุนต่อทรัพยากรสำคัญที่เขามีอยู่ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานราคาถูก ฯลฯ เขาทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกับชาวอินเดียโพ้นทะเลติดต่อการค้ากันด้วยนะ

อินเดียมีค่าเงินของตัวเอง หน่วยเป็นรูปี เวลาไปซื้อของเรามักใช้เรียกราคากันว่า “กี่รู” ฟังแล้วจ๊๊กจี้ไหม ค่าเงินรูปีนั้นผันผวนและอ่อนตัวตลอดเวลา สงสัยเพราะเหตุนี้ด้วยมั๊งที่คนอินเดียไม่ใคร่ใช้เงินดอลลาร์ ราคา ๑ รูตอนที่พวกเราไปอยู่ที่ประมาณใกล้ๆ ๑ บาทไทย

การลงทุนในอินเดียนั้นกระทรวงพาณิชย์เห็นว่า น่าลงทุนในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กลุ่มพลังงาน กลุ่มวัตถุดิบ และกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

จะว่าไปแล้วการส่งออกของไทยไปอินเดียมีตัวเลขที่น่าพอใจ  ๒ ไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๓ ยอดส่งออกพุ่งเกินเป้าถึง ๒ เท่า (จาก ๑๖% เป็น ๓๖.๖% )   สินค้าจากไทยที่ตะลุยตลาดอินเดียจนได้ยอดตัวเลขที่เล่ามาแล้วมีอยู่ ๕ กลุ่ม คือ พลาสติก อุปกรณ์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์  เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และ เครื่องจักรกลตลอดจนส่วนประกอบ

เรื่องยากในการลงทุนกับอินเดียอยู่ตรงที่ เขายังไม่เปิดเสรีเต็มที่ กฎระเบียบด้านการลงทุนในแต่ละรัฐไม่เหมือนกัน และไม่แน่นอน การติดต่อการค้าต้องผ่าน local partner ที่่เชื่อใจได้ การเข้าถึง Key Players ของเขายากสำหรับภาคเอกชน

คนรวยอินเดียไม่ชอบเที่ยวในประเทศ บ้านเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนอินเดียชอบ  นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเป็นอันดับ ๒ ของชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับ ๓ ของการท่องเที่ยวทั่วโลก

ปี ๒๕๕๑ นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเกือบ ๖ แสนคนและเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๕๒ ถึง ๒๐%   ปี ๒๕๕๓ คนอินเดียเข้าไทยในช่วงเดือนมค.-มิย. แล้ว ๓ แสนกว่าคน  เชื่อว่าปีนี้นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามาเที่ยวรวมทั้งปี ๗ แสนคน

จุดแข็งที่ทำให้คนอินเดียไปเที่ยวไทยเยอะอยู่ตรงที่เขามองว่าการใช้เงิน ในประเทศไทยคุ้มค่า ไปเที่ยวทั้งครอบครัวแล้วสนุกและมีความสุข  เป็นที่ซึ่งเขาใช้วันหยุดได้อย่างมีคุณภาพ เมืองไทยเป็นประเทศที่ปิด มีความหลากหลาย และมีกฎหมายที่ชวนชื่นชม (nice in-law)

จบการบรรยายกันแค่นี้ แล้วเราก็ไปกินข้าวกัน

หมายเลขบันทึก: 405515เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2010 20:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

หมอเจ้ครับ

คนที่อ่านบันทึกของหมอจะรู้ว่าหลักสูตรและคณะนักศึกษารุ่นนี้มีควมตั้งใจดูงานมากจริงๆ ซึ่งผมก็ขอยืนยันว่าคณะนักศึกษารุ่นนี้ของสถาบันพระปกเกล้าถือว่าเป็นคณะศึกษาดูงานตัวอย่างที่มีคุณภาพมากที่สุดในรอบหลายปี ไม่ทำให้ภาษีของราษฏรสูญเปล่า ผลงานหลังการทัศนศึกษาที่มีนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ดีครับ

ในส่วนของการลงทุนในอินเดียที่ว่ายังไม่เปิดเสรีและยากนั้น ผมอยากให้มองว่าอินเดียก็ไม่ได้ยากเกินไปหรือยากไปกว่าหลายประเทศไม่ว่าจะเป้นจีน ญี่ปุ่น ยุโรปหรือสหรัฐฯเอง เพราะเขาได้บทเรียนจากประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายว่าหากไม่ปกป้องป้องกันดีๆ ก็จะถูกประเทศมหาอำนาจหรือประเทศพัฒนาแล้วเอาเปรียบ กดดันใช้กฏหมู่ ในแง่ของประเทศกำลังพัฒนา อินเดียเป็นแชมป์ของการปกป้องผลประโยชน์ซึ่งไทยควรเอาอย่างครับ เปิดเสรีเมื่อพร้อมครับ

หากเป็นการค้าการลงทุนที่ได้ประโยชน์ทั้งคู่ อินเดียยินดีครับ

ผมก็ยังยืนยันว่า ในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ อินเดียตลาดที่มีศักยภาพและเป็นอนาคตของประเทศไทยได้ หากเรามองเห็นและสนใจอินเดีย ไม่ต่างไปจากคำสุภาษิตที่ว่า"ชีวิตคือการต่อสู่ ศัตรูคือยาชูกำลัง"

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท